4 ส.ค. 2020 เวลา 17:52 • การตลาด
ทำไม McDonald’s อันดับ 1 ของ Fast Food ถึงได้ล้มเหลวที่ Iceland ?
มาเรียนรู้บทเรียนจากก้าวที่พลาดของเค้ากัน
McDonald’s มีสาขาเกือบ 37,000 แห่งใน 120 ประเทศ (ก็คือทั้งโลกแล้ว) โดยที่มูลค่าของแบรนด์คือ $126 billion (ดอลล่า) เลยแน่ะ!!
McDonald’s เองยังตั้งเป้าหมายในการขยายสาขามากกว่า 100 สาขาต่อปีอีกด้วยนะ
แต่ยังมี 1 ในความผิดพลาดที่แม้แต่เจ้าแห่ง Fast food เองยังก้าวพลาด ก็คงต้องย้อนกลับไปในปี 2009 ที่ไอซ์แลนด์
ก็คือปิดทุกสาขาเลยนะเพื่อนๆ ถือว่าเป็นบทเรียนที่ดีมากกับ McDonald’s และบริษัท Food chain เจ้าอื่นๆด้วยเช่นกัน
2
ถ้าพร้อมแล้ว ก็ไปย่อยกันเลยยยย !
สาเหตุที่ทำให้ McDonald’s ต้องปิดกิจการใน Iceland
1. ไม่มีความตื่นเต้นและแปลกใหม่ของ McDonald’s กับชาวไอซ์แลนด์แล้ว
- ต้องย้อนกลับไปว่า McDonald’s ได้มาเริ่มเปิดสาขาที่ไอซ์แลนด์ในปี 1993 และได้เป็นกระแสฮือฮามาก กับ Hamburger
- ใช่แล้วเพื่อนๆ Hamburger ขนมปังหุ้มเนื้อนี่ละ โดยจุดที่ทำให้ McDonald’s กลายเป็น Viral ในสมัยนั้นคือ อดีตนายกของไอซ์แลนด์ David Oddsson ได้ไปเยือนยังร้าน McDonald’s สาขาแรก เพื่อรับประทาน Burger
อ้ามมมมม (David Oddsson กำลังกิน Burger)
- หลังจากภาพข้างบนนี้ ชาวไอซ์แลนด์ก็ตื่นเต้นกันอย่างมาก ต่อคิวกันจนล้นถนนเลย (นึกภาพโรตีบอยที่สยามในสมัยก่อนโน้นนนเลยนะ ทันกันไหมเพื่อนๆ ?)
- แต่ตั้งแต่ที่ McDonald’s เข้ามาเปิดตลาด จึงทำให้ไอซ์แลนด์ไม่ใช่เกาะอันแสนโดดเดี่ยวอีกต่อไป นั้นหมายความว่า คู่แข่งของเค้าอย่าง Burger King, KFC ก็ตามมาเปิดสาขาและ แย่งแชร์ Fast food จาก McDonald’s ไปด้วยนะสิ
- การเข้ามาเป็นเจ้าแรกในการเปิดตลาดใหม่ (หรือ First competitive advantage) ก็มีทั้งข้อดีและข้อเสีย แต่ในกรณีของ McDonald’s ออกจะดูไปในทางที่ลบมากกว่า เพราะ การเข้ามาของ Burger King และ KFC ก็ได้เปิดตัวอาหารในรูปแบบใหม่ๆ ทีไม่ได้มีเพียงแค่ Burger น่ะสิ และแน่นอนว่า McDonald’s เลยกลายเป็นแบรนด์ fast food ล้าสมัยไปในทันที (รวดเร็วมาก)
1
2. Global Economic Crisis
- เคราะห์ซ้ำกรรมซัด เวลาก็ได้ล่วงเลยมาจนถึงปี 2008 วิกฤตแฮมเบอเกอร์นั้นเอง (the great recession)
- หลายๆบริษัทและรวมถึงประเทศได้รับผลกระทบหมด
- และนั้นไม่เว้นประเทศที่เป็นเกาะโดดเดี่ยวอย่าง ไอซ์แลนด์ ที่เหมือนจะโดนกระทบเสียหายหนักมากในเชิงเศรษฐกิจ ธนาคารเจ้าที่ใหญ่ที่สุดล้มละลายถึง 3 เจ้าในไอซ์แลนด์
- พูดมาขนาดนี้แล้ว McDonald’s ที่เสียความเสียเปรียบให้กับ follower competitor ยังไม่ทันได้ฟื้นตัวดีเลยมาเจอวิกฤตแบบนี้อีก
- เรื่องนี้เลยทำให้ McDonald’s จำเป็นที่จะต้องวาง Exit strategy
1
3. ปัญหาเรื่องอัตราเงินแลกเปลี่ยน และปัญหาเรื่องของการนำเข้า (Import costs)
- ยังคงอยู่ในพายุเศรษฐกิจนปี 2008 ค่าเงินของ Icelandic króna มีค่าอ่อนลงไปเยอะมากๆ
- ไอซ์แลนด์ไม่ใช่ประเทศที่สามารถผลิตวัตถุดิบในการผลิตอาหารได้ด้วยสภาพภูมิประเทศอยู่แล้ว เพราะฉะนั้น การ Import จึงเป็นสิ่งที่สำคัญมากเกือบที่สุดของ McDonald’s
2
- ทีนี้เพื่อนๆก็พอจะเห็นภาพแล้วว่า ค่าเงินที่อ่อนตัวลงของ Icelandic króna อย่างรวดเร็วทำให้ ต้นทุนการนำเข้าวัตถุดิบต่างๆของ McDonald’s เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล (กำไรยังไม่มี ต้นทุนยังเพิ่มอีก โอ้ยยยยย)
- McDonald’s เหมือนจะโชคดีที่ได้รับการช่วยเหลือการขนส่งวัตถุดิบจากเยอรมัน (เพราะส่วนมากวัตถุดิยที่ส่งออกจากเยอรมันจะค่อนข้างเหมาะกับการทำ fast food อยู่แล้ว) แต่นั้นก็ยังไม่สามารถช่วยให้ McDonald’s ยื้อชีวิตต่อได้ในไอซ์แลนด์
Wall street Journal
4. ราคาหัวหอมทอด 1 กิโล = ราคา Whiskey 1 ขวด
- อันนี้แบบตาม logic เลยคือ กำไรลดลง ต้นทุนมากขึ้น
- และในวิกฤตเศรษฐกิจมีแต่ผู้ประกอบการลดราคสินค้าให้เหมาะกับความสามารถในการใช้จ่ายของผู้คน
- แต่สำหรับ McDonald’s อย่างเก่งที่สุดเลยก็คือ ขายแฮมเบอเกอร์ราคาเท่าเดิม แต่ในขณะที่คู่แข่งเค้าเองกลับลดราคาลง
- และที่หนักกว่าคู่แข่งคือ สินค้าประเภทอื่นๆเช่น เหล้า วิสกี้ กลับมีราคาที่ลดลงจนเกือบจะเท่า Hamburger
- จนทำให้เกิดคำนิยามแนวจิกกัดของชาวไอซ์แลนด์ว่า "onion and whiskey" ว่าแบบ ทำไมชั้นต้องจ่ายเงินราคาที่เท่าเดิมให้กับหัวหอมทอด 1 กิโลที่นำเข้าจากเยอรมัน ทั้งๆที่ชั้นสามารถใช้เงินก้อนนี้ไปซื้อ Whiskey ชั้นดีได้ 1 ขวด
- Icelander คิดได้ดังนั้นจึงขอตัวไปเมาย้อมใจก่อนดีกว่า
5.Financial management ที่ย่ำแย่ของ McDonald’s คือการพึ่งธนาคารมากเกินไป
1
- นี้คือสิ่งสุดท้ายที่ทำให้บริษัท Fast food chain อันดับ 1 ของโลกต้องถูก knock-out จาก Iceland
- ในวิกฤตเศรษฐกิจตกต่ำแบบนี้ บริษัทไหนมี Financial management ทีมที่ดี อาจะมีชัยไปกว่า การมีทีมขายหรือการตลาดที่ดีซะอีก
1
- แต่ McDonald’s พลาดโอกาสดีๆนี่ไป ก็เพราะว่า McDonald’s ดันไปพึ่งการช่วยจัดการทางธุรกรรมกับธนาคารมากเกินไปน่ะสิ
- แล้วยังไงต่อ ? ก็ธนาคารประกาศล้มละลายถึง 3 แห่งเลยนะสิ McDonald’s ก็เลยโดน uppercut สลบคาทีเลยจ้าาา
- McDonald’s ทุ่มทุกอย่างอยู่กับธนาคารแบบ 100% เลยล่ะ
จบแล้วจ้าาาาาา
ก็จริงๆเราว่าเป็นบทเรียนเก่าที่ค่อนข้างเห็นภาพที่ชัดเจนมากๆเลยนะ
โดยเฉพาะวันนี้เราเห็นราคาทองที่พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว จนทำให้หลายๆคนเริ่มวิเคราะห์ว่าอาจจะเกิด ฟองสบู่ขึ้นได้ หรือ อาจจะเลงร้ายกว่านั้นด้วย โควิดระลอกที่ 2
1
ส่วนตัวเรามองว่า การเอาตัวรอดที่ดีที่สุดคือการจัดทำแผนสำรองในกรณีฉุกเฉิน อย่างที่คุณเคน นครินทร์ได้บอกไว้ในการนำเสนอกับนายก ที่เพื่อนๆน่าจะได้ดูกันแล้วเนอะ
เราจะเรียนรู้ได้ยังไง ถ้าเราไม่เห็นก้าวที่พลาดของคนอื่นแล้วเรียนรู้ไปกับเค้า
ก้าวที่ผิดพลาดของบริษัทยักษ์ใหญ่นี่เป็นบทเรียนที่สำคัญมากๆที่อาจต้องมองย้อนกลับมาดู และที่สำคัญ เราต้องไม่พลาดซ้ำนะ ^___^
เพื่อนๆคงไม่อยากให้บริษัทตัวเองเป็น 1 ในกรณีศึกษาอย่างแน่นอน ใช่ไหมเอ่ยย ? อิอิ
โฆษณา