6 ส.ค. 2020 เวลา 11:18 • ประวัติศาสตร์
#กลยุทธ์เเกล้งปล่อยเพื่อฆ่า ไม่ต้อนหมาให้จนตรอก ไม่ไล่คนให้จนมุม
เล่าปี่รับคำสั่งของรองแม่ทัพฮองฮูสงแล้ว จึงยกทหารเดินทางกลับเมืองจงก๋งเพื่อบรรลุเข็มมุ่งทางทหารในการตีสกัด ไม่ให้ทัพเตียวโป้เตียวเหลียงบรรจบทัพกับเตียวก๊กได้สำเร็จ
เล่าปี่เคลื่อนทัพมาถึงกลางทางสวนกับคณะของข้าหลวง ซึ่งคุมคนโทษขังกรงใส่เกวียนมาด้วย เล่าปี่เห็นนักโทษคุ้นหน้านักจึงหยุดม้าแล้วลงไปดู เห็นแม่ทัพใหญ่โลติดถูกจำขังอยู่ในกรงก็เกิดความสงสัย จึงไต่ถามความกับโลติด
โลติดแจ้งแก่เล่าปี่ว่า เราล้อมเตียวก๊กไว้ใกล้จะแตกอยู่แล้ว เตียวก๊กมีความรู้เป็นอันมาก จะเอาโดยเร็วยังมิได้พระเจ้าเลนเต้จึงใช้จูฮงชาววังมาสืบข่าวราชการ จูฮงจะเอาของกำนัลสินบนแก่เรา เราจึงว่าในกองทัพนี้ก็ขาดเสบียงอยู่ เราจะมีสิ่งใดให้สินบนเล่า จูฮงโกรธกลับไปทูลกล่าวโทษว่าเรานี้มิได้มีใจรบพุ่ง ราชการจึงเนิ่นช้าอยู่พระเจ้าเลนเต้จึงให้ตั๋งโต๊ะมาเป็นนายทัพแทนเรา แล้วให้จำเราใส่กรงส่งไปเมืองหลวง
ความที่โลติดแจ้งแก่เล่าปี่นี้ แสดงให้เห็นถึงระบบราชการในแผ่นดินของพระเจ้าเลนเต้ได้อย่างชัดเจนอีกครั้งหนึ่งว่า แม้ขนาดคนระดับแม่ทัพใหญ่อยู่หน้าศึกมีอาญาสิทธิ์ฆ่าคนได้ ทั้งกองทัพก็มีเสบียงไม่พอเพียงก็ยังถูกเรียกเอาสินบน
สามก๊กฉบับภาษาจีนว่า จูฮงนั้นมาจากกรมขันที จูฮงจึงเป็นลูกน้องของสิบขันทีใช้มาทำการ และสำหรับสิบขันทีแล้วไม่รู้สึกผิดปกติใดๆ ในการส่งคนไปเรียกเอาสินบนจากขุนนางทุกๆฝ่ายในแผ่นดิน เพราะเข้าใจเอาเองว่าขุนนางทั้งปวงมีความชั่วช้าเลวทรามเหมือนกับตัว เมื่อได้รับตำแหน่งใดๆแล้วก็จะต้องแสวงหาประโยชน์ ทั้งในรูปของการฉ้อราษฎร์และในรูปของการบังหลวง ดังนั้นแม้ว่าโลติดจะเป็นถึงแม่ทัพใหญ่ถือรับสั่งไปทำศึกปราบจลาจล ก็ยังถูกสิบขันทีมองว่ายิ่งเป็นแม่ทัพใหญ่ก็ยิ่งได้ผลประโยชน์มาก เมื่อโลติดไม่มีทรัพย์สินเงินทองให้เป็นสินบนจึงเป็นเรื่องร้ายแรง ท้าทายอำนาจสิบขันทีอย่างหนึ่ง และเข้าใจไปว่าได้รับผลประโยชน์เป็นจำนวนมากจากการศึก แล้วไม่แบ่งปันอีกอย่างหนึ่ง เหตุนี้โลติดจึงต้องถูกสิบขันทีกราบทูลให้พระเจ้าเลนเต้ถอดออกจากตำแหน่งกลายเป็นคนโทษ แต่ข้อที่ว่าจูฮงโกรธไปทูลกล่าวโทษนั้นเป็นความเข้าใจผิดของโลติด เพราะตัวการใหญ่เป็นสิบขันที จูฮงเป็นแต่เพียงตัวโหมโรงเท่านั้น
เตียวหุยได้ยินคำโลติดแล้วก็โกรธเลือดขึ้นหน้า ชักดาบจะฆ่าผู้คุมเพื่อถอด โลติดออกจากกรง เล่าปี่ได้ห้ามไว้เพราะเป็นข้อรับสั่ง เมื่อเป็นเช่นนี้กวนอูจึงได้เสนอต่อพี่น้องทั้งสองว่าเมื่อโลติดเป็นคนโทษไปเสียแล้วจะไปเมืองจงก๋งตามเดิมพึ่งตั๋งโต๊ะก็ป่วยการ ควรเดินทางหลับเมืองตุ้นก้วนจะดีกว่า
เล่าปี่เห็นด้วยกับข้อเสนอของกวนอู สามพี่น้องแห่งสวนท้อจึงนำทหารเปลี่ยนเส้นทางโฉมหน้าไปเมืองตุ้นก้วน
เดินทางได้สองวัน ได้ยินเสียงม้าล่อฆ้องกลองและเสียงโห่ร้องดังสนั่นมาแต่ไกล เล่าปี่ กวนอู เตียวหุยจึงขึ้นม้าพากันไปบนเนินเขา เห็นธงสำคัญประจำตัวแม่ทัพแล้วก็รู้ว่าตั๋งโต๊ะทหารเมืองหลวงเป็นนายทัพกำลังถูกทัพเตียวก๊กตีแตกพ่ายมา จึงนำทหารลงไปช่วยรบ
ตั๋งโต๊ะ จากซีรี่สามก๊ก2010
ทัพของเตียวก๊กคิดว่าต้องกล เพราะไม่รู้กำลังศึกมากน้อยจึงแตกหนีไป ตั๋งโต๊ะกลับเข้าค่ายแล้วให้หาเล่าปี่กวนอูเตียวหุยมาสอบถามว่าเป็นทหารในสังกัดของใครและมีตำแหน่งแหล่งที่อย่างไร
เล่าปี่จึงบอกว่าไม่ได้เป็นขุนนางไม่มีตำแหน่งแหล่งที่ประการใด ตั๋งโต๊ะฟังแล้วก็แสดงกริยาดูหมิ่นเอากับสามพี่น้อง ไม่ได้แสดงความขอบใจหรือยินดีที่เล่าปี่ได้ช่วยเหลือตีข้าศึกจนแตกพ่ายไป เล่าปี่เห็นท่าทีตั๋งโต๊ะดังนั้นจึงคำนับลาออกมา แต่เตียวหุยเป็นคนเจ้าโทสะ เห็นกริยาท่าทีของตั๋งโต๊ะเช่นนี้ก็โกรธจะเข้าไปฆ่าตั๋งโต๊ะเสีย เล่าปี่เข้าห้ามไว้ แล้วพร้อมใจกันยกทหารกลับไปหาจูฮี ณ เมืองเองฉวนอีกครั้งหนึ่ง เล่าเรื่องราวข้อราชการให้จูฮีฟังทั้งสิ้น
จูฮีฟังความแล้วบอกเล่าปี่ว่า ตั๋งโต๊ะนั้นบ้านอยู่เมืองหลวง ได้รับตำแหน่งเป็นขุนนางที่เจ้าเมืองฮ่อตัง เป็นคนไม่รู้การหนักเบามีแต่ถือตัว ซึ่งท่านจะอยู่ด้วยนั้นหาประโยชน์มิได้ แล้วรับเล่าปี่มาอยู่ในกองทัพเดียวกัน
ฝ่ายตั๋งโต๊ะเมื่อรอดตาย เพราะรบแพ้เตียวก๊กแล้ว ได้ทำศึกกับเตียวก๊กอีกหลายครั้ง รบทุกครั้งก็แพ้ทุกครั้ง เกิดความรักตัวกลัวตาย ไม่อยากรบพุ่งต่อไป จึงติดสินบนสิบขันที ให้พระเจ้าเลนเต้เรียกตัวกลับเมืองหลวง แล้วเลื่อนตำแหน่งเป็นเจ้าเมืองซีหลง ซึ่งเป็นเมืองใหญ่ตอบแทนความชอบค่าส่วยสินบน ทำให้ตั๋งโต๊ะแทนที่จะต้องถูกลงโทษเพราะแพ้ศึก กลับมีอำนาจวาสนามากขึ้น
เมื่อเรียกตั๋งโต๊ะกลับแล้ว พระเจ้าเลนเต้ก็มีพระบรมราชโองการให้เลื่อนตำแหน่งฮองฮูสงเป็นแม่ทัพใหญ่แทนโลติด และรับสั่งให้ยกไปรบเตียวก๊ก ณ เมือง จงก๋ง ฮองฮูสงตีทัพเตียวก๊กแตกและสังหารเตียวก๊กในสนามรบ ส่วนโจโฉซึ่งไล่ตามตีเตียวโป้ เตียวเหลียงไม่ทัน จึงได้กลับมาและทำราชการอยู่กับฮองฮูสง ต่อมาเมื่อได้ข่าวว่าเตียวเหลียงหนีไปตั้งหลักอยู่ ณ เมืองโฉเหียง ฮองฮูสงจึงยกทหารไปเมืองโฉเหียง โจโฉจึงติดตามกองทัพไปด้วย
ฝ่ายจูฮีกับเล่าปี่ได้ข่าวว่าเตียวโป้ถอยไปตั้งหลักอยู่ที่ภูเขาลูกหนึ่ง มีกำลังทหารถึงแปดเก้าหมื่นคน จึงยกทัพจะไปรบกับเตียวโป้
สถานการณ์สงครามในขั้นนี้ ฝ่ายกู้ชาติเหลืออยู่เพียงกองทัพที่นำโดยเตียวโป้กับเตียวเหลียง ในขณะที่กองทัพจากเมืองหลวงก็ได้ปรับขบวนออกเป็นสองกอง กองหนึ่งฮองฮูสงเป็นแม่ทัพใหญ่ มีโจโฉอยู่ในสังกัดยกไปรบกับเตียวเหลียง ณ เมืองโฉเหียง ส่วนอีกกองหนึ่งจูฮีเป็นแม่ทัพมีเล่าปี่อยู่ในสังกัด ยกไปรบกับเตียวโป้ กองทัพของฮองฮูสงรบกับเตียวเหลียงได้รับชัยชนะติดต่อกันถึง 7 ครั้ง ครั้งหลังสุดฮองฮูสงฟันเตียวเหลียงตาย ทัพเตียวเหลียงแตกพ่ายไป ทหารเตียวเหลียงมาเข้าสวามิภักดิ์เป็นจำนวนมาก
ได้รับชัยชนะแล้วฮองฮูสงจึงคุมเอาเชลยศึก และศพเตียวก๊กหัวหน้าขบวนการกู้ชาติกลับเมืองหลวงเข้าเฝ้าถวายรายงานพระเจ้าเลนเต้
พระเจ้าเลนเต้โปรดให้ปูนบำเหน็จฮองฮูสง เลื่อนตำแหน่งขึ้นเป็นแม่ทัพประจำกองบัญชาการทหารกลาง ซึ่งสามก๊กฉบับเจ้าพระยาพระคลัง หน แปลว่า เป็นทหารสำหรับรักษาพระองค์ และโปรดให้ไปเป็นเจ้าเมืองบุยจิ๋วด้วย
พระเจ้าฮั่นเลนเต้
ฮองฮูสงได้กราบทูลพระเจ้าเลนเต้ แก้ต่างให้โลติดอดีตแม่ทัพใหญ่ที่ถูกถอดและจำเป็นนักโทษว่า ไม่ได้มีความผิดดังข้อกล่าวหา และความจริงโลติดมีความชอบใน การสงครามเป็นอันมาก พระเจ้าเลนเต้จึงโปรดให้โลติดพ้นโทษและคืนตำแหน่งเดิมแก่โลติดแต่ไม่ได้พระราชทานบำเหน็จความชอบใดๆ ส่วนผู้ที่ใส่ร้ายโลติดซึ่งสมควรต้องสอบสวนพิจารณาโทษถึงประหารเพราะใส่ร้ายแม่ทัพในยามศึก ก็ไม่โปรดให้สอบสวนหรือดำเนินการใดๆ คงปล่อยให้คนชั่วลอยนวลไปดื้อๆ
ส่วนโจโฉมีความชอบโปรดให้ไปกินเมืองจี้หนำ ในขณะที่เล่าปี่นั้นถึงวันนี้ยังคงกรำศึกอยู่ในสนามรบ โดยที่ยังไม่เคยได้รับบำเหน็จความชอบใดๆ เลย
ทางด้านจูฮี เล่าปี่ ได้ทำศึกกับเตียวโป้หลายครั้ง ครั้งแรกเตียวหุยเอาทวนแทงโกเสงทหารเตียวโป้ตกม้าตายยังไม่ทันครบสามเพลง กองทัพเตียวโป้ก็แตกถอยไป
เล่าปี่ไล่ตามตี เตียวโป้จนตรอกเข้าก็ใช้วิชาผูกพยนต์เสกฟางให้เป็นทหาร แล้วเรียกลมฝน ให้เป็นเมฆมืดอากาศฟ้าร้อง ลมพายุพัดหนักฝนตก แล้วมีคนขี่ม้าถืออาวุธลงมาแต่อากาศ ทหารเล่าปี่ก็ตกใจ เล่าปี่จึงให้ถอยทัพแล้วปรึกษากับจูฮี เพื่อแก้วิทยาคมของเตียวโป้
รุ่งขึ้นเตียวโป้ยกทหารมารบอีก และใช้วิทยาคมเหมือนกับวันก่อน เป็นเมฆมืดฟ้าร้องลมพัดหนักฝนตก เป็นคนขี่ม้าถืออาวุธลงมาจากอากาศเป็นอันมาก เล่าปี่จึงทำเป็นถอยทัพมายังจุดซุ่มที่เตรียมไว้แก้วิทยาคมของเตียวโป้
เตียวโป้และทหารหุ่นพยนต์ไล่ตามเล่าปี่มาถึงจุดซุ่ม ก็ถูกกวนอู เตียวหุยซึ่งซุ่มทหารไว้สองข้างทาง เอาของโสโครกและโลหิตสุกรสุนัขนั้นสาดไปถูกพวกโจร แลคนขี่ม้าซึ่งลงมาแต่อากาศนั้นก็กลายเป็นกระดาษ ม้านั้นก็กลายเป็นมัดหญ้าไป เมฆแลฝนลมนั้นก็หายสว่างไป
เตียวโป้เห็นวิทยาคมถูกทำลายก็ถอยทัพ จูฮี เล่าปี่ กวนอู เตียวหุย ได้ทีจึงไล่ตามตีทัพเตียวโป้แตกพ่ายไป ตัวเตียวโป้ถูกเล่าปี่เอาเกาทัณฑ์ยิงไปถูกไหล่ซ้าย แต่เตียวโป้ก็หนีรอดเข้าเมืองเยียงเซียไปได้
จูฮี เล่าปี่ ได้ยกทหารเข้าล้อมเมืองเยียงเซียไว้ ทำให้ในเมืองขาดเสบียงและยากลำบาก ลำแจ้งทหารของเตียวโป้และสมุน จึงแปรพักตร์หักหลังเจ้านายของตนเองลอบสังหารเตียวโป้ แล้วตัดศีรษะออกมาให้เล่าปี่ จูฮีที่นอกเมือง และขอทำราชการด้วย
จูฮีมีชัยชนะในการศึกก็มีความยินดี จึงแต่งหนังสือรายงานข้อราชการกราบทูลความชอบต่อพระเจ้าเลนเต้ แต่ยังไม่ทันเดินทัพกลับก็ได้รับหมายรับสั่งว่า เตียวฮ่อง ฮั่นต๋ง ซุนต๋อง ทหารเตียวก๊กซ่องสุมพวกโจรได้หลายหมื่น เข้าตีบ้านเผาเมืองเสียหลายเมืองแล้วตั้งอยู่ที่เมืองอ้วนเซีย ให้จูฮีไปปราบโจรกลุ่มนี้ให้ราบคาบ
จูฮี เล่าปี่จึงยกทหารไปล้อมเมืองอ้วนเซียรบกับสมุนของเตียวก๊ก หลังจากล้อมเมืองแล้วไม่นาน ข้างในเมืองก็ขาดเสบียงอาหาร ฮั่นต๋งจึงใช้ทหารมาขอสวามิภักดิ์ แต่ จูฮีไม่ยอมรับ เล่าปี่จึงว่า ครั้งพระเจ้าฮั่นโกโจได้ราชสมบัตินั้น เพราะมีผู้มาเข้าเกลี้ยกล่อมเป็นอันมาก เหตุไฉนท่านจึงไม่รับเกลี้ยกล่อม
เล่าปี่ กวนอู เตียวหุย
จูฮีไขว่า ครั้งพระเจ้าฮั่นโกโจนั้น บ้านเมืองมิได้ปกติ มีเสี้ยนหนามเป็นอันมาก พระเจ้าฮั่นโกโจจึงรับเกลี้ยกล่อมคนทั้งปวง ครั้งนี้มีจลาจลแต่โจรพวกเดียว ครั้นจะเอาพวกโจรเข้าไว้ในเกลี้ยกล่อม คนทั้งปวงก็จะดูเยี่ยงอย่างว่าทำผิด และถ้ามีผู้มาปราบปรามก็จะละพยศอันร้ายเสีย นานไปก็จะรื้อทำความชั่วไปอีก
เล่าปี่เห็นชอบด้วย และเพื่อไม่ให้สมุนเตียวก๊กรบแบบสู้ตาย จะทำให้กองทัพเสียหายมาก ผิดตำราพิชัยสงคราม ดังนั้นจึงเข้าตีเมืองพร้อมกันเพียงสามทาง เปิดทางด้านตะวันออกให้เป็นทางหนี และฮั่นต๋งจึงยกพลหนีออกทางด้านตะวันออก เล่าปี่เห็นดังนั้นจึงพาทหารไล่ตามไปแล้วใช้เกาทัณฑ์ยิงถูกฮั่นต๋งถึงแก่ความตาย ส่วนเตียวฮ่องกับซุนต๋งรู้ว่าหลงกลจึงพาทหารหนีกลับเข้าเมืองได้
จูฮี เล่าปี่จึงล้อมเมืองไว้อีกครั้งหนึ่ง ในขณะที่ล้อมเมืองอยู่นี้ซุนเกี๋ยนได้ยกทหารห้าร้อยมาถึง จึงสมทบเข้ากับทัพหลวงของจูฮี
จูฮีเตรียมทหารพร้อมแล้ว จึงจัดแจงแต่งกองทัพแยกกันเข้าตีเมืองอ้วนเซียทั้งสามด้านอีกครั้งหนึ่งเว้นไว้แต่ด้านตะวันออก ในขณะเข้าตีเมืองนั้น ซุนเกี๋ยนอาศัยความกล้าหาญปีนขึ้นไปบนกำแพงเมืองอ้วนเซียได้ เตียวฮ่องเห็นเหตุการณ์จึงขึ้นม้าถือง้าวจะเข้ารบด้วยซุนเกี๋ยน แต่พอเตียวฮ่องเข้ามาใกล้เชิงเทิน ซุนเกี๋ยนก็โจนลงจากกำแพงเข้าชิงง้าวจากเตียวฮ่อง แล้วฟันเตียวฮ่องตกม้าตาย
ส่วนซุนต๋งเห็นเมืองแตกก็คิดจะหนี แต่ถูกเล่าปี่ยิงด้วยเกาทัณฑ์ตกม้าตาย กองทัพของจูฮียกเข้าเมืองได้แล้วฆ่าทหารซุนต๋ง เตียวฮ่องตายหมื่นเศษ และยึดสินศึกได้เป็นจำนวนมาก
จูฮี เล่าปี่ เสร็จศึกเมืองอ้วนเซียแล้ว จึงยกทหารไปยึดหัวเมืองต่างๆที่ถูกฝ่ายกู้ชาติยึดไว้กลับคืนถึงสิบสี่สิบห้าหัวเมือง จัดการปกครองเข้าที่เข้าทางแล้วจึงยกทัพกลับเมืองหลวง กราบทูลรายงานความทั้งปวงแก่พระเจ้าเลนเต้ พระเจ้าเลนเต้ทรงทราบความแล้ว จึงโปรดให้จูฮีเป็นแม่ทัพประจำกองบัญชาการทหารกลางเช่นเดียวกับฮองฮูสง มีตำแหน่งเฝ้าและให้เป็นเจ้าเมืองโห้หลำ ส่วนซุนเกี๋ยนโปรดให้ไปเป็นกรมการหัวเมือง มีอำนาจบัญชาทหารห้ากองพัน
สำหรับเล่าปี่มิได้ตรัสประการใด เล่าปี่คอยท่าบำเหน็จอยู่ในเมืองหลวงเดือนเศษ ไม่ได้ข่าวคราวประการใดก็เสียน้ำใจนัก
นี่คือปรากฏการณ์ปูนบำเหน็จในแผ่นดินของเลนเต้ โดยที่เล่าปี่หารู้ไม่ว่า ความดีความชอบในแผ่นดินนี้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับผลงาน แต่ขึ้นอยู่กับน้ำหนักของสินบนเท่านั้น

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา