7 ส.ค. 2020 เวลา 10:22 • ธุรกิจ
ทำไมเศรษฐีอันดับต้นๆของโลกที่มีชื่อเสียงส่วนใหญ่จบสายวิทยาศาสตร์และทำธุรกิจเกี่ยวกับเทคโลยี?
ทำไมถึงประสบความสำเร็จมากมายขนาดนี้? ทำไมธุรกิจการซื้อขายผลิตภัณฑ์ทั่วไป ถึงไม่อยู่อันดับต้นๆ? EP2 (ตอนจบ)
มีจำนวนไม่น้อยที่เศรษฐีส่วนใหญ่จะเป็นนักธุรกิจในคราบนักวิทยาศาสตร์อัจฉริยะ แต่ก็ต้องยอมรับว่า หลายคนที่ไม่ได้เรียนจบสายวิทยาศาสตร์และไอทีก็เป็นมหาเศรษฐีมากมายเช่นกัน
แต่วันนี้เราจะมาพูดถึงนักธุรกิจที่มีชื่อเสียงจนกลายเป็นมหาเศรษฐีอันดับต้นๆของโลก เพราะไม่เพียงเเค่โด่งดังจากความร่ำรวยแล้ว แต่ผลงานพลิกโลกของพวกเขาได้สร้างชื่อเสียงและเปลี่ยนวิถีชีวิตของมนุษย์เราไปตลอดกาล
ซึ่งนั่นก็คือเทคโนโลยีและนวัตกรรมต่างๆที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนบนโลกใบนี้ จึงทำให้ผู้คิดค้นมีความเชี่ยวชาญในเทคโนโลยีนั้นๆอย่างแตกฉาน เมื่อนวัตกรรมที่พวกเขาสร้างขึ้นตอบสนองต่อความต้องการของพวกเราทุกคน นอกจากจะมีคุณภาพแล้ว ก็ยากที่จะหาเจ้าอื่นมาโค่นลงได้
-ปีเตอร์ ธีล ผู้ก่อตั้งบริษัท PayPal และนักลงทุนคนแรกของFacebook และเป็นผู้บุกเบิกบริษัท Startup ทั่วโลก ได้เขียนในหนังสือ Zero to One
เขาได้แบ่งความเจริญก้าวหน้า เป็นสองแบบ คือเทคโนโลยี และโลกาภิวัฒน์ เปรียบเทียบง่ายๆ คือธุรกิจแบบ'โลกาภิวัฒน์' ที่ไม่ว่าจะหลายสิบปีผ่านไปโลกก็ยังคงคล้ายคลึงกันเหมือนเดิม เรียกได้ว่าเติบโตแบบค่อยเป็นค่อยไป หรือพัฒนาได้ช้านั่นเอง แต่ 'เทคโนโลยี' จะทำให้เราก้าวหน้าแบบก้าวกระโดด
1
แม้ว่าคนส่วนใหญ่จะมองว่าอนาคตของโลกถูกกำหนดโดยโลกาภิวัฒน์ แต่ความจริงแล้วเทคโนโลยีต่างหากที่สำคัญกว่า สมมติ ถ้าจีนเพิ่มกำลังการผลิตพลังงานขึ้นสองเท่าตลอด20ปีข้างหน้า โดยปราศจากการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี มลพิษทางอากาศจะเพิ่มขึ้น 2 เท่าด้วย
การเผยแพร่วิธีสร้างความมั่งคั่งแบบเดิมๆทั่วทุกมุมโลกอาจนำพาซึ่งความย่อยยับและไม่สามารถร่ำรวยได้ เพราะโลกมีทรัพยากรจำกัด โลกาภิวัฒน์ที่ปราศจากเทคโนโลยีใหม่ๆ ย่อมไม่อาจคงอยู่ได้ในระยะยาว
-หากเรามองย้อนไปในอดีต จะเห็นว่าเทคโนโลยีใหม่ๆที่เกิดขึ้นไม่เคยเกิดขึ้นเองได้อัตนโนมัติ แต่ต้องมีใครสักคนสร้างมันขึ้นมา
ดังนั้นการจะสร้างธุรกิจในปัจจุบัน ให้ประสบความสำเร็จและยั่งยืน จำเป็นต้องมีเทคโนโลยีหรือนวัตกรรม ที่เข้ามาเป็นส่วนสำคัญให้ได้ ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
ซึ่งบุคคลเหล่านี้ ก็ถือกำเนิด และสรรค์สร้างนวัตกรรมเหล่านี้ขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็น Software, Apple smart phone, Computer, Google, Facebook, Youtube หรือแม้กระทั่ง ยานอวกาศ เป็นต้น
ส่วนใหญ่บริษัทที่มีชื่อเสียงและประสบความสำเร็จมากมายเหล่านี้ จะเป็นบริษัทแนว Startup โดยจะมีวิธีคิดแบบสตาร์ทอัพ คือการสร้างสิ่งใหม่ๆ เพื่อสร้างอนาคตที่ต่างไปจากเดิม
เพราะเขาไม่ได้หยุดคิดแค่กว่าการสร้างธุรกิจ จะให้ผลกำไรมากเท่าไหร่ แต่เขาคิดถึงว่า โลกจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร เมื่อพวกเขาสร้างสิ่งเหล่านี้ขึ้น
-การผูกขาดตลาด ที่ทำให้พวกเขากลายเป็นมหาเศรษฐีอันดับต้นๆ
ทำไมธุรกิจการซื้อขายผลิตภัณฑ์ทั่วไป ถึงไม่อยู่อันดับต้นๆ? เพราะผลิตภัณฑ์ทั่วไปมีบริษัทหลายเจ้าครอบครองตลาดเพราะเป็นสิ่งที่พัฒนาได้ไม่แตกต่างกันมากและ Copy ได้ ทำให้ผู้บริโภคสามารถเลือกใช้สินค้าแทนกันได้ บริษัทจึงมีส่วนแบ่งการตลาดชัดเจน
ซึ่งทำให้ผลกำไรถูกหารในเปอร์เซ็นที่ลดน้อยลง ยกตัวอย่างเช่น คุณทำธุรกิจขายหนังสือ แต่มีคู่แข่ง 4 รายที่ทำเหมือนคุณ ยิ่งมีคู่แข่งมากเท่าไหร่ คุณก็ยิ่งได้กำไรน้อยลง ผลกำไรอาจได้เพียง 25% เพราะผู้คนสามารถเลือกใช้สินค้าของคู่แข่งได้ เหมือนเป็นการหารผลกำไรจากคู่แข่งนั่นเอง
แต่ธุรกิจที่ผูกขาด คือธุรกิจที่สร้างความเปลี่ยนแปลงและแตกต่าง ทำให้ลูกค้าไม่สามารถหาสิ่งทดแทนได้ เนื่องจากเป็นสินค้ามีคุณภาพและความน่าเชื่อถือ ที่ไม่มีใครทำได้ จึงทำให้ธุรกิจนั้นเป็นเจ้าครองตลาด และได้ผลกำไรไปแบบ 100%
ซึ่งธุรกิจที่ผูกขาด ส่วนใหญ่จะเป็นเทคโนโนยีและนวัตกรรมที่สร้างความเปลี่ยนแปลง เพราะเป็นสิ่งใหม่ๆที่ไม่เคยเกิดขึ้นและคิดค้นขึ้นได้ก่อนย่อมมีความเชี่ยวชาญอย่างที่กล่าวไปข้างต้น บริษัทอื่นๆจึงโค่นลงไม่ได้นั่นเอง นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมธุรกิจซื้อขายสินค้าทั่วไปที่ไม่ใช่เทคโนโลยีจึงไม่อยู่อันดับต้นๆของโลกนั่นเอง
ดังนั้นวิธีสร้างบริษัทที่ยั่งยืนคือ มีเทคโนโลยีเป็นของตัวเอง เพราะมันทำให้คนอื่นเลียนแบบสินค้ายาก หรือCopyไม่ได้เลย อย่างไรก็ตามองค์ประกอบอื่นๆย่อมมีส่วนสำคัญต่อธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มเป้าหมาย พลังของเครือข่ายที่เริ่มต้นจากขนาดเล็กไปสู่กลุ่มขนาดใหญ่
และในการตั้งบริษัทใหม่ที่ดี ควรออกแบบตัวเองให้มีศักยภาพในการขยายขนาด และสุดท้ายคือการสร้างแบรนด์ที่แข็งแกร่งซึ่งนั่นเป็นวิธีการสร้างอำนาจผูกขาดที่มีประสิทธิภาพอย่างเต็มรูปแบบ
โลกนั้นมีธุรกิจสองแบบ คือบริษัทที่เงินเป็นสิ่งสำคัญกับบริษัทที่เงินเป็นทุกสิ่ง ซึ่งพวกเขาไม่ใช่อย่างหลังแน่
ขอบคุณที่สละเวลาอ่านค่ะ
7 สิงหาคม 2563
ท่านเด็ก

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา