11 ส.ค. 2020 เวลา 17:11 • ประวัติศาสตร์
สิ้นบุญพระเจ้าเลนเต้
เค้าลางกลียุคแผ่ปกคลุมแผ่นดินของพระเจ้าฮั่นโกโจปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์ฮั่น ซึ่งบัดนี้สืบสันตติวงศ์ตกทอดมาถึงมือของเลนเต้ การในอากาศนั้นดาวประจำพระองค์พระมหากษัตริย์มัวหมองริบหรี่ ซีดโรยราวไร้เรี่ยวแรงที่จะสถิตในนภากาศ
การในภาคภูมิดลนั้นเล่าก็เกิดการจลาจลวุ่นวาย อาณาประชาราษฎรตกอยู่ในความเดือดร้อนทุกหย่อมหญ้า การรบราฆ่าฟันและการปล้นชิงวิ่งราวเกิดขึ้นทุกหัวระแหง
การในราชสำนักก็ขัดแย้งไม่มีใครไว้วางใจใครกันได้อีกต่อไป แต่ละฝ่ายต่างแสวงหาสมัครพรรคพวกและซ่องสุมผู้คนไว้เป็นพวก ด้านหนึ่งเพื่อความดำรงคงอยู่ของตนเอง แต่อีกด้านหนึ่งเพื่อการทำลายล้างคู่แข่งและปรปักษ์ให้ด่าวดิ้นไป
การฝ่ายในอันเป็นส่วนพระองค์ ก็หามีความเป็นปกติไม่
พระเจ้าเลนเต้นั้นไม่ใช่เชื้อวงศ์พงศ์กษัตริย์ของพระเจ้าฮั่นเต้ แต่เป็นลูกขุนนางที่พระเจ้าฮั่นเต้ขอมาเลี้ยงเป็นลูกบุญธรรมแล้วตั้งเป็นรัชทายาท ครั้นเสวยราชย์แล้วจึงโปรดให้อัญเชิญแม่ตัวเข้าวัง สถาปนาเป็นพระราชชนนี ทรงพระนามว่าพระนางตั๋งไทเฮา พระเจ้าเลนเต้โปรดให้สร้างพระตำหนักให้เป็นที่ประทับในพระราชวังหลวง
เลนเต้ผู้มากด้วยกามตัณหา
เมื่อเจริญวัยขึ้น เลนเต้หนุ่มก็โปรดปรานลุ่มหลงพระสนมเอกชื่อว่านางโฮเฮา ซึ่งมาจากตระกูลพ่อค้าเนื้อ แล้วเข้าถวายตัวเป็นพระสนม มีโอรสด้วยกันองค์หนึ่งชื่อว่า หองจูเปียน
พระเจ้าเลนเต้จึงสถาปนานางโฮเฮาเป็นที่พระมเหสี แล้วให้เลื่อนพระสนมโฉม สคราญชื่ออองบีหยินเป็นที่พระสนมเอกแทน
พระมเหสีมีพี่ชายคนหนึ่งชื่อโฮจิ๋น เมื่อน้องสาวได้ดีเป็นถึงที่พระมเหสี โฮจิ๋นก็ได้ความชอบตาม พระเจ้าเลนเต้โปรดให้เป็นขุนนางผู้ใหญ่ฝ่ายทหาร มีหน้าที่เป็นที่ปรึกษาการแผ่นดิน การตั้งเอาพ่อค้าเนื้อเป็นที่ปรึกษาการแผ่นดินดังนี้ ทำให้เกิดแบบอย่างแก่นักการเมืองในชั้นหลังในการแต่งตั้งที่ปรึกษาจากพวกร้อยพ่อพันแม่โดยไม่ต้องคำนึงถึงคุณวุฒิใดๆ
ในระหว่างที่พระนางโฮเฮาทรงพระครรภ์ เลนเต้ในวัยหนุ่มคึกคะนองในแรงปรารถนาประกอบเข้ากับความสะคราญแห่งพระสนมเอกอองบีหยินแล้ว เลนเต้หนุ่มก็ตกในห้วงแห่งความรัก ยิ่งรักก็ยิ่งลึก แล้วก็หลง ในที่สุดก็มีพระโอรสกับพระสนมเอกอีกองค์หนึ่งชื่อว่าหองจูเหียบ
ครั้นพระเจ้าเลนเต้เสวยราชย์ได้ยี่สิบปี ความร้าวฉานของฝ่ายในก็เกิดขึ้น
สามก๊กฉบับเจ้าพระยาพระคลัง หน ระบุความตอนนี้ว่าพระเจ้าเลนเต้เสวยราชย์ได้หกปีเศษ ซึ่งขัดกับตอนต้นที่ระบุว่าในขณะเกิดนิมิตและลางร้ายนั้น พระเจ้าเลนเต้เสวยราชย์มาแล้วสิบสองปี ด้วยเหตุที่ประวัติศาสตร์จีนรับรองว่าพระเจ้าเลนเต้เสวยราชย์แล้วยี่สิบปีระหว่างพุทธศักราช 690-710 แต่เมื่อคิดเป็นปีพุทธศักราชแล้วทั้งฉบับภาษาจีนและฉบับภาษาไทยไม่ตรงกัน ดังนั้นจึงถือเอาปีที่ยี่สิบซึ่งเป็นปีสิ้นรัชกาลแทน ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของนักประวัติศาสตร์คิดอ่านตกลงเรื่องปีศักราชกันเองต่อไป
ความร้าวฉานของฝ่ายในราชสำนักเกิดแต่ขึ้นนับแต่พระมเหสีมีพระประสูติกาลแล้ว ฮ่องเต้ยังคงลุ่มหลงในสิเน่หาพระสนมเอกอยู่ไม่ยอมสร่าง แต่ละวันประทับอยู่แต่ในพระตำหนักพระสนมเอก คล้ายกับทรงลืมไปแล้วว่ายังมีพระมเหสีและพระโอรสอีกสองพระองค์
ลำพังแต่ความคิดอิสตรีก็หนักพอแรงอยู่แล้ว แต่ภายในราชสำนักนั้นเสียงกล่าวขานของเหล่าขันที พระสนม นางกำนัล และเจ้าหน้าที่ที่กระทบโสตพระมเหสีอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันว่าบัดนี้ฮ่องเต้ประทับอยู่แต่ตำหนักพระสนมเอกไม่โปรดพระมเหสีอีกต่อไปแล้ว กระทบใจให้แรงริษยาแห่งสตรียิ่งฮือโหม
พระมเหสีที่พระทัยเต็มไปด้วยแรงริษยาต่อพระสนมเอกจึงลอบวางยาพิษขน กะเรียนสังหารพระสนมเอกอย่างไร้ร่องรอย
อันยาพิษขนกะเรียนนั้นความจริงไม่ได้ทำจากขนนกกะเรียนแต่ทำจากขน นกชนิดหนึ่งที่มีลักษณะคล้ายนกกะเรียน ดองเข้ากับสุราแล้วมีพิษร้ายสุด ทำให้เสียชีวิตได้ในทันที เป็นที่นิยมใช้กันในราชสำนักจีน แต่หนังสือกำลังภายในเรียกยาพิษชนิดนี้โดยนิยมว่ายาพิษหงอนกะเรียน
เมื่อสิ้นพระชนนี หองจูเหียบในเยาว์วัยจึงกำพร้าแม่ พระนางตั๋งไทเฮามีความสงสารหลานกำพร้า จึงรับเอาหองจูเหียบมาเลี้ยงดูด้วยพระองค์เองในพระตำหนัก
เป็นธรรมดาของคนมีหลานย่อมรักหลานอยู่แล้ว ครั้นรับมาเลี้ยงดูใกล้ชิดสนิทสนมก็ยิ่งรัก อากัปกริยาทั้งปวงของหองจูเหียบเป็นที่ต้องพระทัยของตั๋งไทเฮาไปสิ้น นานวันเข้าก็กลายเป็นความหลงหลาน ในที่สุดก็อยากให้หลานที่เลี้ยงมากับมือได้ราชสมบัติ ทั้งๆที่รู้อยู่แก่ใจว่าผิดกฎมณเฑียรบาลข้อหนึ่ง และอีกข้อหนึ่งนั้นกฎมณเฑียรบาลห้ามสตรี มิให้ยุ่งเกี่ยวการแผ่นดิน
แต่เมื่อน้ำใจรักเจือหลงหนักเข้า ตั๋งไทเฮาก็ลืมกฎมณเฑียรบาลขึ้นไปว่าเอากับพระเจ้าเลนเต้ผู้บุตร ขอให้หลานได้เป็นรัชทายาท ความยุ่งยากของฝ่ายในจึงก่อตัวขึ้นตั้งแต่บัดนั้น
ในระยะแรกๆ เลนเต้ฟังคำขอของตั๋งไทเฮาพระมารดาก็เฉยเสียบ้าง เปลี่ยนไปตรัสเรื่องอื่นเสียบ้าง เพราะรู้ดีว่าการให้น้องได้ครองราชย์แทนพี่เป็นการผิดกฎมณเฑียรบาล ทั้งจะก่อให้เกิดปัญหายุ่งยากในราชสำนักขึ้นในภายหน้าเหมือนที่เคยเกิดขึ้นแล้วในประวัติศาสตร์
แต่ตั๋งไทเฮาก็ไม่ละความพยายาม ในที่สุดเลนเต้ก็ใจอ่อนเพราะเห็นแก่พระราชชนนีสถานหนึ่ง เห็นแก่สนมเอกอันเป็นที่รักผู้ล่วงลับสถานหนึ่ง ทั้งหองจูเหียบนั้นมีรูปลักษณะกริยาเป็นที่รัก แล้วยังบวกด้วยความสงสารที่กำพร้าแม่อีกสถานหนึ่ง พระเจ้าเลนเต้ก็ละเสียซึ่งกฎมณเฑียรบาลอันมีมาแต่บรรพชน อาศัยสิทธิแห่งพระมหากษัตริย์ในระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ รับคำของตั๋งไทเฮาว่าในโอกาสอันสมควรจะโปรดเกล้าแต่งตั้งให้หองจูเหียบเป็นรัชทายาท
อยู่มา ณ เดือนหกของปีเดียวกันนั้น ซึ่งเป็นวันเวลาหลังจากที่เลนเต้รับคำตั๋งไทเฮาไม่นาน และยังไม่ทันมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าตั้งหองจูเหียบเป็นรัชทายาทก็ทรงประชวรมีพระอาการมาก
เกียนสิดหนึ่งในสิบขันทีทราบความในพระตำหนักไทเฮาเป็นอย่างดี ได้กราบทูลพระเจ้าเลนเต้ว่าซึ่งพระองค์มีพระราชประสงค์จะแต่งตั้งหองจูเหียบเป็นที่รัชทายาทนั้น มีความยินดีด้วยเป็นอันมากแต่เกรงว่าการจะไม่เป็นไปตามพระราชประสงค์
เกียนสิดกราบทูลเหตุผลว่าตามกฎมณเฑียรบาลนั้นสิทธิในราชสมบัติตกแก่หองจูเปียนโอรสในพระมเหสีซึ่งเป็นผู้พี่ หากจะตั้งหองจูเหียบโอรสในพระสนมเอกซึ่งเป็นผู้น้องให้เป็นรัชทายาทแล้ว บรรดาขุนนางที่เป็นสมัครพรรคพวกของพระมเหสีย่อมไม่พอใจ โดยเฉพาะโฮจิ๋นพี่พระมเหสีนั้นเป็นขุนนางผู้ใหญ่ฝ่ายทหาร มีพวกฝ่ายทหารอยู่เป็นอันมาก อาจทำร้ายรัชทายาทแล้วเชิญหองจูเปียนขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์แทนที่
พระเจ้าเลนเต้ฟังคำทูลของเกียนสิดในขณะที่ทรงประชวรหนักแล้วก็ตกพระทัยอาการไข้ก็ทรุดลง กระนั้นยังฝืนพระองค์ตรัสถามว่าจะป้องกันแก้ไขปัญหานี้อย่างไร
พระเจ้าเลนเต้นี้เห็นได้ชัดว่าทำการใดไม่มีหลักไม่มีเกณฑ์ ไม่รู้การควรไม่ควร การแผ่นดินอันเป็นเรื่องใหญ่ถึงเพียงนี้แทนที่จะปรึกษาหารือกับพระราชวงศ์ชั้นผู้ใหญ่หรือขุนนางชั้นผู้ใหญ่ที่มีใจภักดีต่อแผ่นดิน กลับไปปรึกษาขอความเห็นจากขันทีคนวิปริต
เกียนสิดถวายความเห็นว่ามีอยู่ทางเดียวเท่านั้นคือต้องสังหารโฮจิ๋นเสียก่อนแล้วเสนอแผนการว่า ให้มีหมายรับสั่งให้โฮจิ๋นเข้าเฝ้าในที่ประทับแล้วเกียนสิดจะรับธุระจัดหาคนมีฝีมือลอบสังหารโฮจิ๋นเสีย
เลนเต้ในอาการทรุดหนักก็เออออกับแผนการของเกียนสิด
ความที่เกียนสิดกราบทูลพระเจ้าเลนเต้นั้นยินถึงหูขันทีอีกคนหนึ่งในพระตำหนักและขันทีผู้นี้ แม้ไม่ปรากฏนามแต่คาดหมายได้ว่าคงเป็นคนละพวกกับขันทีสิบคนหรือไม่ก็เป็นพวกของโฮจิ๋น ขันทีผู้นี้จึงบอกความแก่ลูกน้องของโฮจิ๋นซึ่งเป็นขุนนางในราชสำนักชื่อว่าพัวอิ๋น
ฝ่ายพัวอิ๋นเมื่อทราบความแล้วก็ตกใจ เตรียมออกจากพระราชวังเพื่อไปแจ้งความให้โฮจิ๋นทราบ พอดีโฮจิ๋นกำลังเดินทางเข้าวังเพื่อฟังอาการของฮ่องเต้ ด้วยทราบข่าวว่าฮ่องเต้ประชวรมีพระอาการมากเห็นจะทรงพระชนม์ได้ไม่ข้ามคืนจึงเร่งรีบเข้าวังมาจึงได้พบกับพัวอิ๋น ดังนั้นพัวอิ๋นจึงรายงานความให้โฮจิ๋นทราบ แล้วบอกว่าเกียนสิดคิดฆ่าท่าน อย่าได้เข้าไปในพระราชวังเป็นอันขาด
โฮจิ๋นทราบความแล้วก็ตกใจ หันหลังกลับรีบเดินทางกลับจวนของตน แล้วให้เชิญขุนนางฝ่ายทหารและพลเรือนที่เป็นพวกมากินโต๊ะที่บ้าน
โฮจิ๋น
เมื่อสมัครพรรคพวกมากันพร้อมแล้ว โฮจิ๋นจึงบอกความให้ทุกคนได้ทราบแล้วแจ้งความประสงค์ว่าเมื่อเกียนสิดคิดร้ายจะฆ่าเราเช่นนี้แล้วจำเป็นที่เราจะต้องฆ่าเกียนสิดเสียก่อน และถามความเห็นสมัครพรรคพวกว่าจะคิดอ่านประการใด
พรรคพวกของโฮจิ๋นฟังความแล้ว เห็นเป็นการใหญ่หากพลาดพลั้งภัยก็จะมาถึงตนและครอบครัว ดังนั้นทุกคนจึงพากันนิ่งเฉย แล้วส่ายศีรษะทำทีเป็นคิดไม่ออก บอกความเห็นไม่ได้
บรรยากาศอึมครึมผ่านไปครู่หนึ่ง โจโฉซึ่งอยู่ในที่นั้นด้วยและสงวนความเห็นด้วยอาการเงียบมาแต่ต้น ก็ได้รู้ว่าบรรดาคนเหล่านั้นรักตัวกลัวตายและไร้สติปัญญาความกล้าหาญ จึงออกความเห็นอย่างตรงไปตรงมาว่า อันเกียนสิดนั้นพระเจ้าเลนเต้ก็โปรดปราน พรรคพวกในวังก็มีเป็นอันมาก ท่านคิดการทั้งนี้เกลือกจะมิสำเร็จ จะไม่ตายแต่ตัว จะพาญาติพี่น้องตายเสียสิ้น ขอท่านจงดำริดูให้ควรก่อน
การออกความเห็นของโจโฉในครั้งนี้ ทั้งๆที่ตัวเองเป็นเพียงนายทหารชั้นนายพัน แต่หาญกล้าออกความเห็นในท่ามกลางขุนนางชั้นผู้ใหญ่จำนวนมาก และเป็นการออกความเห็นอย่างตรงไปตรงมา นับเป็นความกล้าหาญที่เด่นชัด แต่ความเห็นนี้ไม่ต้องด้วยความคิดของโฮจิ๋นซึ่งกำลังเลือดขึ้นหน้าเพราะตกเป็นเป้าสังหารของเกียนสิด ดังนั้นโฮจิ๋นจึงตวาดใส่โจโฉว่าเป็นการบังอาจที่มาออกความเห็นในการประชุมขุนนางผู้ใหญ่
โจโฉเป็นผู้น้อยก็นิ่งเฉยเสีย
แต่ความเห็นของโจโฉนั้นกระทบเข้ากับความรู้สึกของพรรคพวกโฮจิ๋นที่อยู่ในที่นั้น ทุกคนต่างหวนรำลึกถึงเหตุการณ์ครั้งที่แม่ทัพใหญ่เตาบูและราชครูตันผวนวางแผนสังหารสิบขันที ครั้งนั้นความลับรั่วไหลทั้งแม่ทัพใหญ่เตาบูและราชครูตันผวนจึงถูกสิบขันทีสังหารโหดพร้อมครอบครัว แล้วความรู้สึกว่าเหตุการณ์กำลังเกิดซ้ำรอยก็เข้าครองความนึกคิดของทุกคน
ความหนาวเหน็บในมรณะภัยเข้าเกาะกินหัวใจของทุกผู้คน เพราะหากไม่คล้อยตามความคิดของโฮจิ๋นก็เกรงนักเพราะโฮจิ๋นเป็นถึงพี่ชายของพระมเหสีมีบารมีและสมัครพรรคพวกมาก ดีร้ายก็อาจถึงตายได้ แต่ในขณะเดียวกันหากคล้อยตามความคิดของโฮจิ๋นแล้ว หากการล้มเหลวไม่เพียงแต่ทุกคนจะหัวขาดเท่านั้นยังจะพาญาติพี่น้องฉิบหายตายสิ้น
ในขณะที่ความเครียดกำลังครอบงำสมัครพรรคพวกของโฮจิ๋นจนกินโต๊ะไม่ลงนั้น ข้างในราชสำนักอาการประชวรของเลนเต้ทรุดหนักโดยลำดับและเสด็จสวรรคต
อ้างอิงจากสามก๊กฉบับคนขายชาติ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา