17 ส.ค. 2020 เวลา 22:05 • ประวัติศาสตร์
“ สตรีหมายเลขหนึ่งคนแรกของพม่า “
#มหาเทวีผู้หวังกอบกู้แผ่นดิน...เจ้านางเฮือนคำแห่งแสนหวี สตรีหมายเลขหนึ่งแห่งอดีตสหภาพพม่า
... เจ้านางเฮือนคำ ท่านเป็นธิดาในเจ้าขุนส่างต้นฮุง เจ้าฟ้าผู้มีชื่อเสียง เป็นนักรบที่กล้าหาญแห่งเมืองแสนหวี
... เมื่อเติบโตเป็นสาว ท่านได้อภิเษกสมรสกับเจ้าส่วยแต๊ก เจ้าฟ้าเมืองหยองห้วยและได้รับการสถาปนาเป็นมหาเทวี ในปีพ.ศ.2481
... เมื่อพม่าได้รับเอกราชจากอังกฤษ เจ้าส่วยแต๊กได้รับตำแหน่งประธานาธิบดีคนแรกของสหภาพพม่า เจ้านางจึงกลายเป็นสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของประเทศ
.... ต่อมาเกิดเหตุการณ์พลิกผัน เมื่อนายพลเนวินก่อรัฐประหารยึดอำนาจ ในวันที่ 1 มีนาคม ปี 2505
... ในบรรดาเจ้าฟ้าแต่ละเมืองที่ถูกกระทำ ที่โดนหนักที่สุดน่าจะเป็นครอบครัวของเจ้าส่วยแต๊ก
... จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น มันหนักขนาดที่ว่า ได้เปลี่ยนเจ้าเสือลุ่มฟ้าเจ้าชายหนุ่มรูปงาม ผู้สงบเสงี่ยมเรียบร้อย กริยามารยาทนิ่มนวล สุขุม ให้กลายเป็นนักรบผู้กล้าแห่งป่าเขาอยู่หลายสิบปี
... เจ้าเสือลุ่มฟ้า (เจ้าช้าง) เป็นราชบุตรองค์ที่สอง ของเจ้าส่วยไตก์กับมหาเทวีเจ้านางเฮือนคำ ท่านจบการศึกษาเป็นดอกเตอร์จาก บริทิช โคลัมเบีย
... วัยเด็กท่านเติบโตในหอคำแห่งเจ้าฟ้าที่ยองห้วย.. ท่านเป็นที่รักของเจ้าพ่อ ถึงขนาดเจ้าฟ้าเคยจูงมือท่านไปร่วมงานเซ็นสัญญาที่ "ปางหลวง"
.. ชีวิตในวัยหนุ่ม เมื่อเรียนจบท่านได้กลับมาเป็น ดร.เจ้าช้าง อาจารย์หนุ่มรูปงามแห่งมหาวิทยาลัยย่างกุ้ง ชีวิตขณะนั้นช่างงดงามเหมือนความฝัน
... แต่ทุกอย่างก็พลิกผันไป ในคืนวันพลิกฟ้าคว่ำแผ่นดิน ท่านถูกปลุกแบบสะดุ้งสุดตัว ด้วยเสียงปืนดังสนั่น ตอนตีสี่ เสียงปืนดังมาจากนอกบ้าน
... ตอนแรกก็มีแค่นัดสองนัด แต่สักพักกระหน่ำเป็นห่ากระสุน สาดเข้ามาจนทะลุกระจกบ้าน กระทบกับชั้นหนังสือและกำแพงห้อง กรอบรูปที่แขวนอยู่ร่วงลงสู่พื้น แจกันประดับตกแต่งแตกกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
... ท่านหมอบลงกับพื้น คลานออกมาจากห้อง ภาพที่เห็นท่ามกลางควันปืน พร้อมเสียงตะโกนวุ่นวาย คือ ภาพของเจ้าส่วยไตก์ เจ้าฟ้ายองห้วย อดีตประธานาธิบดีคนแรกของพม่า
... เจ้าพ่อของท่าน ถูกทหารเข้าควบคุมตัวประกบล็อคแขนทั้งสองข้าง และด้านหลังยังมีทหารใช้ดาบปลายปืนจี้จ่อเอาไว้ บังคับท่านให้เดินไปขึ้นรถทหารที่รออยู่นอกบ้าน นั่นเป็นภาพสุดท้ายที่ท่านได้เห็นเจ้าพ่อ
... เมื่อทหารกลับออกไปหมด ท่านจึงได้ยินเสียงหวีดร้องอย่างตกใจของสาวใช้ เมื่อเธอพบร่างของเจ้าเสือห่มฟ้า(เจ้าหมี)ที่อายุเพียง 17 ปี นอนจมกองเลือดเสียชีวิต
....ท่านบันทึกเอาไว้ว่า "ทางทหารออกแถลงการว่า เจ้าเสือห่มฟ้าเสียชีวิต เพราะต่อต้านขัดขืนและพยายามใช้อาวุธกับเจ้าหน้าที่"
... กลางเดือนพฤศจิกายน 1962 ท่านได้รับโทรศัพท์จาก พันตรี เตง ฉ่วย ซึ่งแนะนำตัวว่าเป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนกับ เจ้าจันทรา พี่สาวต่างมารดาของท่าน
... เขาบอกว่ามีเรื่องสำคัญจะแจ้งให้ทราบ พร้อมขอให้ท่านเดินทางมาที่หน่วยข่าวกรองของทหาร
... เมื่อไปถึงท่านก็ได้รับแจ้งสั้น ๆ ว่า "เจ้าฟ้าส่วยไตก์สิ้นพระชนม์ในคุกแล้ว เมื่อสองสามวันที่ผ่านมา"
.... ท่านร้องไห้ จนไม่มีอะไรไหลออกมาจากตาได้อีก กรามบดกันสั่นระริก คั่งแค้นจนแทบจะระเบิดจากข้างใน ท่านไม่สามารถนอนได้อย่างหลับสนิทสักวันในบ้านที่ย่างกุ้ง
... เช้าวันหนึ่ง ท่านจึงเก็บข้าวของใส่เป้ ออกเดินทางจากย่างกุ้งขึ้นไปยองห้วย ผ่านตองยี แล้วเดินป่าเข้าร่วมกับกองทัพกู้เอกราชที่ชายแดนไทย.
... ที่ค่ายทหาร ท่านได้รับแจ้งจากสายลับว่า เจ้าแม่ของท่านและน้องสาวทั้งสอง คือ เจ้านางหน่อสิตา และเจ้ารัตนะแสงเลิน ได้หลบหนีออกมาจากย่างกุ้งและเดินเท้าผ่านชายแดนเข้าสู่ประเทศไทย
... การหนีครั้งนี้ของเจ้านางเฮือนคำ เป็นการหนีแบบไม่คิดชีวิต ต้องหนีการไล่ล่าของหน่วยตำรวจลับของนายพลเนวิน ที่ได้รับคำสั่งว่า ให้นำเจ้านางกลับมาให้ได้ ไม่ว่าเป็นหรือตาย
... เมื่อบุกป่ามาถึงชายแดนไทย เจ้านางเฮือนคำแจ้งกับเจ้าหน้าที่ทหารไทยว่า เธอคือ มหาเทวีแห่งยองห้วย ชายาของเจ้าส่วยแต๊ก อดีตประธานาธิบดีแห่งสหภาพพม่า
... ฝ่ายทหารไทยก็ยังไม่เชื่อ จนกระทั่งในตอนเย็น ผู้ว่าราชการจังหวัด ได้เดินทางมาถึงพร้อมกับหนังสือฉบับหนึ่ง ซึ่งท่านบอกว่า "เป็นหนังสือแจ้งแก่ทหารไทย ต้องให้ความคุ้มครองและอำนวยความสะดวกแก่มหาเทวีและพระธิดาอย่างเต็มกำลัง"
... ว่ากันว่า ชื่อที่ลงท้ายในจดหมายนั้น ถ้าคนไทยได้เห็น ก็จะน้ำตาไหลอาบแก้ม
.... ต่อมาในเดือน มีนาคม ปี พ.ศ.2507 เจ้านางเฮือนคำได้ก่อตั้งกองกำลังกู้ชาติไทใหญ่ขึ้นที่จังหวัดเชียงใหม่
...เจ้าขุนแสง กล่าวว่า “ กองกำลังกู้ชาติไทใหญ่นั้นล้วนเคารพเจ้าเฮือนคำทั้งสิ้น “
... เจ้านางได้ถึงแก่อสัญกรรม ในวันที่17มกราคม อายุได้ 86 ปี เจ้าเฮือนคำดำรงตำแหน่งสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของสหภาพพม่า.. หลังจากที่ได้รับเอกราชจากจักรวรรดิอังกฤษเป็นเวลา 3 ปี
... #เกร็ดประวัติศาสตร์....เจ้านางเฮือนคำ ท่านมีบทบาททางการเมืองอย่างมาก ในช่วงที่ได้รับเอกราชจากจักรวรรดิอังกฤษ
...แพทริเชีย อีเลียต ได้เขียนหนังสือชีวประวัติของเจ้าเฮือนคำไว้ใน The White Umbrella ว่า
...การเดินทางของเจ้านางเป็นแรงบันดาลใจที่จะเปิดโปง..เกมส์การเมืองของมหาอำนาจ... ที่อยู่เหนือประเทศพม่าและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
....ครั้งหนึ่งก่อนเหตุการณ์รัฐประหาร นายพลอองซาน เคยกล่าวกับเจ้านางว่า “ กองทัพไม่ควรยุ่งเกี่ยวกับการเมือง” หลังจากนั้น เจ้าเฮือนคำ..กล่าวกับเจ้าส่วยแต๊ก..ว่า..พวกนายทหารล้วนเชื่อไม่ได้ทั้งนั้น
...อีกเหตุการณ์ในงานเลี้ยงอาหารค่ำ วันประกาศอิสรภาพของสหภาพพม่า...เจ้าเฮือนคำได้เห็น ดอว์ ขิ่น จี ภรรยาหม้ายของนายพลอองซาน...เจ้าเฮือนคำได้ถามคนที่จัดงานเลี้ยงด้วยเสียงอันดังว่า “
... ทำไมดอว์ขิ่นจีไม่ได้นั่งโต๊ะของแขกรับเชิญกิตติมศักดิ์เล่า แต่ทว่าไม่มีคำตอบใดๆทั้งสิ้นจากผู้จัดงาน
....เจ้านาง เผยความรู้สึกบรรยากาศในงานเลี้ยงคืนนั้นว่า เต็มไปด้วยรอยร้าวและความแตกแยก .. พร้อมกับกล่าวว่า จากนี้ไปโฉมหน้าของประเทศได้เปลี่ยนไปแล้ว....
#จากเพจ:เชียงตุงอยู่ดีกินหวาน

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา