Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
ถ่ายรูปเล่าเรื่อง/FotoTeller
•
ติดตาม
25 ส.ค. 2020 เวลา 15:04 • ท่องเที่ยว
ภูเขาโปปา
ที่สถิตของมหาคีรีนัต..แห่งพุกาม
chapter 4
ออกจากตลาดยองน์อู อามพาเราแยกเข้าถนนซ้ายมือ จากนี้ไปอีกราวเกือบชั่วโมงเป็นทางชันเสียส่วนมาก อากาศเย็นกว่าทุกช่วงที่ผ่านมา ที่ราบก่อนถึงเนินเขาดูแห้งแล้งเป็นช่วงๆ ฉันมองดูลักษณะภูมิประเทศ แล้วหวนนึกถึงต้นกำเนิดแห่งความอุดมสมบูรณ์ของปากน้ำเมื่อหลายๆ พันปีก่อน
การระเบิดของภูเขาไฟโปปา ทำให้เถ้าตะกอนลาวาไหลลงไปสู่ที่ราบตอนกลางของพม่า กลายเป็นแหล่งเกษตรกรรม ทำนา ปลูกข้าวได้ดีมากที่สุดหนึ่งในสามของโลก ที่นี่ยังเป็นที่สิงสถิตของนัตโปปาแม่ต่อ ซึ่งเป็นนัตเจ้าแม่ดูแลพื้นที่เขาโปปา พุกาม และบริเวณใกล้เคียงอีกด้วย
ร้านค้าที่ส่วนใหญ่ขายของพื้นถิ่นที่ใช้ในชีวิตประจำวันของพวกเค้า
เชิงสันเขาก่อนทางขึ้นโปปา เต็มไปด้วยร้านขายของให้นักท่องเที่ยว ตอนนั่งรถมาเราไม่เห็นวี่แววว่าจะมีคนมาเที่ยว พอมาถึงเราถึงกับอึ้งไปเหมือนกันกับรถทัวร์ปรับอากาศคันใหญ่พานักท่องเที่ยวชาวตะวันตกจอดเรียงอยู่หลายคัน แม้ชาวพม่าเองก็มาเที่ยวที่นี่กันให้เห็นพอควร
บรรดาเด็กน้อยหอบหิ้วของเพื่อขายให้นักท่องเที่ยว
เส้นทางที่ฝรั่งก็ยังต้องมา
ใบหน้าใสแจ่มประแป้งด้วยทะนาคา
บุหรี่ยี่ห้อ POPA ยาสูบประจำท้องถิ่น
เรามองดูเวลาแล้ว ตกลงว่าจะไม่ขึ้นไปข้างบน เพราะอาจไปถึงมัณฑะเลย์ค่ำเกินไป แล้วบันไดก็หลายร้อยขั้นอยู่เหมือนกันอีกทั้งคงสูงชันไม่ใช่เล่น ใครคนหนึ่งให้เหตุผลดีๆที่จะไม่ขึ้นไป
“ออมแรงไว้ไปขึ้นมัณฑะเลย์ฮิลล์ดีกว่า” ใช่สิ ที่นั่นน่ะ เฉียดสองพันขั้นเชียวนะ
เพื่อนๆ ต่างเห็นด้วยกับไอเดียเจียมสังขาร เอาตัวรอดจากที่นี่ไปได้เปลาะหนึ่ง
ยอดเขาสูงลิบที่ที่สถิตของมหาคีรีนัต
เราโบกมือลาภูเขาโปปา การเดินทางจากนี้ไปส่วนใหญ่เป็นเนินลงเขาโดยไม่ต้องย้อนกลับไปทางเดิม พวกเรายังคงเพลิดเพลินกับทิวทัศน์สองข้างทาง เราผ่านเมืองเล็กๆ อยู่สักสองสามแห่ง ซึ่งโชเฟอร์บอกกับเราว่าอาจจะถึงมัณฑะเลย์ช่วงบ่ายแก่ๆ
เปิดประตูสู่...มัณฑะเลย์
จากถนนแคบๆ รถวิ่งสวนกันทีต้องแบ่งล้อด้านหนึ่งวิ่งบนถนนลูกรัง ยิ่งถนนที่พ้นห่างจากแหล่งชุมชนแล้วละก็ ชวนให้นึกถึงชื่อเพลง fly me to the moon นี่..เร..า.า กะ ลั..ง..งัง ร่..อน....ยะ...อยู่....บ..น...ผิ ..อิ๋ว..ดอ..อวง จะ... อันทร์ อยู่รึไง!
ไม่นานนักถนนแคบๆ ก็ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นถนนที่กว้างขึ้น ยิ่งนานเข้ายิ่งเต็มไปด้วยรถราแน่นขนัด ฝุ่นหินคลุ้งกระจายที่เกิดจากถนนกำลังสร้างใหม่ ดูจากเวลาที่เรามาถึง นี่คงเป็นทางเข้าเมืองมัณฑะเลย์แล้วกระมัง แล้วในเมืองจะขนาดไหนกันล่ะนี่!
ข้างทางของเมืองมัณฑะเลย์เมื่อสิบกว่าปีก่อน
เมื่อถึงโรงแรมเราตัดสินใจเรียกสามล้อที่อยู่สุดตลาด
"1500 จัตต์ ต่อคัน "คันหนึ่งนั่งได้ 2 คน
ค่ารถสำหรับการไปดูพิธีล้างพระพักตร์พระมหามัยมุนีในตอนเช้าของวันพรุ่งนี้
"มันไกลน่ะคุณ" ชายร่างเล็กมีอายุ ถูกเรียกมาเจรจากับเรา ด้วยพูดภาษากับคนต่างถิ่นได้ดีกว่าเพื่อน
เราพูดอังกฤษกันแบบคำต่อคำ แต่เป็นอันเข้าใจ
เรานัดแนะกับลุงคนขี่สามล้อว่าให้มารับที่หน้าโรงแรมพรุ่งนี้ตอนตีสามครึ่ง เพื่อจะได้มาถึงที่นี่ราวตีสี่ ไม่มีใครอิดออดกับเวลานัดหมาย ใครเล่าจะปฏิเสธพิธีศักดิ์สิทธิ์ที่สืบทอดมานานปี ยิ่งจะได้เห็นพระพุทธรูปแห่งยะไข่ส่องประกายอันอบอุ่นด้วยแล้ว จากที่เรามองมัณฑะเลย์อย่างสิ้นหวังกลับมีความหมายขึ้นมาทันที
มัณฑะเลย์..เวลาเช้า
ตลอดคืนนั้น ฝนตกลงมาอย่างหนักจนน้ำขังทั่วทั้งเมืองมัณฑะเลย์ อดหวั่นใจไม่ได้ว่าพรุ่งนี้เช้ามือดจะไปวัดเพื่อดูพิธีล้างหน้าพระได้หรือเปล่าน้อ
ตีสามครึ่ง
สามล้อรอเราอยู่แล้ว ทำไมลุงมาเร็วจัง ปรากฎว่าแกไม่ได้นอนบ้านหรอก แค่กลับบ้านเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วกลับมาในเมือง ดูทีวีและอาศัยนอนใต้ต้นไม้แถวร้านชานั่นแหละ บ้านไกลกลัวมารับเราไม่ทัน
ตัวเมืองมัณฑะเลย์ยังคงหลับใหล น้ำยังคงท่วมขังเป็นหย่อมๆ เช้ามืดของมัณฑะเลย์ดูน่ารักกว่าเมื่อค่ำวานเป็นไหนๆ มีเพียงรถสามล้อพวกเรา และแสงไฟจากร้านรวงบางแห่งเท่านั้น เสียงล้อบดไปตามถนนขรุขระอย่างแผ่วเบา ดีจังเลย ฉันเองยังไม่อยากเห็นมัณฑะเลย์ตื่นก่อนเวลาสักเท่าไหร่หรอก
ลุงเคนโซ คือชื่อเจ้าของสามล้อที่เราต่อรองราคากันเมื่อวาน ค่อยๆ แตะเบรก เมื่อถึงหน้าวัด บอกให้คนนั่งหันหลังลงก่อนคนหน้า ไม่อย่างนั้นคนนั่งเบาะหลังอาจเสียสมดุลขาชี้ฟ้าได้ ลุงกับเพื่อนสามล้อรีบคว้ารองเท้าเราไปเก็บไว้ที่รถ เราเลยตกลงให้แกรอรับเรากลับด้วยเสียเลยเพื่อแกจะได้มีรายได้
วัดมหามัยมุนีในยามคำ่คืน
พุทธศาสนิกชนผู้ศรัทธาในองค์พระมหามัยมุนีต่างมารอก่อนพิธีเริ่มกันแน่นขนัด
ฟังเพื่อนเล่าเรื่องพระมหามัยมุนีจากการอ่านหนังสือว่า คนยะไข่เวลาสร้างอะไร จะทำแบบใหญ่ๆ เสมอ องค์มัยมุนีก็เช่นกัน หนักถึง 8 ตัน สมัยพระเจ้าบุเรงนองได้พยายามชะลอมาไว้ที่หงสาวดี แต่ที่สุดก็ยังไม่สำเร็จ
มาถึงสมัยพระเจ้าโบดอพญา จึงนำมาไว้ที่นี่ได้ สร้างความโกรธแค้นให้คนยะไข่ที่รบพุ่งกับพม่าเป็นประจำอยู่แล้ว ถึงกับไปเข้ากับอังกฤษ เป็นชนวนเหตุให้พม่าเสียเมืองในที่สุด ครั้นพระเจ้าโบดอพญา หรือพระเจ้าปดุง ได้พระมหามัยมุนีจากยะไข่มาไม่นานก็เป็นอันเสียเมือง
พระมหามัยมุนีหรือพระเนื้อนิ่ม 1 ใน 5 สิ่งศักดิ์สิทธิ์สูงสุดของพม่า
ลมหายใจพระมหามัยมุนี
ได้เวลาที่กำหนด พระสงฆ์อาวุโสนัยว่าเป็นเจ้าอาวาสที่ถูกเลือกให้ปฏิบัติกิจนี้ จนกว่าสังขารจะไม่อำนวย ข้างหลังจะมีผู้ทรงศีลสวมชุดขาวสวดมนต์ตลอดพิธี ท่านขึ้นยืนบนนั่งร้าน ฉีดพรมน้ำครั้งแล้วครั้งเล่าจนทั่วใบหน้า ขัดสีด้วยแปรงบริเวณโอษฐ์ ราวกับพระพุทธรูปนี้มีลมหายใจ
หลังจากนั้นท่านรับเอาผ้าเช็ดหน้า หรือผ้าขนหนูผืนเล็กที่ชาวบ้านวางบนถาดเงินถาดทองประเคนให้ท่านใช้เช็ด แล้วโยนลงมาเพื่อคืนญาติโยมได้นำไปบูชา ฉันนั่งถัดจากเขตที่นั่งได้เฉพาะผู้ชาย
พิธีล้างพระพักตร์พระมหามัยมุนีจะเริ่มทำพิธีช่วงเช้าเวลา 04.00 น.ของทุกวัน
ข้างหลังเจ้าอาวาสจะมีผู้ทรงศีลสวมชุดขาวสวดมนต์ตลอดพิธี
หญิงสาวพม่าข้างๆ ตัวฉันนั่งลงก้มกราบอย่างตั้งใจ เธอหลับตานับลูกประคำพร้อมสวดมนต์ ฉันยื่นตัวเข้าไปใกล้เพื่อฟัง เป็นบทสวดเหมือนเราแต่แปร่งสำเนียง หญิงมีอายุด้านหน้าหันมามองแล้วยิ้มให้ฉัน เป็นรอยยิ้มของชาวพุทธด้วยกันที่ร่วมยินดีในธรรม คุณป้ากุลีกุจอเอาน้ำมนต์ที่มีกลิ่นทะนาคาและเครื่องหอมอื่นๆ มาให้ฉันประพรม เป็นสิริมงคล
แผ่นทองคำเปลวหนาเป็นรอยตะปุ่มตะป่ำตามองค์ จนไม่อาจเห็นส่วนสัดที่แท้จริง
เครื่องอัญมณีที่อยู่ตามพระเกศ และพระอุระนั้นงดงามเปล่งประกาย
แผ่นทองคำเปลวหนาเป็นรอยตะปุ่มตะป่ำตามองค์ จนไม่อาจเห็นส่วนสัดที่แท้จริง บ้างว่าเมื่อลองเอานิ้วกดดูก็จะรับรู้ได้ว่าองค์พระมีความอ่อนนิ่มจากทองคำเปลว จึงเรียกพระมหามัยมุนีว่า พระพุทธรูปเนื้อนิ่ม หรือ พระเนื้อนิ่ม
สำหรับพวกเรามองความหนาแน่นของทองคำเปลว อันบอกได้ถึงความศรัทธาของผู้คนที่มากขึ้นทุกวันๆ ส่วนเครื่องอัญมณีที่อยู่ตามพระเกศ และพระอุระนั้นงดงามเปล่งประกายก็จริง แต่ฉันกลับสัมผัสได้ถึงลมหายใจแห่งความเมตตาของพระพุทธรูปองค์นี้แผ่พลังแห่งชีวิตให้อวลซึมเข้าไปในใจ
พระมหามัยมุนีเป็นพระพุทธรูปที่ทรงเครื่องกษัตริย์ปางมารวิชัยแบบมรัคอู
ฉันก้มลงกราบพระมหามัยมุนีอีกครั้ง และไม่อาจรู้ได้ว่าคนพม่าขออะไรจากท่าน สำหรับฉันขอให้สิ่งที่พวกเขาวิงวอนจงเป็นจริง ด้วยบารมีของพระมหามัยมุนีด้วยเทอญ
ตอนต่อไปจากเมืองมัณฑะเลย์เราจะไปเดินเล่นบนสะพานอูเป็ง สะพานไม้สักที่ยาวสุดลูกหูลูกตา
เรื่องราวที่เกิดขึ้นและภาพถ่ายทุกภาพถูกบันทึกเมื่อเดือนตุลาคม 2549 ด้วยกล้องnikon D200 เป็นการเดินทางเที่ยวพม่าในขณะที่ประเทศนี้ยังไม่เปิดรับการท่องเที่ยวเต็มรูปแบบเหมือนในปัจจุบัน
เล่าเรื่องโดย สีละมัน
ถ่ายภาพโดย อนุพันธ์ สุภานุสร
#ถ่ายรูปเล่าเรื่อง #fototeller #keepshooting #เที่ยวพม่า #เที่ยวมัณฑเลย์ #เที่ยวเมียนมาร์ #เที่ยวอังวะ #เที่ยวพุกาม #เที่ยวภูเขาโปปา #เที่ยวตลาดยองน์อู #เที่ยวสะกาย #เที่ยวมินกุน #เที่ยวอินเล
8 บันทึก
73
16
8
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
พม่าสวยมาก Beautiful Myanmar
8
73
16
8
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย