27 ส.ค. 2020 เวลา 10:12 • ธุรกิจ
IKEA Furniture Retailer ที่ใหญ่ที่สุดในโลก เค้ามีเทคนิคดีดียังไง ?
ทำไมถึงได้รู้จักไปทั่วโลกและมีสาขาเกือบทุกประเทศ ?
ต้องบอกว่า เวลาที่เรากำลังจะตกแต่งบ้าน หรือแม้แค่จะซื้อโต๊ะหรือเก้าอี้สักตัวนึง เพื่อนๆจะนึกถึง Furniture เจ้าใหญ่ๆอย่างอะไรกันบ้าง ?
IKEA, SB Furniture หรือ บุญถาวร หรือว่า Veerasu เนอะ
แต่ว่า 3/4 ของแบรนด์ด้านบนนั้น เป็นแบรนด์ของประเทศไทย แต่มีเพียงแค่ IKEA ที่เข้ามาอยู้ใน list ของพวกเราโดยที่ไม่ได้เป็นแบรนด์จากประเทศไทย
ส่วนตัวใช้เฟอนิเจอร์หลายชิ้นจาก IKEA แต่ก็ยอมรับว่าถ้าเทียบเรื่องของคุณภาพนั้น บุญถาวรจะดีกว่านะ (ส่วนตัวเรามอง) แต่เราเอาตรงๆ เราก็อดใจไม่ได้ที่จะเดินดู IKEA สักรอบนึงก่อน
แล้วตอนเดินดูที่อาณาจักร IKEA ตรง Mega bangna เนี่ย รู้สึกเหมือนออกไปอยู่อีกโลกเลย แอบมีความสุขดีจัง เพื่อนๆเป็นเหมือนกันไหมเอ่ย ?
งั้นบทความนี้เราจะมาเจาะกันว่า IKEA เค้ามีเทคนิคทางการตลาดดีดีอย่างไรบ้าง ที่มัดใจคนทั่วโลกให้นึกถึงพวกเค้า เวลานึกถึง Furniture
มารู้จัก IKEA กันสักนิดนึงนะเพื่อนๆ
- IKEA เริ่มเปิดกิจการในปี 1943 ใน Sweden โดยคุณ Ingvar Kamprad ซึ่งในขณะนั้นมีอายุแคเพียง 17 ปีเท่านั้นเอง
- และแน่นอนว่า 2 ตัวอักษรแรก "I" และ "K" ก็มาจากชื่อของคุณ Ingvar Kamprad นั้นเอง
- ส่วน "E" และ "A" นั้นก็มาจาก Elmtaryd และ Agunnaryd ซึ่งคือชื่อฟาร์มและหมู่บ้านของคุณ Ingvar Kamprad นั้นเอง
- IKEA เริ่มต้นด้วยการขาย Furniture ชิ้นเล็กๆ โดยเน้นไปที่ความ mass ของ product และการใช้งานที่ง่าย มากว่า Fashion
- ซึ่งในปัจจุบันนี้ IKEA ไม่ได้ขายแค่ Furniture ชิ้นเล็กๆแล้ว แต่สามารถช่วยเพื่อนๆ ออกแบบ และผลิต Furniture ให้บ้านเพื่อนๆทั้งหลังได้เลยละ
- โดยในปี 2020 IKEA ได้ขยายสาขาไปถึง 433 สาขาทั่วโลก (50 ประเทศ) และสร้างรายได้ไปแล้วเกือบปีละ $40 พันล้านดอลล่าร์ และจำนวนผู้เข้าชมหน้าร้าน IKEA store เป็นจำนวนสาขาละ 1 ล้านคน ต่อปี
Ingvar Kamprad & IKEA
IKEA Store Lay-out ที่ออกแบบมาเพื่อพร้อมละลายเงินในกระเป๋าของเพื่อนๆ
มาดูกันที่ภาพแรกก่อนเลย
zig-zag maze theory (pic from Dailymail.co.uk)
- IKEA เค้าวางแผนการเดินชม Furniture ของลูกค้าให้เหมือนเขาวงกต เอาง่ายๆคือ ถ้าเพื่อนๆจะมาซื้อแค่เพียงเก้าอี้ หรือ โซฟา เพื่อนๆอาจจะโดน IKEA ป้ายยาเพื่อนๆมากกว่าแค่เก้าอี้ โดยระยะเวลาเดินเฉลี่ยของลูกค้า IKEA ทั่วโลกในเขาวงกตนี้อยู่ที่ 45 นาทีต่อการเข้าชม
- และแน่นอนว่าที่คือความตั้งใจของ IKEA โดยเริ่มแผนผังจากร้านอาหารและคาเฟ่ เพื่อเติมพลังกับลูกค้าเสียก่อน
- 1 walk-able way ! อันนี้เรียกได้ว่าคือไม้ตายของ IKEA เลยคือ ทำให้ลูกค้าเดินได้เป็นเพียงแค่ทางเดียวเท่านั้น และทางนี้ก็คือ เดินซิกแซกไปมา ขึ้นข้างบน ลงข้างล่าง กว่าจะเจอ โต๊ะหรือเก้าอี้ ระหว่างทางเราคงได้ของตดไม้ติดมือ เช่น เบาะรองนั่ง พรมเช็ดเท้าไปแล้ว ซึ่งสินค้าเหล่านี้จะออกมาเรื่อยๆเลย(แบบต่าง design) คือเค้าไม่ได้มีแค่ จุดจุดเดียว
- และถ้าเพื่อนๆเปลี่ยนใจอยากได้ของชิ้นใหม่ละก็ เค้าก็มี dropping box ให้ด้วยละ คือพวกเค้าพร้อมที่จะทำให้การช้อปปิ้งของเพื่อนๆสะดวกที่สุด
from BBC Lifestyle
- และแน่นอนว่าส่วนที่เพื่อนๆอยากจะไปให้ถึงมากที่สุดคือ Warehouse ด้านล่าง เพื่อรับของต่างๆ (มุมถ่ายรูปยอดฮิต) แต่กว่าที่เพื่อนๆจะไปถึงได้ ต้องผ่าน Showroom ไปแล้วกี่ห้องนะ ?!
- และสุดท้ายยยยเลย ก่อนจะถึง counter ชำระเงิน เหล่าของที่เพื่อนๆเห็นผ่านตาว่า Sale ! Discount ! ก็จะมารวมเป็นแก๊ง Avenger อยู่หน้าเค้าเตอร์ชำระเงิน ก็คือ IKEA เค้าเก็บทุกเม็ด อารมณ์ว่า โอเค ชั้นรู้นะว่าเธอลังเลอยู่ เธอมาชอบที่ IKEA เพราะต้องการของที่ราคาไม่แพง และนี่ไง เธอกำลังเห็นชั้นลดราคาอยู่นะ ! โอกาสสุดท้ายนะ ! ไม่งั้นจะต้องไปเริ่มเดินมาใหม่ !!
IKEA บางสาขาอนุญาตให้ผู้เข้าชมหนีร้อนมานอนตากแอร์ได้
- ต้องบอกว่าเป็นเพียงแค่บางสาขา และบางเวลาเท่านั้นด้วยนะ
- ก็คือถ้าเพื่อนๆไม่อาย ก็เชิญนอนได้เลย (ในเตียงทดลองที่กำหนดให้เท่านั้นนะ)
- คือตรงนี้ IKEA เค้าไม่ได้อยากให้ลองนอน เพื่อที่จะได้ซื้อเตียง หรือให้ลูกค้าพักเก็บแรงหรอกนะ
- แต่ว่ามันคือ Viral marketing ซะมากกว่า และที่สำคัญกว่าคือ IKEA เค้าได้สร้างบรรยากาศแบบเป็นกันเอง ให้กับลูกค้าคนอื่นๆได้เห็น (เพราะที่อื่นๆ เหมือนจะไมให้นอนเลย ให้นั่งแบบเร็วๆ) แต่ก็ไม่แน่ว่า อย่างที่ Hangzhou เค้าให้นอนแบบนี้หลายๆเตียง แล้วมันจะเป็นภาพที่น่าดูไหมนาาาา ? แห่ะๆ
2
IKEA Hangzhou, China, in 2017
กองทัพต้องเดินด้วยท้อง !
- IKEA ยังมองอีกว่า ปัญหาของการรีบเดินของลูกค้าจะหมดไป ถ้าพวกเค้าอิ่ม !
- ซึ่ง 1 ในกลยุทธ์ของ IKEA ไม่ใช่ว่าเค้าดึงดูดด้วยตัวรสชาติของอาหาร แตพวกเค้าเน้น ปริมาณ ความหลากหลาย และ ความถูกของราคานั้นเอง
- และในหลายๆสาขายังได้มี design แบบ Kids friendly ด้วยนะ อย่างของยุโรปเค้ามีโซนแบบ Children care free ด้วย ก็คือให้เอาคุณน้องๆฝากเล่นไว้ในโซนเด็กเล่นได้เลยละ
The IKEA Catalogue
- ด้วยความหนา 350 หน้า ที่มีเกือบ 200 ล้านฉบับทัวโลก หรือ เป็นแบบ e-catalogue ก็มีให้นะ
- ซึ่งต้องบอกเลยว่า IKEA เค้าไม่ได้ทำเพียงแค่ หนังสือเลือกซื้อสินค้าทั่วไป แต่ว่าเค้าได้เน้นในเรื่องของการ จัดตำแหน่ง ถ่ายรูป ความชัดคมของภาพ รวมถึง การใช้ CGI เข้าช่วยด้วยละ คือ ไม่ได้ออกมาธรรมดา เพื่อนๆตามไปดูที่ลิ้งใต้ภาพได้นะ
https://www.ikea.com/ca/en/customer-service/catalogue-and-brochures-pub4405a9e4
IKEA Catalogue ที่จับเทรนด์ Popular ของเกมส์ Animal Crossing
 - ฉบับนี้เป็นฉบับพิเศษของทางใต้หวันเค้าเลยละ โดยที่ IKEA มีการโปรโมท Furniture ผ่าน Animal Crossing Catalogue !
- ซึ่งเจ้าเล่มพิเศษนี้เป็นใน 1 ในกลยุทธ์ IKEA flexibility tailor catalogs นั้นเองงง ก็คือจะมีการอัพเดท ตัวหนังสือขายสินค้านี้ตามเทรนด์แต่ละประเทศ
จบแล้วจ้า พอสังเขปเนอะเพื่อนๆ
เราว่านอกจากนี้เค้ายังมีการให้บริการลูกค้าด้วยรถเข็นขนาดใหญ่ และรวมถึงถุงใส่อุปกรณ์แบบ XXL ด้วย ซึ่งมันทำให้เราอยากซื้อมากขึ้น โดยเฉพาะรถเข็นเนี่ย มันใหญ่มากกก แล้วเราซื้อแค่พรมเช็ดเท้า โดยมีขนาดแค่เพียงแค่ 1/10 เท่าของพื้นที่รถเข็น เจ้าสิ่งนี้ก็จะเล่นกับจิตวิทยา (กับบางคน) ว่าชั้นมาแล้วต้องคุ้ม ต้องให้เต็มรถเข็น แบบนี้ก็มีจริงๆนะ
ถ้าสรุปสั้นๆในแบบของเราคือ IKEA มีกลยุทธ์ที่เน้นประสบการณ์ในการช้อปของลูกค้าเป็นหลัก
- เส้นทางการเดินช้อปของลูกค้าใน Store หรือ Layout ที่ถูกพูดถึงกันอย่าง Viral เลย
- Friendly & Relax Store Environment
- Food & Children area
- จำนวน pop-up ของสินค้าลดราคา ที่ออกมาให้เพื่อนๆเห็นตลอดทาง
- จุด Rest Area ระหว่างการช้อป
- E-catalogs ที่รวมสินค้าทุกชนิด (แต่ไม่ได้หาง่ายๆนะจ้ะ ถ้าเพื่อนๆเดินเข้าในข้างใน)
- ที่จอดรถสุดกว้าง (แต่ Mega Bangna เต็มเสมอซะเยอะเลย)
และการบอกต่อๆกัน รวมถึงการถ่ายรูปภายในของ IKEA Store แล้วอัพลง Social โดยที่ บรรยากาศโดยรอบนั้นผ่อนคลาย ก็จะทำให้หลายๆคนอยากมาเดินช้อปมาขึ้น
โฆษณา