27 ส.ค. 2020 เวลา 20:56
ภาษามะกิต...หงุดหงิดหัวใจ
บริเวณ Oriental Pearl TV Tower
ตั้งแต่จำได้ว่า เริ่มเรียนภาษาอังกฤษโดยเฉพาะไวยากรณ์ (Grammar) ดูจะตอกตรึงความเกลียดชัง วิชานี้เหมือนคนที่กินยาขม อยากจะวิ่งหนีไปให้ไกลทุกๆครั้ง และอยากจะลาป่วยทันที หากอาจารย์ชี้นิ้วมาที่เรา แล้วให้ลุกตอบคำถาม โอ้ย..เหมือนโลกตรงหน้ากำลังจะถล่ม แล้วดูดกลืนเราลงไปด้วย
มองลงมาจาก Pearl TV Tower
ในการสอบทุกๆครั้ง ตกมั่ง เฉียดตกมั่ง เอาตัวรอดมาจนจบ ตอนนั้นดีใจแทบเขวี้ยงหนังสือทิ้ง เมื่อเรียนจบใหม่ๆ ทำไมโลกนี้ช่างมีอิสระ เสรีเสียจริงๆ ไม่ต้องเรียนภาษาอังกฤษอีกต่อไปแล้ว และแล้ว ในความจริงของชีวิต. มันไม่ได้เป็นเช่นนั้น ความเครียดครั้งใหม่ก็มาถึง เหตุเป็นเพราะต้องทำมาหากิน จึงต้องทำงาน ดันมาเลือกงานสุดล้ำ ขายเครื่องมือวิทยาศาสตร์ มันจึงเพิ่มความหนักหน่วงให้ชีวิต กว่าตอนเรียนหลายเท่า
เพราะว่าเอกสารสำหรับขายของล้วนเป็นภาษาอังกฤษ 100% ไม่มีภาษาไทยปนเลย ยากยิ่งกว่านั้น คำศัพท์ ยังเป็นศัพท์เฉพาะทางด้านวิทยาศาสตร์ ซึ่งบางคำเปิดหาใน dictionary หรือ Google ยากแล้ว แต่ตอนแปลออกมา มันดันแปลความหมายได้แบบงงงวย เป็นไก่ตาแตก
ที่หนักขั้นสุดคือมีตัวแทนจากบริษัท ที่เราเอาสินค้ามาจำหน่าย ขยันมาเยี่ยมเยียนลูกค้า พร้อมมาสอนผลิตภัณฑ์กันถี่ยิบ เจ้านายที่รัก รู้ทั้งรู้ว่าเราโง่ ก็ชอบให้เราไปรับฝรั่ง หรือไม่ก็พาฝรั่งไปพบลูกค้า แรกๆเหงื่อชุ่มมือ และสิ่งที่พูดคล่องที่สุด เห็นจะเป็นประโยคว่า “Sorry again please “ พวกชาวต่างชาติพวกนั้น 80% เขาพยายามช่วยเข้าใจเรา ใจเย็น ไม่ชักสีหน้า แต่อีก 20% ก็ทำหน้าบอกให้รู้ว่า โอ้ย ฉันรำคาญหล่อนเหลือเกิน
เวลาว่างๆมานั่งนึกถึงอดีต Boss ที่รักของเรา ลงทุนกับคนโง่ๆคนนี้ไปหลายเงินเพื่อให้หลุดพ้นจากความโง่งม แต่ทว่าพอเรียนจบแต่ละคอร์ส 1เดือนให้หลัง ความโง่ก็กลับมาครอบงำอย่างเคย ดังนั้น เจ้านายที่แสนรัก จึงค้นพบวิธีใหม่ เพื่อจัดการคนอย่างเรา จู่ๆ คำสั่งสายฟ้าฟาด บอกให้บินไปเปิด Booth ที่พม่า คนเดียว โอ้แม่เจ้า ตายแน่ๆ รีบแจ้นไปหาเจ้านาย พร้อมทำท่าอิดออด มีเสียงตวาดแบบ ให้เราต้องสงบว่า "ไปเตรียมตัว" เท่านั้นแหละ เราก็ก้มหน้าเก็บกระเป๋าทันที
`ตึกบริเวณ The Bund ยามค่ำคืน
เป็นการออกนอกประเทศ คนเดียวครั้งแรก ทำงัยได้ทางหลุดพ้น ที่ดีที่สุด ของการจะสื่อสารภาษาอังกฤษ บอกได้เลย มีทางเดียวเท่านั้น คือต้องหน้าด้าน และสิ่งที่เอื้อเรื่องหนึ่งคือ อยู่นอกประเทศ คนเดียวไม่ต้องอายใคร เพราะไม่มีคนแอบฟังแล้วหัวเราะ หรือทำหน้าเย้ยหยัน เหมือนในประเทศ จำได้ว่าวันนั้น ยืนอธิบายผลิตภัณฑ์ ให้รัฐมนตรีกระทรวงสาธรณสุข ของพม่าแบบชิวๆ (สงสัยกลับไปคงมึน ว่ามันพูดอะไรว่ะแน่ๆ) แล้วก็มีชีวิตกลับมาถึงบ้านได้
เจ้านายสุดที่รักยังไม่เลิกรา ส่งบินเดี่ยวไปเซี่ยงไฮ้คนเดียวอีก ครั้งนี้นี่เอง ทำให้เราหลุดพ้นจากความกลัวภาษาอังกฤษ เพราะมีเรื่องที่ต้องกลัวเรื่องใหม่ เนื่องมาจากคนจีนส่วนน้อย ที่พูดภาษาอังกฤษได้ ส่วนใหญ่ใส่ภาษาจีนเลย โอ้ย คราวนี้ยุ่งกว่าเดิม เพราะพูดกับใครๆ ก็วิ่งหนีทันที ดีน๊ะที่เตรียมตัว download ที่อยู่โรงแรมเป็นภาษาจีนไปด้วย ไม่งั้นจบเห่อยู่ที่สนามบินแน่ๆ
อาคารกลางน้ำในสวน Yuyuan Garden Market
จำได้ว่า บินไปคนละ Flight กับเจ้านาย ก่อนออกเดินทาง เจ้านายบอกว่า "ผมจะไปก่อน หากติดปัญหาอะไร โทรหาได้" แหมฟังดูอบอุ่นใจ และแล้วเราออกจากสนามบินเซียงไฮ้ ขึ้นแท็กซี่ มาถึงหน้าโรงแรม โรงแรมก็ไกลมากๆ พอถึง เท็กซี่จะโกงเงินทอน คุยภาษาจีน โวยวายๆ ตอนนั้นที่พึ่งสุดท้ายคือโทรไปหาเจ้านาย สรุปไม่รับสาย สงสัยหลับ เพราะตอนนั้น 5 ทุ่มแล้ว ดีน๊ะหัวไว ไปเรียกใช้บริการ frontของโรงแรม ให้มาเคลียร์กันด้วยภาษาจีน จนยอมคืนเงินให้ตามใบเสร็จ ไม่งั้นโดนโกงตังค์เยอะเลย
เครื่องมือวิทยาศาสตร์ ที่โชว์อยู่ใน. Booth Analytica ที่เซียงไฮ้
เช้ามา เจอเจ้านายที่ Lobby ถามว่าได้ยินเสียงโทรไหมค๊ะ คำตอบคำเดียว "หลับ" เป็นอันว่าเข้าใจ เจ้านายสั่งๆๆงาน และบอกว่า จะไปอีกที่ ส่วนเราให้ไปดูงาน Exhibition ไปหาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆคนเดียว และเจ้านายก็สั่งว่า ผมจะกลับเย็นนี้ ส่วนคุณยังไม่เคยมา ก็อยู่เที่ยวสักวัน มะรืนค่อยกลับ และแนะนำสั้นๆว่า ชั้นใต้ดินของโรงแรมนี้ มีสถานี รถไฟฟ้าใต้ดินอยู่ ไปขอแผนที่ที่ Front แล้วอยากไปไหนก็ไป หลังจากเสร็จงานแล้ว นึกในใจพ่อพระมาโปรด ไหนๆก็ไหนๆ ไปซะหน่อย จะเป็นไรไป
พิธีเปิดงานแสดงเครื่องมือที่ย่างกุ้ง พม่า
ในเมื่อชีวิตต้องดำเนินต่อไป ความมั่นใจเรื่องภาษาอังกฤษ เพิ่มขึ้นเต็มเปี่ยม ตอนที่อยู่เซียงไฮ้ เป็นเพราะแทบจะ 95%คนที่นั้น สื่อสารภาษาอังกฤษไม่ได้ เราจึงเก่งที่สุดแล้วตอนนั้น เพราะว่าชาวต่างชาติที่เดินเที่ยว พบปัญหาเดียวกับเรา คือไม่มีใครตอบคำถามได้ เราจึงเป็นฝ่ายช่วยตอบเองตลอดทาง จนท้ายที่สุด เจอชาวโรมาเนีย ร่วมออกผจญภัย ท่องเซียงไฮ้ยามค่ำคืนด้วยกัน และยังไปเจอ หนุ่มๆสเปน อีกกลุ่มใหญ่ ติดสอยห้อยตามกันไปขึ้นชมวิวที่เซี่ยงไฮ้ทาวเวอร์
ฺBooth ฝีมือเราคนเดียว เฝ้าคนเดียว
หลังจากกลับมาจากจีนครั้งนั้น ความกลัวภาษาอังกฤษหายเป็นปลิดทิ้ง เพราะได้รู้ว่ายังมีเพื่อนๆร่วมโลก ที่พูดภาษาอังกฤษไม่ได้เหมือนกันเยอะแยะไปหมด แย่กว่าเราเสียอีกด้วย และก็ตอกย้ำความเชื่อนี้มากขึ้น เมื่อมีโอกาสไปหลายๆประเทศ ไม่ว่าเบลเยี่ยม เนเธอร์แลนด์ เยอรมัน และอีกหลายๆที่ ก็ยังมีคนวิ่งหนี ตอนที่มีนักท่องเที่ยว เดินไปถามทาง เหมือนเราเหมือนกัน แล้วเราจะต้องกลัวไปทำไม ตอนนี้พูดได้ แต่ไม่ได้ perfect แต่ก็สื่อสารกันเข้าใจ ถามตอบ หยอกล้อ แนะนำ ขอข้าวกินใด้ก็ถือว่ารอดตายแล้ว
# เป็นกำลังใจให้คนวิ่งหนีภาษาอังกฤษทุกคนในโลกนี้ ที่แอบซ่อนตัวอยู่#
#กลับจากจีน พูดจีนได้ 1 คำ คือคำว่า “เซี่ยๆ “ แปลว่า ขอบคุณ #
🌀ขอบคุณเจ้านายที่เป็นผู้ผลักดัน ในทุกๆเรื่อง เสมอมา จนคนๆนี้ผ่านจุดวิกฤติ มาได้ด้วยตัวเอง🌀
📌เก็บภาพมาจาก
@ เมืองเซียงไฮ้ ประเทศจีน & เมืองย่างกุ้งประเทศพม่า @
โฆษณา