2 ก.ย. 2020 เวลา 03:00 • ประวัติศาสตร์
สงครามโลกครั้งที่ 2 เกิดอะไรขึ้นบ้าง? และจบลงได้อย่างไร?
WIKIPEDIA PD
ร่วมเป็นผู้สนับสนุนให้เรามีกำลังผลิตงานต่อไปได้ทาง บัญชีกสิกรไทย
0698966939
บริษัท สโป๊คดาร์ค จำกัด
เมื่อพูดถึงสงครามโลกครั้งที่ 2 ทางฝั่งของทวีปเอเชียแล้ว อาจกล่าวได้ว่าเริ่มจากการที่ญี่ปุ่นได้ยึดครองแมนจูเรียซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของจีนในปี 1931 จนนำมาสู่การก่อตั้งประเทศแมนจูกัวที่เป็นรัฐบาลหุ่นเชิดของญี่ปุ่น และเริ่มทำการรุกรานประเทศจีนครั้งใหญ่ จนนำมาสู่เหตุการณ์นานกิ่ง ที่ทหารญี่ปุ่นได้กระทำการอย่างโหดเหี้ยมต่อชาวจีน และกลายเป็นตราบาปที่ยังคงสร้างความบาดหมางระหว่างจีนและญี่ปุ่นจนถึงปัจจุบัน
WIKIPEDIA PD
ทางฝั่งเยอรมันและอิตาลี ที่เป็นฝ่ายฟาสซิสต์ก็ได้เริ่มรุกรานประเทศอื่น ๆ ในทวีปยุโรปและทวีปแอฟริกา โดยโปแลนด์ ได้ถูกเยอรมันที่นำโดยพรรคนาซีบุกยึดในเดือนกันยายน 1939 จนกล่าวได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นของสงครามโลกครั้งที่ 2 ทางฝั่งยุโรป เนื่องจากอังกฤษและฝรั่งเศสมีสนธิสัญญาว่าจะช่วยปกป้องประเทศโปแลนด์ ขณะเดียวกัน เยอรมันนี้เองก็ไม่ได้เกรงกลัวอังกฤษและฝรั่งเศส เนื่องจากพวกเขาได้แอบเจรจาสันติภาพกับสหภาพโซเวียตที่เรียกว่า กติกาสัญญาโมโลตอฟ-ริบเบินทร็อพ (Molotov-Ribbentrop Pact) ที่เยอรมันและโซเวียตจะไม่ทำสงครามกันเอง และจะแบ่งประเทศโปแลนด์คนละครึ่ง และสหภาพโซเวียตจะไม่เข้าไปยุ่งกับเยอรมันที่จะทำสงครามกับอังกฤษและฝรั่งเศสเช่นกัน
WIKIPEDIA PD
อย่างไรก็ตาม ใน 8 เดือนแรก ยังไม่มีการทำสงครามเต็มรูปแบบ โดยช่วงเวลานี้ถูกเรียกว่า Phoney War หรือสงครามลวง คือไม่มีการเผชิญหน้ากันด้วยกำลังทหารขนาดใหญ่ โดยอังกฤษพยายามหาวิธีป้องกันให้สงครามอยู่ห่างจากบ้านด้วยการโปรยใบปลิวโฆษณาชวนเชื่อใส่เยอรมันบ้าง และพยายามตัดกำลังด้วยการปิดน่านน้ำในคาบสมุทรบอลข่าน ไม่ให้ประเทศที่วางตัวเป็นกลางอย่างสวีเดนและนอร์เวย์ขายทรัพยากรที่สำคัญอย่าง แร่เหล็กให้เยอรมัน ซึ่งภายหลังก็ล้มเหลว เพราะเยอรมันตัดสินใจใช้กำลังยึดนอร์เวย์ไปในที่สุด
WIKIPEDIA PD
หลังจากสงครามลวงจบลงในเดือนพฤษภาคม 1940 กองทัพนาซีเยอรมันได้ทำการบุกเบลเยี่ยมเพื่อเปิดทางเข้าสู่ประเทศฝรั่งเศส โดยใช้เวลายึดเบลเยี่ยมใน 18 วัน และฝรั่งเศสก็พ่ายแพ้ให้กับนาซีเยอรมันไปในเวลาเพียง 6 สัปดาห์ เนื่องจากอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ล้าหลัง และความไม่พร้อมรบของฝรั่งเศส ในขณะที่อังกฤษภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี วินสตัน เชอร์ชิล ตัดสินใจว่าต้องสู้กับนาซีเยอรมันต่อไป แม้ว่าฝรั่งเศสจะยอมแพ้ไปแล้วก็ตาม ขณะเดียวกัน นาซีเยอรมันของอดอลฟ์ ฮิตเลอร์ พยายามใช้นโยบายโดดเดี่ยวอังกฤษ โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศในแถบยุโรปกลางอย่าง ฮังการี โรมาเนีย ยูโกสลาเวีย ที่ภายหลังได้เข้าร่วมกับฝ่ายอักษะ จนเป็นเหตุให้นาซีเยอรมันกล้าเดินหน้าบุกสหภาพโซเวียต
WIKIPEDIA CC BUNDESARCHIV - WIKIPEDIA PD
ทางฝั่งญี่ปุ่น ต่อมาได้เซ็นสัญญากับเยอรมันและอิตาลีใน ‘กติกาสัญญาไตรภาคี’ ในเดือนกันยายน 1940 ที่เป็นจุดที่ฝ่ายอักษะรวมตัวกันได้ และญี่ปุ่นก็ได้เดินหน้าเข้ามาในดินแดนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และยกพลขึ้นบกที่ประเทศไทยในรัฐบาลของจอมพล ป. พิบูลสงคราม ที่ภายหลังได้ประกาศเข้าร่วมกับฝ่ายอักษะและประกาศสงครามกับฝ่ายสัมพันธมิตร
WIKIPEDIA CC BUNDESARCHIV - WIKIPEDIA PD
โดยทางญี่ปุ่น ด้วยข้อจำกัดด้านภูมิประเทศที่เป็นเกาะ เลยทำให้ไม่มีทรัพยากรมากมายนัก ก็เลยทำให้ญี่ปุ่นจำเป็นต้องบุกพม่าและอินเดียต่อไป เพื่อความมั่นคงทางยุทธศาสตร์ และได้สร้างเส้นทางรถไฟที่ลากยาวไปทั่วทั้งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งภายหลังเรารู้จักเส้นทางรถไฟนี้ว่า ‘เส้นทางรถไฟสายมรณะ’ ที่ตั้งอยู่ในประเทศไทย โดยมีผู้เสียชีวิตที่เป็นแรงงานและเชลยศึกเป็นจำนวนมาก
WIKIPEDIA CC W.WOLNY - WIKIPEDIA PD
สิ่งหนึ่งที่เป็นที่รับรู้กันดี ก็คือระบบเศรษฐกิจของแต่ละประเทศที่กล่าวได้ว่ายิ่งอยู่ในสภาวะสงครามนานเท่าไร ก็ยิ่งเสียหายยับเยินเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายใดก็ตาม ซึ่งบทเรียนดังกล่าวก็ได้เห็นกันมาแล้วในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 ที่ทำให้จักรวรรดิรัสเซีย ออสเตรียฮังการี และจักรวรรดิออตโตมันต้องล่มสลายกันเลยทีเดียว เยอรมันต้องพบกับปัญหาด้านทรัพยากรในแนวรบด้านตะวันตก เมื่อพวกเขาไม่สามารถข้ามช่องแคบอังกฤษได้ ฮิตเลอร์จึงตัดสินเปลี่ยนแนวรบไปทางทิศตะวันออกแทน โดยการฉีกสัญญาสันติภาพและรุกรานสหภาพโซเวียตแบบสายฟ้าแลบ ที่ภายหลังถูกเรียกว่าปฏิบัติการบาบารอสซ่า โดยนาซีเยอรมันตั้งใจว่าจะทำสงครามแบบรวดเดียวจบแบบที่เคยทำกับฝรั่งเศส โดยมีรางวัลสูงสุดก็คือทรัพยากรน้ำมันอันมหาศาลของสหภาพโซเวียตนั่นเอง
WIKIPEDIA CC BUNDESARCHIV
นาซีเยอรมันสามารถบุกลึกเข้าไปในแผ่นดินของรัสเซียจนเข้าไปใกล้กรุงมอสโคว ทว่าพวกเขาต้องมาสะดุดกับฤดูหนาวที่แสนหฤโหด จนต้องถอนกำลังออกมา แน่นอนว่าฤดูหนาวของรัสเซียคือปราการธรรมชาติที่เคยเอาชนะกองทัพฝรั่งเศสของนโปเลียนมาแล้ว ในตอนนั้น นโปเลียนต้องสูญเสียกำลังทหารไปถึง 5 แสนคนจากทั้งหมด 6 แสนคน จากการกระทำเช่นนี้ ก็เหมือนทำให้นาซีเยอรมันเปิดศึกสองด้าน โดยนาซีเยอรมันสูญเสียทหารไปถึง 3 ล้านคน ส่วนสหภาพโซเวียตสูญเสียทหารไปถึง 8 ล้านคน และถ้าหากรวมพลเรือนเข้าไป จำนวนผู้เสียชีวิตอาจสูงถึง 27 ล้านคนเลยทีเดียว
WIKIPEDIA CC RIA NOVOSTI
ขณะเดียวกัน สหรัฐอเมริกาได้ประกาศเข้าร่วมสงครามในเดือนธันวาคม 1941 หลังจากกองทัพญี่ปุ่นโจมตีฐานทัพเรือที่เพิร์ลฮาเบอร์ เนื่องจากญี่ปุ่นมองว่ายังไงก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงสงครามกับอเมริกาในฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิกได้ จึงตัดสินใจโจมตีแบบสายฟ้าแลบชนิดที่อเมริกายังไม่ทันได้ตั้งตัว พออเมริกาประกาศสงครามกับญี่ปุ่น นาซีเยอรมันก็เลยประกาศสงครามกับอเมริกาด้วย เพราะก่อนหน้านั้น อเมริกาเองก็ช่วยเหลืออังกฤษด้วยการส่งเสบียงไปให้ จนเยอรมันต้องส่งเรือดำน้ำไปสกัดกั้น ก่อนถูกฝ่ายสัมพันธมิตรถอดรหัสและโต้กลับมาได้ในที่สุด
WIKIPEDIA PD
ทีนี้เราจะมาพูดถึงอิตาลีที่เป็นหนึ่งในฝ่ายอักษะกันบ้าง หลังจากอิตาลีเข้าร่วมสงครามโลกครั้งที่ 2 ประชาชนก็เริ่มเบื่อหน่ายท่านผู้นำมุสโซลินีของตัวเอง นอกจากนี้ฝ่ายที่เคยสนับสนุนท่านผู้นำก็เริ่มตีตัวออกห่าง เนื่องจากเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ และความเบื่อหน่ายสงคราม อิตาลีพ่ายแพ้สงครามอย่างรวดเร็วจนต้องถอนกำลังออกมาจากแอฟริกาเหนือ ก่อนที่มุสโซลินีจะถูกทำรัฐประหารโดยลูกน้องของตัวเอง และโดนจับกุมตัวประหารชีวิต
WIKIPEDIA PD
ในขณะที่ญี่ปุ่นเองก็ไม่ได้มีทรัพยากรมากมายอะไร กับการที่ประกาศสงครามกับอเมริกา ก็ยิ่งทำให้ญี่ปุ่นสูญเสียกำลังพลและทรัพยากรไปมาก เพราะก่อนหน้านั้นญี่ปุ่นได้ทำการรุกรานจีนแผ่นดินใหญ่ของนายพลเจียงไคเชค พอเจอกับสงครามยืดเยื้อของฝ่ายจีนเข้าไป บวกกับการไปเปิดศึกกับอเมริกา ก็เลยทำให้ญี่ปุ่นต้องรับศึกหนักหลายด้าน
WIKIPEDIA PD
ตัดมาที่สหรัฐอเมริกา หลังจากเข้าร่วมสงครามเต็มตัว ก็ได้ยกพลขึ้นบกที่ยุโรปเพื่อปลดปล่อยฝรั่งเศสในวันที่ 6 มิถุนายน 1944 ในรหัสที่ถูกเรียกว่า ‘ดีเดย์’ กองทัพสหรัฐอเมริกาใช้เวลาเพียง 2เดือนในการปลดปล่อยฝรั่งเศสในขณะที่นาซีเยอรมันกำลังรบกับสหภาพโซเวียตอยู่ ก่อนที่นาซีเยอรมันจะถอนกำลังออกมาและถูกตีขนาบจากทั้งสองด้านจนในที่สุดกรุงเบอร์ลินของเยอรมันก็โดนกองทัพโซเวียตตีแตกในเดือนพฤษภาคม 1945
WIKIPEDIA PD
เหลือเพียงแค่ญี่ปุ่น ที่ยังคงสู้รบอยู่ อเมริกาได้ตัดสินใจใช้ระเบิดปรมาณูที่เมืองฮิโรชิม่าและนางาซากิ เพื่อบีบให้ญี่ปุ่นยอมจำนน ซึ่งกล่าวได้ว่านี่เป็นเพียงแค่ 2 ครั้งเท่านั้น ที่มีการใช้ระเบิดนิวเคลียร์ในสงครามจนทำให้มีพลเรือนเสียชีวิตถึงสองแสนคน ยังไม่รวมถึงเหยื่อที่ได้รับผลกระทบจากกัมมันตภาพรังสีอีกนับไม่ถ้วน ก่อนที่ญี่ปุ่นจะยอมแพ้ในวันที่ 2 กันยายน 1945 เป็นอันยุติสงครามโลกครั้งที่ 2
ร่วมเป็นผู้สนับสนุนให้เรามีกำลังผลิตงานต่อไปได้ทาง บัญชีกสิกรไทย
0698966939
บริษัท สโป๊คดาร์ค จำกัด
WIKIPEDIA PD
โฆษณา