1 ก.ย. 2020 เวลา 11:34 • ท่องเที่ยว
ดูเทศกาลแห่พระ ชมเรือนกการเวก
ที่..ทะเลสาบอินเล
chapter 9
ออกจากเมืองปินตะยา ก็เวลาเย็นมากแล้ว
เราย้อนกลับไปทางเฮโฮเพื่อไปยองชเว ด้วยระยะทาง 35 กิโลเมตร ใช้เวลาร่วมๆ ชั่วโมง เพราะถนนหนทางเป็นหลุมเป็นบ่อ มาถึงตัวเมืองยองชเวก็มืดค่ำแล้ว
เราตรงไปยังที่พักที่โจอี้แนะนำ สำรวจดูแล้วสภาพพอรับได้กับราคา อากาศเย็นจนไม่ต้องพึ่งเครื่องปรับอากาศให้เปลืองเงิน จ่ายไปคนละ 6 เหรียญ
รีเซฟชั่นหนุ่มน้อยบอกทางไปร้านอาหารพม่าที่อร่อย เดินไปไม่ไกล ถือโอกาสถามเรื่องเรือที่จะไปเที่ยวทะเลสาบพรุ่งนี้
“พวกคุณโชคดีมาก พรุ่งนี้จะเป็นวันสุดท้ายของการแห่พระ”
พวกเรายิ้มแก้มปริน้อมรับความโชคดี แต่มีคำถามในใจว่าวันออกพรรษาบ้านเขากับเรานี่ตรงกันหรือเปล่านะ ฉันรู้แต่ว่าถ้าจะมาเที่ยวอินเล ต้องมาช่วงออกพรรษา
แต่ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้คือวันสุดท้ายของเขา ถ้าเรามาถึงอินเลช้าไปวันเดียว การมาที่นี่คงมีความหมายเปลี่ยนไปสินะ
แม้จะนึกไม่ออกว่าหน้าตาเทศกาลแห่พระจะเป็นอย่างไร แต่เมื่อฟังหนุ่มรีเซฟชั่นเล่าที่มาที่ไปว่า ชาวบ้านในอินเลจะจัดกระบวนเรือแห่พระแบบส่งไม้ต่อกันไปจนครบทั้ง 18 หมู่บ้าน
แต่วันสุดท้ายเท่านั้นจะได้เห็นเรือนกการเวกสีทองอัญเชิญพระพุทธรูปที่ไปไว้ที่วัดเผ่าต่ออู
“แล้วพวกคุณจะต้องชอบ ผมเคยร่วมพิธีแล้ว”
ก็ไม่รู้ว่าจะชอบหรือเปล่านะ แต่ฉันคิดว่า ถ้าเราอยากรู้จักที่ไหนสักแห่งให้ดีขึ้น ครั้งหนึ่งในชีวิต เราควรได้อยู่ร่วมเทศกาลของท้องถิ่นนั้นๆ
จากท่าเรือที่ยองชเวไปถึงท้ายหมู่บ้านใช้เวลาประมาณเกือบ 2 ชั่วโมง ค่าเรือเหมา 22,000 จัตต์ ไปได้ทั้งวัน
“พวกพี่ๆ ตื่นกี่โมงก็ได้ ไปให้ทันเรือออกตีห้าก็แล้วกัน ผมจะเตรียมอาหารเช้าไว้ให้”
จะมีวันไหนไม่ตื่นเช้าสักวันมั้ย.....ฉันครวญอยู่ในใจ
พวกเราเดินฝ่าสายฝนกลับจากกินข้าวเย็น พรุ่งนี้จะเป็นยังไงน้อ...ฉันคิดขณะที่เช็ดเนื้อตัวหัวหูที่เปียกน้ำ ล้มตัวลงนอนมองฝนนอกหน้าต่างที่กระหน่ำแบบไม่เกรงใจ
พรุ่งนี้จะได้ไปดูงานพิธีมั้ยเนี่ย ......
ฝ่าความมืดครึ้มของเมฆฝนยามเช้ามืด
อรุณสวัสดิ์.... อินเล
เราย่ำเท้าไปตามทางเดิน มุ่งหน้าไปยังท่าเรือ ขณะนี้ฝนได้หยุดทำการชั่วคราว มีอากาศเย็นสดชื่นเข้ามาแทน นับเป็นความปรานีที่ฝนฟ้าเป็นใจให้เราอย่างยิ่ง
ทุกคนจัดแจงตัวเองลงเรือ และนั่งบนเก้าอี้เรียงแถวตอนเดียว มีเสื้อชูชีพสีบานเย็นรออยู่ที่พนัก
เรือหางยาวติดเครื่อง แล่นไปข้างหน้าอย่างช้าๆ
ตอนแรกเราคิดเอาเองว่าเป็นศาลเจ้าที่กลางน้ำ เมื่อดูใกล้ๆ รูปหล่อภายในดูเหมือนพระอุปคุต
ขณะนั่งอยู่ในเรือ ฉันมองผ่านหมอกที่คลุมหนา มองไม่เห็นทางข้างหน้า และคลุมมิดเมื่อมองไปข้างหลัง
ระหว่างนั้นฉันเอาใจช่วยแสงตะวันแรกให้ฝ่าเมฆหมอกเข้ามาให้ได้ทีเถิด ฉันจะได้วางใจว่าการเดินทางครั้งสำคัญคราวนี้ของเราจะราบรื่น
ฉันทวนบอกตัวเองว่าวันนี้เราจะได้ดูพิธีแห่พระ ประเพณีที่มีมายาวนานของชาวบ้านในทะเลสาบอินเล ที่เรียกตัวเองว่า อินตา ชุมชนที่มีคนอาศัยอยู่ราว 70,000 คน ในทะเลสาบยาวกว่า 20 กิโลเมตร กว้าง 10 กิโลเมตรโอบล้อมด้วยภูเขา
กิจวัตรหาปลายังมีให้เห็นในเช้าวันนี้
ที่นี่นับเป็นแหล่งอุดมด้วยทรัพยากรของชาวรัฐฉาน ฉันไม่แปลกใจในข้อมูลประชากรที่เพิ่มขึ้นถึง 20% ในรอบ 20 ปีที่ผ่านมาและมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในอนาคต เพราะที่นี่อากาศดีตลอดปี เหมาะแก่การเพาะพันธ์ุมนุษย์เป็นอย่างยิ่ง
ไม่แต่คนเท่านั้นที่เพิ่มขึ้น จำนวนสาหร่ายใต้ท้องทะเลสาบก็มากขึ้นด้วย ทำให้อินเลวันนี้ ตื้นเขินกว่าเมื่อสิบปีก่อน ฉันมองลึกลงไปใต้ผิวน้ำ น้ำยังคงใสพอมองเห็นสาหร่ายมากมายจริงดังว่า
เรือพาเราฝ่าดงมะเขือเทศที่ถูกเก็บเกี่ยวไปหมดแล้ว
ขณะที่คนขับเรือหยุดเรือใกล้กับแปลงผักแห่งหนึ่งระหว่างทาง เพื่อให้พวกผู้ชายแอบทำธุระเบาเพราะกลั้นไม่ไหว
พวกส้วมนี่ก็เป็นปัญหาใหญ่ของชาวอินเลเช่นกัน เพราะค่าทำส้วมแพงมาก ส้วมชาวบ้านธรรมดาๆ ไม่รู้ว่าเป็นยังไง แต่ตามรีสอร์ต ตามโรงแรมใหญ่ที่สร้างอยู่กลางทะเลสาบ คงมีส้วมที่ได้มาตรฐาน
ทำธุระกันเสร็จ ก็มาลุ้นกับภาพคนหาปลา พายเรือด้วยขา ต้องลุ้นว่าเมื่อไหร่เขาจะเหวี่ยงแห เมื่อไหร่เขาจะยกขาพายเรือสักที จะได้กดชัตเตอร์ คนชอบถ่ายภาพต่างก็อยากจะได้รูปมาสเตอร์กับเขามั่ง สิ่งที่คิดช่างต่างกับสิ่งที่เป็นจริงเสียเหลือเกิน
เอ๊า ยก พวกเราร้องเอาใจช่วยหวังจะได้ภาพดีๆ กัน
บรรยากาศหมู่บ้านอินเลในทะเลสาบ ที่ถูกโอบล้อมด้วยภูเขา
เรือท่องเที่ยวลำแล้วลำเล่าที่เราผ่านไป และบางทีก็ผ่านเลยหน้าเราไป เสียงเครื่องยนต์จากเรือดังอยู่กลางทะเลสาบ ทุกลำต่างมุ่งหน้าไปยังต้นสายเพื่อดูการแห่เรือ
ถ้าเป็นอย่างนี้ทุกวันเป็นเดือนเป็นปี ทะเลสาบอินเลต้องรองรับมลภาวะจากเสียง และจากคราบน้ำมันไปได้อีกนานเท่าไหร่
หัวเรือแหวกสายน้ำ มุ่งหน้าไปยังชุมชนข้างหน้า
เราผ่านแปลงผัก ที่ปลูกมะเขือเทศ ออกลูกสีเขียวอมแดง เขาว่าพันธุ์มะเขือเทศนำมาจากไทย เพราะมีผลผลิตสูง แต่ใช้สารเคมีเยอะ ทั้งปุ๋ยนั้นก็เป็นอาหารให้สาหร่ายเติบโตเร็วเกินไป ยาฆ่าแมลงที่ตกค้างอยู่ในทะเลสาบ ที่นับวันจะเป็นมลพิษแก่ชาวอินเลที่อาศัยน้ำดื่มกิน
ทะเลสาบอินเลนั้นตื้นเขินด้วยหลายสาเหตุ จนต้องขุดตะกอนออกไป บางปีก็ได้ถึง 100 คันเรือขุด เพื่อให้เรือแห่พระผ่านไปได้สะดวก
แม้แต่ชาวพม่าเองก็เดินทางมาร่วมชมพิธีนี้เหมือนกัน
เวลาผ่านไปเป็นชั่วโมง เรือถูกเบาเครื่องลงเมื่อผ่านแปลงบัวที่ชูดอกสีแดงหวานแปลกตา ล่องผ่านชุมชนบ้านกลางน้ำ
ตอนนี้คุ้งน้ำสงบจากเสียงเครื่องยนต์ คนขับเรือทุกลำเปลี่ยนเป็นพายเรือเข้าไปแทน
คนขับเรือจ้วงพายซอกซอนไปตามเส้นทางที่เขารู้ดี
มาถึงแนวที่เรือทุกลำมาจอดรอดูขบวนเรือใหญ่
หญิงชาวอินเลพนมมือเคารพสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เค้านับถือ
เด็กน้อยที่ผู้ใหญ่พามาซึมซับบรรยากาศงานบุญอันยิ่งใหญ่ อย่างไร้เดียงสา
ท้องน้ำเต็มไปด้วยเรือชาวบ้านและเรือท่องเที่ยว ที่ต่างมารอดูขบวนเรือแห่อย่างสงบ ผู้เฒ่าผู้แก่แต่งตัวสวยงามตามอย่างพม่า
ยกพานข้าวพานดอกไม้ไว้หัวเรือ เตรียมตัวยกขึ้นจรดหัวเพื่อถวายแด่พระบัวเข็มที่พวกเขาศรัทธา
คุณลุงแต่งตัวพิถีพิถันหันมาพร้อมรอยยิ้ม
คนขับเรือพาเราขึ้นจากเรือ เข้าไปในบ้านผู้เฒ่าหลังหนึ่ง บ้านหลังนี้มีสองชั้น ชั้นบนมองผ่านช่องหน้าต่างลงมาจะเห็นขบวนเรือมาแต่ไกล
ฉันถือโอกาสขอเข้าห้องน้ำ เจ้าของบ้านชี้ทางให้เดินไปข้างหลัง ฉันเห็นบานประตูไม้ไผ่สานที่ปิดอยู่ครึ่งเดียว มองเห็นหลังคุ้นๆ ของเพื่อนร่วมก๊วน กำลังยืนแอ่นทำเสียงจ๊อกๆ ลงน้ำ
คุณยายใจดีเจ้าของบ้านแต่งตัวประณีต พร้อมพานใส่เครื่องบูชา
เงยหน้าขึ้นไปข้างบน เห็นหน้าสลอนของนักท่องเที่ยวกำลังหาจุดโฟกัส เล็งขบวนแห่กันอยู่พอดี ถ้าฉันขืนใช้ห้องน้ำตรงนี้ พวกนั้นอาจเปลี่ยนจุดโฟกัสก็เป็นได้
เหมือนเจ้าของบ้านจะเห็น เลยพาฉันหลบเข้าใต้บันได ที่มีผ้าม่านปิดอยู่ ฉันมองเห็นช่องไม้สี่เหลี่ยมที่เจาะไว้ นั่งยองๆ เล็งให้พอดีช่อง
เฮ้อ...นี่ไง หายสงสัยแล้วว่าชาวบ้านเข้าส้วมกันยังไง
ขนมหน้าตาคุ้นเคยกับบ้านเรา
ฉันเดินขึ้นไปบนเรือนชั้นบน เป็นห้องกว้างใหญ่ ที่หลับที่นอนถูกเก็บไว้มุมหนึ่ง ขนมนางเล็ดถูกวางใส่จาน เชิญชวนให้แขกอย่างเรากินเป็นการรับรอง
ตรงเชิงบันได ทั้งซ้ายขวา มีกระทงข้าวเล็กๆ วางอยู่ คงบูชานัตผีบ้านผีเรือน ฉันเดินลงอย่างหวาดๆ ระวังไม่ไปสะดุดเข้าให้
ฉันแว่วเสียง “ทุง ยา บา เล” จริงๆ นะ ลองฟังอีกที ใช่จริงๆ ด้วย จึงเข้าไปถามคนขับเรือของเรา เขาทวนคำที่ฉันได้ยิน เขายิ้มและพยักหน้า “ใช่ๆ” ฉันไม่ได้ขอคำอธิบายเพิ่มเติม เพราะทุกคนต่างจับจ้องกับขบวนที่ใกล้เข้ามาทุกที
1
เรือพายลำแรกที่นำขบวนผ่านเข้ามา
หัวขบวนกำลังเข้ามาจากโค้งน้ำ เรือพายค่อยๆ ล่องเข้ามา และผ่านหน้าไปอย่างช้าๆ ทีละลำ ประดับประดาด้วยเสายอดฉัตร สีขาวขลิบทอง แลดูสง่างาม
ชายหนุ่มร่วมร้อยคนอยู่ในเรือลำเดียวกันอย่างน่าฉงน
สังเกตสีทีร่มน่าจะบ่งบอกของแต่ละหมู่บ้าน
ท่ามกลางเสียงคึก ฮึกเฮของฝีพายที่ยืนเรียงจนเต็มลำเรือ เสียงเห่แต่ละครั้งรับกับฝีเท้าที่จ้ำพายไปพร้อมกัน
ทักษะการใช้เท้างัดพายแล้วจ้ำของแต่ละคน
พวกเขาพายเรือด้วยขา ให้เราเห็นเต็มสองลูกกะตา
พวกเขา คนหนุ่มลูกทะเลสาบทั้งหลาย ที่ครั้งหนึ่งในชีวิต ต้องได้เข้าพิธีพายเรือแห่พระ จึงจะถือว่าได้ทำหน้าที่ลูกผู้ชายอย่างสมบูรณ์
ไม่ว่าพวกเขาจะร่ำเรียน ทำงานการอยู่ที่ไหน จะต้องกลับบ้านมาร่วมงานบุญนี้ทุกครั้งไป
ความพร้อมเพรียงของชายชาวอินเล
ท้องฟ้าที่คลุมเครือราวกับอุ้มน้ำไว้เต็มฟ้า บัดนี้ค่อยๆ ฝอยละอองน้ำลงมาราวกับพรมน้ำมนต์
เห็นเรือนกการเวกแล่นผ่านท้องน้ำไกลๆ
ขณะที่เรือใหญ่สีทองอร่าม เคลื่อนตัวตัดกับสีเขียวของยอดหญ้า นั่นเรือนกการเวกล่องมาตามร่องลำน้ำ
บรรยากาศแลดูขรึมขลังราวกับงานพระราชพิธี เรือลำหน้าประกอบด้วยเครื่องเซ่นไหว้นานา ตามด้วยเรือนกการเวกที่อัญเชิญพระพุทธรูปสี่องค์ ที่เรียกว่าพระบัวเข็ม
ฉันมองเห็นเป็นก้อนกลมๆ สีทองสี่ก้อน
ภาพขบวนเรือนกการเวก ผ่านช่องหน้าต่างของบ้านหลังหนึ่ง
ความในหนังสือเนื้อหาเกี่ยวกับพม่าเล่มหนึ่งว่า
เดิมทีสมัยพระเจ้าอลองสิทธูทรงนำพระพุทธรูปห้าองค์กลับจากแหลมมลายูในศตวรรษที่ 12 และนำไปไว้ที่ถ้ำใกล้ทะเลสาบ
ต่อมามีคนมาพบเข้า ก็หลั่งไหลมาปิดทองจนหนากลมเหมือนลูกบอลทองคำ
ผู้คนเริ่มทะยอยกันมาที่วัดผ่องต่ออู
ปัจจุบันที่เห็นพระพุทธรูปสี่องค์ นั้นมีเหตุเมื่อปี 1965 ได้นำพระพุทธรูปออกมาแห่ทั้งห้าองค์ แต่เกิดพายุใหญ่จนเรือจมก้นทะเลสาบ
ชาวบ้านงมขึ้นมาได้สี่องค์เท่านั้น แต่เมื่อนำพระพุทธรูปกลับมาที่วัดผ่องต่ออู ปรากฎว่าพระพุทธรูปองค์ที่หาไม่พบ กลับประดิษฐานอยู่ที่วัดก่อนแล้ว
ในสภาพที่ยังมีเศษสาหร่ายวัชพืชอยู่เต็มองค์ หลังจากนั้นก็ไม่มีการอัญเชิญพระพุทธรูปองค์นี้ออกไปไหนอีกเลย
วันนี้หน้าวัดแน่นขนัดด้วยเรือนักท่องเที่ยว
เรือค่อยๆลัดเลาะแปลงผัก ตามหลังเรือการเวก ที่จะอัญเชิญพระบัวเข็ม ขึ้นไปไว้ที่วัดผ่องต่ออู ที่หน้าวัดคลาคล่ำไปด้วยเรือที่มาร่วมงานบุญ หันไปทางไหนก็เห็นแต่ผู้คนยิ้มแย้มแจ่มใส โบกไม้โบกมืออย่างอารมณ์ดี
พวงมาลัยสายบัวฝีมือสหายมาดเข้ม กับมิตรภาพที่ทำเอาเราประทับใจ
“ฮัลโล่” เสียงตะโกนทักทายพวกเรา
หน้าตาคุ้นๆ อยู่นะ แต่ไม่เคยรู้จักใครแถวนี้มาก่อนนี่หน่า
“ไลอ้อน ไงล่ะ” เพื่อนคนหนึ่งนึกชื่อขึ้นมาได้
ใช่แล้ว คนขับรถแท็กซี่มาดเข้มที่เราแอบเม้าท์ว่าเขาเหมือนสายสืบนอกราชการ พบเขาตอนถึงเมืองย่างกุ้งวันแรก ไลอ้อนร้องเรียกพวกเราอย่างดีใจเหมือนได้พบญาติ
เขานั่งอยู่บนเรือห่างออกไปอีกสองสามลำ พวกเราแปลกใจที่เห็นเขาที่นี่ แต่มองไปเห็นลูกค้าฝรั่งอีกสามสี่คน ก็เป็นอันเข้าใจว่าเขาคงพานักท่องเที่ยวมาเทศกาลนี้
ไลอ้อนก้มลงเก็บสายดอกบัว มาพับก้านทีละเปลาะ แล้วโค้งเป็นวงมีดอกบัวอยู่ตรงกลาง กลายเป็นสร้อยดอกบัวที่น่ารักไปทันที
เขาโยนข้ามเรือมายังพวกเรา แทนการบอกกล่าวถึงมิตรภาพช่วงสั้นๆ ที่ย่างกุ้ง
โรงทานในวัดมีทั้งคนพม่า คนไทย และชาวต่างชาติต่างภาษา
พอขึ้นจากเรือ พวกเราพาตัวแทรกกับผู้คนที่มาร่วมบุญ เข้าไปหาชากาแฟกับอิ้วจาก้วยกิน ความที่ฉันไม่ชอบที่ที่มีคนแออัดยัดทะนาน จึงกังวลกับความรู้สึกของตัวเอง
อิ้วจาก้วยวางกองรอให้กับผู้มาร่วมงานได้หยิบกิน
แต่พอเข้าไปในบรรยากาศจริง ความวุ่นวายของคนเยอะๆ ที่นี่ ไม่ได้แปลว่าจะต้องมีเสียงเพลงอึกทึก หรือแม้แต่เสียงโวยวายใหญ่โต ตามที่เราเคยเห็นตามงานวัดทั่วไปแม้แต่น้อย
ฉันลองกินข้าวเหนียวที่นึ่งอยู่ในท่อนไม้เล็กๆ เหมือนข้าวหลาม แต่เล็กกว่ามาก และไม่ใช่กระบอกไม้ไผ่
ฉันเดาเอาว่าเป็นต้นไม้ที่เห็นขึ้นอยู่เป็นกอๆ ในทะเลสาบ มีปล้องๆ เหมือนไผ่ กินดูมีรสจืดๆ กินแก้หิวแทนข้าวได้
มีแต่พวกผู้ชายเท่านั้นที่มีโอกาสเข้าไปปิดทองพระพุทธรูปบัวเข็ม
กินอิ่มแล้ว ได้เวลาเดินขึ้นไปนมัสการพระพุทธรูปบัวเข็มทั้งห้า ที่บัดนี้ได้ถูกอัญเชิญมาประทับไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
มีชาวบ้านนั่งสวดมนต์เป็นกลุ่มๆ แล้วแต่ใครมาก่อนก็นั่งสวดมนต์ไปก่อน ผู้หญิงนั่งไหว้พระอยู่ด้านหลัง ส่วนผู้ชายขึ้นไปด้านในเพื่อนมัสการและปิดทองพระบัวเข็มได้อย่างใกล้ชิด
ฉันฝากทองคำเปลวให้ผู้ชายปิดทองเหมือนเคย
หลังเสร็จพิธี เหล่าผู้คนต่างเริ่มทะยอยลงเรือกลับ บ้างก็เพิ่งมาถึง
เราเดินลงมาสวนทางกับผู้คนที่กำลังเข้าไปร่วมงานไม่ขาดสาย
เพียงช่วงเวลาของเช้าวันหนึ่งที่กำลังจะผ่านไป ฉันรู้สึกอัดแน่นเต็มอิ่มไปกับสิ่งที่พวกเขาเป็น อิ่มตาที่ได้ชมเรือขบวนพิธีแห่พระที่สวยงามแห่งหนึ่งในโลก อิ่มใจที่ได้เห็นความสุข ความรื่นเริงของผู้คน อิ่มบุญที่ได้มาร่วมฉลองงานบุญอันยิ่งใหญ่ยาวนานของพวกเขา ชาวอินตา..แห่งท้องทุ่งอินเล
ถึงตอนนี้ฉันเชื่อแล้วถึงพลังความบริสุทธิ์แห่งศรัทธา
มันงดงามด้วยตัวของมันอย่างนี้เอง
ก่อนกลับไปเมืองยองชเว เราน่าจะไปดูวิถีชีวิตของผู้คนที่นี่ว่าเขาทำอะไรกันบ้างในตอนต่อไป
...ภาพบางภาพที่สวยๆ เป็นฝีมือของเพื่อนร่วมทางที่ชื่อ jiggho ต้องขอขอบคุณมา ณ โอกาสนี้
เรื่องราวที่เกิดขึ้นและภาพถ่ายทุกภาพถูกบันทึกเมื่อเดือนตุลาคม 2549 ด้วยกล้องnikon D200 เป็นการเดินทางเที่ยวพม่าในขณะที่ประเทศนี้ยังไม่เปิดรับการท่องเที่ยวเต็มรูปแบบเหมือนในปัจจุบัน
เล่าเรื่องโดย สีละมัน
ถ่ายภาพโดย อนุพันธ์ สุภานุสร
#ถ่ายรูปเล่าเรื่อง #fototeller #keepshooting #เที่ยวพม่า #เที่ยวมัณฑเลย์ #เที่ยวเมียนมาร์ #เที่ยวอังวะ #เที่ยวพุกาม #เที่ยวภูเขาโปปา #เที่ยวตลาดยองน์อู #เที่ยวสะกาย #เที่ยวมินกุน #เที่ยวอินเล #ปินตะยา #วัดถ้ำชเวอูมิน #พระพุทธรูปบัวเข็มที่อินเล #เรือนกการเวกที่อินเล

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา