1 ก.ย. 2020 เวลา 17:08 • การตลาด
NIKE AIR JORDAN แบรนด์รองเท้า sneakers อันดับ 1 กับเรื่องราวความสำเร็จและการตลาดผ่านนักกีฬา
อย่างที่เพื่อนๆหลายคนน่าจะทราบกันดีอยู่แล้วถึงความโด่งดังของรองเท้าสารพัดประโยชน์รุ่น Jordan Brand นี้ ว่าต้นกำเนิดของเค้ามาจาก Michael Jordan ในปี 1985 กับรุ่นเปิดตัวอย่าง Air Jordan 1
ถ้าย้อนกลับไปในสมัยปี 1984 ที่ Michael Jordan พึ่งจะมาเป็นนักกีฬา Basketball มืออาชีพหน้าใหม่ จะทำให้รองเท้าซีรี่ส์นี้ของ Nike โด่งดังได้จนถึงปัจจุบันนี้
Brand position ที่แตกต่างของ Jordan Brand กับคู่แข่ง
- Philip Knight, Co-founder ของ Nike ได้บอกว่าแบรนด์ของพวกเค้านั้นมีความแตกต่างไปจาก Adidas และ Puma
- โดย Nike ได้ให้ความสนใจไปยังเรื่องของ Marketing กับนักกีฬา และลูกค้าสัญชาติอเมริกาโดยเฉพาะการโปรโมทการใช้งานกับ Michael Jordan ในขณะที่ Adidas ให้ความสนใจไปกับการตีตลาดต่างประเทศ (International customer) และ Puma ที่เน้นการโปรโมทคู่กับนักกีฬารถแข่งเป็นหลัก
- และ Nike เองยังมีความได้เปรียบในเรื่องของราคาที่จับต้องได้ มากกว่า Puma
การลงทุนกับตัวนักกีฬาชื่อดังอย่าง Michael Jordan
- ต้องบอกเลยว่าย้อนกลับไปในช่วง 90s เนี่ย การแข่งขันบาสเกตบอล เค้ามีกฏในเรื่องของการใส่รองเท้าสีพื้นๆอย่างสีขาว
- และการที่ Nike ทำรองเท้าสีดำตัดกับแดงเนี่ย (Bred-colorway) และให้ MJ เค้าใส่เนี่ย จะต้องโดนค่าปรับถึง $5,000 ต่อการลงแข่งขัน
- แต่ Nike ก็ยอมลงทุนในส่วนนั้นไป เพราะสิ่งที่พวกเค้าต้องการจะสื่อก็คือ ประสิทธิภาพของการใช้งาน (ที่เดิมพันไปกับฝีมือของ MJ ในสมัยนั้น)
- และแน่นอนว่าถ้าพวกเค้าต้องการเอาชนะ Adidas และ Puma ด้วยการสร้างและนำเสนอจุดเด่น พวกเค้าก็ต้องยอมเสี่ยงลงทุนละงานนี้
NIKE Air Jordan 1 "BANNED"
30 ปีผ่านไปกับความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ในวงการ Sneaker ผ่านตัวนักกีฬา
- ต้องบอกว่า MJ เป็นทุกอย่างของแบรนด์ Air Jordan จริงๆนั้นแหละ ด้วยการแสดงให้เห็นถึงการใช้งานในการแข่งขันจริงๆ และใส่ NIKE แทบจะทุกครั้งที่ลงแข่งจึงทำให้เกิดความผูกพันธ์ระหว่างผู้ชม นักกีฬา และ แบรนด์ (แต่พี่ MJ เค้าใส่สลับกับคู่สีขาวนะ ไม่งั้น NIKE ร้องจ้ากเลย จ่ายบ่อยๆก็คงไม่ไหว)
- นอกจากสมรรถภาพการใช้งานด้านกีฬาที่ยอดเยี่ยมแล้ว NIKE ก็ไม่ได้ทำการโปรโมทผ่านช่องทางอื่นมากไปกว่าการให้ MJ ใส่ลงแข่ง
- นอกจาก MJ แล้ว NIKE เองยังคงต่อยอดความสำเร็จจากการโปรโมทผ่านนักกีฬาคนอื่นๆด้วยเช่น LeBron, Ronaldo, Neymar, Odell Beckham Jr ซึ่งเพื่อนๆจะเห็นได้ว่าไม่ได้มีแค่ในวงการนักบาสแล้ว แต่นั้นรวมถึงนักกีฬาคนดังและเป็นแรงบันดาลใจของวงการกีฬาเลยละ
การสร้างมูลค่าของรองเท้าให้เพิ่มขึ้นด้วยการร่วมดีไซน์จากศิลปินต่างๆ
- ตัวอย่างที่ทำให้เห็นชัดเลยก็คือ การร่วมมือกับ Virgil Abloh จากแบรนด์ Off-white ในการทำตัว Air Jordan 1 Limited Edition ซึ่งมีมูลค่าเริ่มต้นอยู่ $3,000 เหรียญเข้าไปแล้ว (ถ้าเป็นเราได้มาคงเก็บน้องสะสมในตู้)
- แต่อย่างไรก็ดี ในรุ่นใหม่ๆที่ NIKE ได้มีการดีไซน์ร่วมกับศิลปินคนอื่นกลับไม่ได้ขายในราคาที่แพงมาก (อย่างที่มันควรจะเป็น)
- และ NIKE เองก็ยังออกมายอมรับว่า พวกเค้าน่ะไม่ได้กำไรจากการขายรุ่น Limited edition ต่างๆเหล่านี้หรอก แต่สิ่งที่พวกเค้าได้คือ ยอดวิวและยอดไลค์ในโลกออนไลน์ และ Viral marketing ตะหากละ ซึ่งนี่คือความคุ้มค่าที่มหาศาลแล้ว
ข้อคิดอื่นๆที่น่าสนใจในุมมของการตลาดกับ NIKE JORDAN Brand
- ลูกค้าส่วนใหญ่ชอบการซื้อของที่มีเรื่องราว และประสบการณ์ที่ทำให้พวกเค้าสามารถระลึกถึงเวลาใช้งานได้ (บางทีก็เป็นความภูมิใจในการใช้งานด้วยเหมือนกันนะ)
- สุดท้ายแล้ว MJ ก็ไม่สามารถที่จะใส่ NIKE Air Jordan ลงแข่งอีกได้แล้ว แต่อย่างไรก็ดีเค้าคือจุดเริ่มต้นที่ NIKEจะไม่มีวันลืม และตอนนี้ NIKE เองได้หันมาสนใจในเรื่องนวตกรรมสมรรถนะการใช้งานของซีรีส์รองเท้าชุดนี้แทนการโปรโมทผ่านนักกีฬาแล้ว
- ความคุ้นเคย ความเคยชิน ความสนิทสนท ระหว่างลูกค้าและแบรนด์ ทำให้ NIKE นั้นสามารถเดินเกมส์การตลาดกับรองเท้ารุ่น Air Jordan ได้อย่างไม่ยากเย็นนัก
- แต่อย่างไรก็ดี ในปัจจุบันนี้ คู่แข่งของพวกเค้าไม่ได้มีเพียงแค่ Adidas และ Puma แล้ว แต่กลับมีอีกหลายแบรนด์ยุคใหม่อย่างเช่น New Balance, Vans, Crocs
ก็น่าสนุกดีนะที่เราจะได้ศึกษาการตลาดดีๆของแบรนด์ดังๆ รวมถึงคู่แข่งของพวกเค้า
หวังว่าบทความการย่อยนี้จะเป็นประโยชน์ให้กับเพื่อนๆเหมือนเคย :)
โฆษณา