PUMA แบรนด์แรกของอุตสาหกรรมรองเท้าที่ก้าวเข้ามาเล่นกับ E-Commerce
ไปดูแนวคิดดีๆของ PUMA กัน !
เราไปนั่งฟัง Podcast เกี่ยวกับเรื่องราวธุรกิจในตลาดออนไลน์ของ PUMA กันมา
และพบว่าพวกเค้าได้เริ่มกลยุทธ์ในเรื่องของ E-commerce เนี่ย มาเกิน 15 ปีแล้ว เรียกได้ว่าเป็นเจ้าแรกๆในวงการอุตสาหกรรมรองเท้าที่เข้ามาโลดแล่นในโลกออนไลน์เลยละ (ที่สมัยก่อนนั้น ใครๆก็มองว่ามันเป็นดินแดนแห่งความฝัน และความไม่น่าเชื่อถือ)
ประโยชน์จากสิ่งที่ PUMA ได้ในการเป็นเจ้าแรกๆกับการเปิดประสบการณ์การทำตลาดออนไลน์ ก็ทำได้พวกเค้าสามารถปรับตัวได้เร็วกับสถานการณ์ระหว่างและหลัง Covid ได้ดีเหมือนกัน
งั้นเรามาย่อยให้เพื่อนๆอ่านกันเลยดีกว่า !
3 สิ่งที่ PUMA มองว่าการปรับตัวรับ E-commerce และเทคโนโลยีที่เกี่ยวกับออนไลน์ ทำให้พวกเค้านั้นได้เปรียบคู่แข่งคือ
- การปรับตัวของลูกค้าฝั่งผู้ซื้อได้มีนิสัยและไลฟ์สไตล์การซื้อที่เปลี่ยนไปจากเดิมมาก และ เกิน 60% พวกเค้าซื้อจากตลาดออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็น PUMA store หรือว่าจะเป็น Partnership store ก็ตาม เพราะฉะนั้น PUMA ก็ให้ความสำคัญเกี่ยวกับเรื่องของ Partnership marketing
- การเล่นกับข้อมูลข้องลูกค้าเป็นสิ่งสำคัญ และ PUMA ก็ใส่ใจกับส่วนนี้มากเช่นกัน เพราะนี่ทำให้พวกเค้าสามารถเข้าใจความชอบและลักษณะของลูกค้าพวกเค้าได้จริงๆ รวมถึงการลงทุนในด้านของเทคโนโลยีการเก็บและจัดข้อมูลลูกค้า (แน่นอนว่าเค้าใช้บริการกับบริษัท SaaS เจ้าใหญ่อย่าง Salesforce)
- E-commerce ทำให้พวกเค้าสามารถเข้าถึงลูกค้าจากที่ไหนก็ได้ที่ลูกค้าสะดวกซื้อ และในปัจจุบันนี้แน่นอนว่า หน้าคอมของพวกเค้านี่เอง
ปฏิเสธไม่ได้ว่าการออกผลิตภัณฑ์ที่มีนวตกรรมสุดล้ำ และการทำราคาให้น่าดึงดูด คือเป้าหมายของบริษัทขายสินค้า (Physical goods) หลายๆแห่ง
แต่สำหรับ PUMA แล้ว พวกเค้ามีคำถามชวนคิดก็คือ ต่อให้คุณมีทุกอย่างที่ทีมคุณต้องการหมดก็จริง แต่สุดท้ายแล้ว คุณไม่ได้พัฒนาช่องทางการขาย แล้วมันยังไงต่อ ? คุณลงทุนแต่คุณไม่ได้วางแผนจะขายและเอากำไร ก็พาจะตันเสียเปล่าๆ
Dylan Valade, หัวหน้าแผนกฝ่าย E-Commerce ของ PUMA พูดเอาไว้ว่า บริษัทพูม่ามีอายุราวๆ 70 ปีเข้าไปแล้ว โดยที่ย้อนกลับไปเมื่อ ปี 2000 ในขณะที่เทคโนโลยี Internet เริ่มเข้ามามีบทบาทมากขึ้น แต่ PUMA ยังกลับไม่ไปไหน และขายของไม่ถึงตัวลูกค้าโดยตรง
และนี่ทำให้การเข้ามาของ Dylan จะต้องพัฒนาระบบ E-commerce ของ PUMA อย่างจริงจัง
- PUMA ได้เริ่มต้นการใช้ E-commerce cloud system ในการพัฒนาสถานที่ขายแห่งใหม่ผ่านโลกออนไลน์
- และเป้าหมายของพวกเค้าในขณะนั้นคือการเข้าถึงลูกค้าที่อยู่ต่างประเทศ (นอกสหรัฐ) ให้ได้มากที่สุด
- และสิ่งที่พวกเค้าให้ความสำคัญต่อมาอย่างไม่แพ้กัน คือเรื่องของ Supple chain management และ Logistics นั้นเอง
- นั้นก็เพราะว่าเกือบ 20% ของ order รองเท้าที่ขายผ่าน ช่องทาง Online เนี่ย มาจากลูกค้าต่างประเทศซะหมดเลยนะสิ
PUMA และการพัฒนาระบบ E-commerce ร่วมกับ บริษัท Salesforce
ประโยชน์ที่พวกเค้าได้มีอะไรบ้างนะ ?
- Salesforce ช่วยให้ PUMA สามารถสร้าง Cloud commerce ได้อย่างง่ายขึ้น
- Salesforce ช่วยให้ PUMA มีคลังเก็บข้อมูลลูกค้า รวมถึงการวิเคราะห์และระบบรายงานสำหรับการตลาดต่างๆ
- Salesforce ช่วยปรับแผนผังเว็ปไซต์ของ PUMA ใหม่หมดเลย (เรียกได้ว่า 0-100)
Dylan ยังได้บอกอีกว่า สำหรับ PUMA แล้วดารลงทุนดอลล่าร์ต้องมีประโยชน์ หรือสิ่งที่ก่อให้เกิดรายได้กลับมา
มากกว่าการขายของ หรือการให้ความรู้ ทั้งตัวพนักงานและลูกค้า
- Dylan ยังบอกว่าอีก สิ่งที่ท้าทายพวกเค้ามากที่สุดอย่างหนึ่งคือ การที่พวกเค้ามีความคิดที่ก้าวเร็วเกินไป ในทีนี้คือ เกินไปกว่าที่ระดับความรู้เกี่ยวกับเรื่องออนไลน์ของตัวพนักงานและลูกค้า
- สิ่งที่ PUMA จะต้องสนับสนุนก็คือการ ส่งเสริมและให้ความรู้กับพนักงานของพวกเค้าเกี่ยวกับคอนเซ็ปของการตลาดออนไลน์
- รวมถึงการออกมาเขียนบทความ หรือการให้ความรู้กับลูกค้าด้วยว่าพวกเค้าจะได้ประโยชน์อย่างไรบ้าง
- แต่ดูเหมือนว่าการเข้ามาของ Covid จะเป็นบทเรียนที่ดีแบบไม่ต้องสอนของความสำคัญของการซื้อขอออนไลน์เลยละ
ก้าวต่อไปที่ PUMA กำลังจับตามองคือ
- การพัฒนาในด้าน Automation ที่สามารถเค้ามาทนแทนการทำงานด้วยแรงมนุษย์
- การมุ่งเน้นการพัฒนาในเรื่องของ AI ที่สามารถช่วยให้พนักงานของเค้านั้นสามารถสร้างสิ่งที่ให้ความแปลกใหม่ และพัฒนาการด้านการบริการลูกค้าได้ดียิ่งกว่าเดิม
จบแล้วจ้าาเพื่อนๆ
ที่เราฟังมันนานกว่านี้มากๆ แต่เหมือนคุณ Dylan เค้าก็จะเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับความเป็นมาก่อนมาเจอโลกออนไลน์ของ PUMA ที่เราอาจไม่ได้หยิบนำมาเขียน เพราะคิดว่าเพื่อนๆน่าจะหาสาระเรื่องราวเหล่านั้นได้ทั่วไปอยู่แล้วเนอะ ^^
- 5
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
