5 ก.ย. 2020 เวลา 09:10 • ปรัชญา
๓๒. ชาติและชีวิต
บนเส้นทางของตัณหา
เราได้ย่ำยีทุกสิ่ง แม้สิ่งอันเป็นที่รัก
เราทำลายและรุนแรง
แล้วเราไม่เคยได้รับความพึงใจ ในสิ่งใดได้จริง
บนเส้นทางแห่งความสับสน
เราได้พร่ำผลาญทุกสิ่ง โหดร้ายเหลือเชื่อ
ละเลยต่อคุณงามความดี ไม่แยแสต่อความจริง
เรามุ่งแต่ความเดือดเนื้อและร้อนใจ
ต้องระหกระเหินและไร้สาระ
บนเส้นทางแห่งความหยิ่งผยอง
เราเต็มไปด้วยความประมาท หยาบหยาม
และมักพบแต่ความว้าเหว่ ว่างเปล่า
ทุกคนจะหลีกทาง เปิดโอกาสให้เราโดดเดี่ยวยิ่งขึ้น
วันหนึ่งที่จะมาถึง จะไม่มีใครขัดขวางเราอีก
และเหตุนั้น ทางสายอ้างว้างนี้ ก็จะเป็นของเราคนเดียว
มันน่าสลดใจอะไรเช่นนั้น
ในการแสวงหาสิ่งเลิศสุดของเรา
เรากลับมุ่งทำลายตัวเองและผู้อื่นอย่างยับเยิน
เรากะเกณฑ์แต่ให้เขาเข้าใจและยอมรับ
แต่เราไม่เคยทำความเข้าใจใคร
และเราก็ไม่ให้โอกาสแก่ตัวเองอย่างพอเพียง
เราใช้ตัวเองอย่างสิ้นเปลืองและว่างเปล่า
วันใด ที่เธอมีดวงตาจมลึกลงในเบ้า
และใจเริ่มสำนึกบาป ที่ทำไว้ต่อชีวิต
เธอจะถ่อมลงเสมอผู้อื่น
และเทียบตนเองเสมอไม้ผุ ๆ
ไม่มีธรรมะใด ๆ เด่นพอที่จะอวดอ้าง
เธอได้เข้าถึงภิกษุภาวะนั้นแล้ว
เพราะมีตนเสมอแผ่นดินและผืนฟ้า
นั่งลงเถิด ทำใจให้นอบน้อม
มีตนดังฝุ่นละอองธุลีดิน
บ่มกิจภาวนาเพื่อประจักษ์ธรรมะฝ่ายไม่เกิด
อย่าให้ธรรมใด ๆ เกิดขึ้น
และอย่าทำลายธรรมที่เกิดแล้ว
ณ ปัจจุบันขณะที่ทั้งเธอและจักรวาลทั้งหมด
ไม่ถูกแบ่งแยก
ไม่ใช่ทั้งความบังเกิดหรือสูญหาย ปราศจากนิมิตใด ๆ
เมื่อนั้นเธอกำลังเลี้ยงดู ชาติและชีวิตด้วยน้ำอมฤต
เธอกำลังทนุถนอมเผ่าพันธุ์มนุษย์
เพราะว่า เธอกำลังบำเพ็ญพรตภาวนา
“แสงดาวและคนเดินทาง”
เขมานันทะ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา