9 ก.ย. 2020 เวลา 07:13 • ท่องเที่ยว
ที่ลานกลางโฮสเทลตอนเช้ายังโล่งเหมือนไม่มีใครอยากตื่น ฉันเดินไปชงกาแฟระหว่างรอแอนเดรีย ซักพักเห็นผู้หญิงวัยรุ่นหอบเป้ลงมาถามไถ่ก็คือเธอนั่นเอง ดื่มกาแฟพูดคุยกันซักพัก 8โมงเราก็ออกจากโฮสเทลเดินไปเรียกแท็กซี่ไปbus stationที่อยู่ฝั่งตรงข้ามสถานีรถไฟ(bus stationมีหลายที่) ไปถึงสถานียังไม่เปิดก็ต้องนั่งรอหน้าสถานี เคาเตอร์ขายตั๋วเปิด9โมงแต่กว่าพนักงานจะทำงานก็เอ้อระเหยไปอีกซักพัก และฉันเริ่มเห็นความแตกต่างการทำงานระหว่างคนอุยกูร์กับคนจีนอย่างชัดเจนโดยที่ไม่ได้เข้าข้างใคร แต่แน่นอนว่าจะไปเหมารวมทั้งหมดก็ไม่ได้
Sary tash almost 9 pm. In summer
ค่าตั๋วโดยสารไปwuqia(Ulugqat)คนละ28หยวนรถโดยสารเป็นรถแวน พอผู้โดยสารเต็มรถก็ออกประมาณ9.40 นั่งมาเกือบชั่วโมงครึ่งก็มาถึงด่านแรก เป็นอาคารที่มีแต่พวกเราเป็นผู้โดยสาร ทุกคนหิ้วสัมภาระลงไปเข้าเครื่องสแกน และตรวจบัตรประชาชน แค่คนไม่กี่คนในรถแวนแต่เจ้าหน้าที่ใช้เวลาตรวจทั้งหมดร่วมครึ่งชั่วโมง จากนั้นเราก็เดินทางต่อ รถมาส่งฉันกับแอนเดรียที่Border processing centerแล้วจึงย้อนรถกลับไปส่งผู้โดยสารอื่นที่สถานีรถบัสWuqia ฉันกับแอนเดรียเดินเข้าไปในด่านที่เป็นตึกใหญ่โตสะอาดใหม่เอี่ยม แต่เงียบกริบไร้เงาผู้คน นั่งรอพักนึงเจ้าหน้าที่ก็ปรากฏตัวพร้อมขอโทรศัพท์มือถือและพาสปอร์ตเข้าไปเช็คในห้องร่วม20นาที ระหว่างนั้นก็มีแท็กซี่คนนึงมาถามเราว่าจะเหมารถไปกันสองคนหรือรอเพื่อนร่วมทางเพิ่มซึ่งไม่รู้ว่าจะมีหรือไม่ ตอนนั้นก็ปาเข้าไปบ่ายโมงแล้วเราเลยตัดสินใจเหมาไปรวม400หยวน จากนั้นก็แบกเป้ผ่านเครื่องแสกนเดินไปทำเรื่องพิธีการขาออก ที่อาคารนั้นมีดิวตี้ฟรีเล็กๆด้วย ยังสงสัยใครจะมาใช้บริการแต่เรื่องค้าขายพี่จีนเขาต้องเผื่อไว้เสมอ แล้วเจ้าหน้าที่ก็ขอให้ช่วยซื้อเหล้าและอื่นๆโดยใช้พาสปอร์ตฉันแล้วเอาถุงนั้นมายื่นให้เขานอกอาคาร
ถนนหนทางของจีนนั้นดีมาก เส้นที่วิ่งไปนั้นแทบไม่มีรถผ่านเลย รถวิ่งผ่านภูเขาสูงใหญ่มองเห็นเทือกเขาที่มีหิมะปกคลุมข้างหน้าอย่างชัดเจน ฉันเดาว่าอากาศข้างนอกน่าจะเย็นเพราะข้างถนนมีป้ายระดับความสูงที่2800ม.จากน้ำทะเล ซึ่งสูงกว่าดอยอินทนนท์ แล้วเราก็เดินทางมาถึงfinal checkpoint บ่ายสองครึ่งแต่ต้องรอด่านเปิดตอนสี่โมงเย็นจึงจะข้ามไปได้ ตรงนั้นมีบ้านคนชั้นเดียวง่ายๆเปิดเป็นร้านอาหารด้วยอยู่2-3ร้าน ลูกค้าเกือบทั้งหมดคือคนขับรถคอนเทนเนอร์ที่จอดรอเรียงรายยาวเหยียด ฉันกับแอนเดรียเลือกร้านหนึ่งที่ตอนแรกไม่แน่ใจว่านี่คือร้านอาหารรึเปล่าเพราะเหมือนบ้านคนอยู่มากกว่า แต่เราก็เข้าไปนั่งที่โต๊ะอาหารในห้องนั่งเล่นเล็กๆนั่น สั่งplovกับยำผักมากินกัน ต้องบอกว่าplovที่ร้านนั้นรสชาติสุดยอด ไม่มีกลิ่นคาวของเนื้อแกะและอร่อยมาก ยำก็อร่อยเช่นกันถึงแม้จะมีแค่แตงกวา มะเขือเทศ หัวหอม หลังอาหารฉันอยากเข้าห้องน้ำเต็มที่เพราะกลั้นมานานแล้ว คนขายชี้ไปที่ห้องน้ำสังกะสีสีฉูดฉาดแบบโอเพ่นแอร์ด้านนอก พอเดินเข้าไปใกล้ต้องชะงักกึกทันทีเพราะแมลงวันหึ่งและมองเข้าไปเห็นพื้นเจาะเป็นช่องเหลี่ยมมองเห็นเหล่าของเก่าที่กองอยู่ที่พื้นอย่างชัดเจน ฉันจึงต้องเดินไปหลบที่มุมตึกด้านหลังที่เป็นวิวธรรมชาติอันยิ่งใหญ่ แล้วรีบจัดการปลดปล่อยน้ำที่อัดอั้นก่อนที่เหล่าไดรเว่อร์จะเดินมาจ๊ะเอ๋
ใกล้สี่โมงเราก็กลับขึ้นแท็กซี่อีกครั้ง เขาเอาพาสปอร์ตเราไว้เพื่อให้กับทหารจีนที่ด่านเป็นครั้งสุดท้าย สี่โมงเป๊ะประตูด่านเริ่มเปิดแล้วแท็กซี่ก็ขับไปส่งเราอีกซักแป๊บจนถึงสุดเขตชายแดนจีนที่มีประตูรั้วอยู่ จากนั้นเราก็ต้องเดินข้ามฟากกันไปเอง พื้นที่นี้น่าจะเรียกว่าเป็นเขตแดนกันชน หรือ no man's land แต่เดินมาได้แป๊บเดียว ทหารจีนสองขับก็ขับรถอาสาไปส่งให้ใกล้ที่สุด ต้องขอบคุณมากๆเพราะปรกตินั้นเราต้องเดินกันไปเอง พอลงรถเราก็ยังต้องเดินไปอีกนิดหน่อยอ้อมเขาจนเห็นประตูชายแดนคีร์กิซสถาน
เข้าเขตแดนคีร์กิซทหารถามว่าเรามาจากไหน มาเที่ยวด้วยกันเหรอ ฉันบอกว่าเปล่าและจึงรู้ว่าแอนเดรียมาเที่ยวจีนและจะบินกลับประเทศของเธอจากคีร์กิซสถานนี่แหละ เธออายุแค่21เท่านั้นและฉันอายุอ่อนกว่าแม่เธอแค่ไม่กี่ปี ทหารให้เรารอตรงนั้นและขอเช็คโทรศัพท์ ฉันก็โดนลบรูปที่ถ่ายแถวนั้นไปด้วย ขนาดถ่ายเป้ตัวเองที่วางกับพื้นตรงนั้นเขายังลบเลย เขาถามว่าฉันจะเดินไปเองหรือจะเอาแท็กซี่ แน่นอนว่าเราเลือกแท็กซี่เพราะเหนื่อยจากการเดินทางหิ้วเป้ๆขึ้นๆลงๆกันมาทั้งวันแล้วตอนนั้นก็ห้าโมงแล้วด้วย เขาก็วอเรียกให้ผ่านไปเกือบ20นาทีนั่นแหละกว่าแท็กซี่จะเข้ามาได้พร้อมทหารนั่งกำกับมาด้วย ตกลงราคากันเป็นหยวนเรียบร้อยแล้วล้อก็หมุนซะที ขับมาได้แป๊บเดียวเขาบอกส่งแค่นี้ ฉันกับแอนเดรียก็งงไปหมดนึกว่าจะไปส่งถึงหมู่บ้านเลย แต่แล้วเราก็จ่ายเป็นเงินหยวนไปจำไม่ได้เท่าไหร่แต่น่าจะไม่มาก
พวกคนขับแท็กซี่ที่รอแถวนั้นก็เข้ามากลุ้มรุมในขณะที่เรายังนั่งอยู่ในแท็กซี่คันเดิมนั่นแหละจะให้ไปต่อกะรถเขาให้ได้ ในที่สุดต่อรองราคาไปSary Tashหมู่บ้านที่ใกล้ที่สุดด้วยราคา5,000som เหมือนโดนดักตีหัวตรงนั้นยังไงก็ต้องไป แล้วล้อก็หมุนอีกครั้งมาแสตมป์ตราขาเข้าที่ป้อมimmigrationบนภูเขา เราต้องรอเจ้าหน้าที่อยู่ด้านนอกและต่อให้ใส่เสื้อหนาวมีผ้าพันคอก็ยังสั่นกันเป็นลูกนกเพราะหนาวและลมแรงมาก ทางมาหมู่บ้านสวยมากกกกกก ยอดเขาข้างทางปกคลุมไปด้วยหิมะ แล้วเราก็มาถึงหมู่บ้านตอน2ทุ่มแต่ก็ยังสว่างอยู่ จากนั้นไปแลกเงินหยวนในร้านค้าแห่งเดียวในหมู่บ้าน ฉันแลกไป300หยวนเท่าที่มีอยู่ได้มา2,700somและจ่ายค่าแท็กซี่ไปเกือบหมด
Kyrgyzstan Immigration ภาพจากอินเตอร์เน็ต
ที่พักก็ยังไม่มีแต่แอนเดรียจองส่วนของเธอไว้ก่อนนี้แล้ว ฉันเลยเดินเข้าไปในบ้านที่ทำเป็นโฮสเทล มีคนพักอยู่ที่นั่นหลายคนแล้วแต่โชคดีที่ยังมีที่นอนเหลืออยู่ ได้เตียงแล้วก็อยากสลบเพราะเหนื่อย แต่ต้องรอเจ้าของบ้านทำมื้อเย็นก่อน นอนรออยู่บนเตียงก็มีฝรั่งตัวใหญ่สูงปรี๊ดหอบกล่องข้างมอเตอร์ไซด์มาด้วย ถามว่าเตียงไหนว่าง ฉันคิดในใจทันทีว่า โอ้โห ห้องเล็กขนาดนี้ยังจะมีคนเพิ่มมาเป็นคนที่ห้าอีกเหรอ
มื้อเย็นมื้อนั้นกว่าจะได้กินกันก็เกือบ3ทุ่ม ภาพวิวทิวทัศน์ข้างนอกสวยงามยิ่งนัก ถึงแม้จะเป็นหน้าร้อนแต่ตอนนั้นในบ้านเปิดฮีตเตอร์ไว้ที่21องศา วงอาหารล้อมรอบไปด้วย 2นักเทรคกิ้งจากเดนมาร์ก 1ไกด์ชาวคีร์กิซ 4นักปั่นจากฝรั่งเศส 1นักปั่นจากมาเลเซีย 1นักขี่มอไซด์ท่องโลกจากอเมริกา แอนเดรียจากอเมริกาและฉัน วันนั้นบ้านหลังเล็กๆนั่นมีแขกเยอะถึง11คน เจ้าบ้านอีก3 ห้องน้ำ1 และห้องส้วม1 จึงต้องรับแขกเกือบตลอดเวลา และนั่นก็เป็นช่วงเวลาแห่งความประทับใจที่ไม่อาจลืมเลือนอีกที่นึง

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา