สรุปหนังสือ | หนังสือเสียง 6 | ..เลือกเนื้อที่ใช่ให้หมาป่า
หนังสือเล่มนี้สื่อว่า ในตัวของคนเราทุกคนนั้น มีหมาป่าอยู่ 2 ตัว
ตัวหนึ่ง สงบ เชื่อง แข็งแรง คิดดี คิดบวก มีคุณธรรม
อีกตัว โหดเหี้ยม ดุร้าย ชอบทำลาย คิดลบ
ตัวไหนที่โตและแข็งแรง..คือตัวที่เราให้อาหาร
ไฟล์เสียง
เพราะบางครั้งการเลือกอาจไม่สามารถควบคุมได้ด้วยสติ อาศัยความเคยชิน
เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่เข้ามากระทบในชีวิต เราจะเลือกอะไร
ค่อนข้างเป็นปรัชญามากๆ ต้องอ่านหลายรอบจึงจะเข้าใจถ่องแท้
👉🏻คืนหรือเก็บไว้เอง
หากเราเก็บของได้ แล้วสิ่งที่เก็บได้ เป็นสิ่งที่เราอยากได้มาก
เราเลือกที่จะประกาศคืนเจ้าของ / เราจะเก็บไว้เอง
(ถ้าเกิดความโลภ สิ่งที่ตามมากคือต้องเผชิญกับปัญหาจริยธรรมของตนเอง
👉🏻การมีชีวิตอยู่คือโชคดีหรือ คิดว่าเราผ่านมาได้ด้วยตัวเอง
ถ้ามีโอกาสพลิกผันจากก้นเหวของชีวิต หลุดพ้นภยันอันตรายยามคับขัน จะเลือกคิดว่าอะไร ระหว่าง เราต่อสู้อย่างกล้าหาญ หรือโชคดีที่ผ่านมาได้
บนเส้นทางการเติบโตเคยผ่านการมานะพยายาม จะยอมรับในตัวเอง แต่หากยึดมั่นตนเองมากไป โดยไม่เคยสำนึกถึงมือที่เคยหยิบยื่นช่วยเหลือ จะกลายเป็นคนเย่อหยิ่ง
การเผชิญกับชีวิต ต้องมีท่าทีที่อ่อนน้อมถ่อมตน
👉🏻จมกับการเศร้า หรือ ไปต่อ
เมื่อเราเจอความโศกเศร้า เสียใจ ความโศกเศร้าก็เหมือนขอนไม้ ที่เราไม่ยอมปล่อย ลืมความงดงาม ลืมตัวเอง แถมตอนบ่น รำพึงรำพัน ได้รับการปลอบ ความเศร้าก็ไม่ได้หายไปเลย
ถ้าอยากขึ้นฝั่ง ก็ต้องปล่อยขอนไม้ เพราะว่าเรามีอนาคต
ขอนไม้ก็เป็นศิลปะที่ทรงคุณค่า เราเลือกได้ ว่าจะกอดขอนไม้ผุดขึ้นลงในทะเลต่อไป / รีบว่ายขึ้นฝั่ง
👉🏻เมื่อเจอกับเหตุการณ์ด้านลบกระทบจิตใจ พยายามลืม หรือ ยอมรับมัน
ท่านธรรมาจารย์เซิ่งเหยียนเคยเสนอ 4มันที่มีผลกระทบที่สำคัญต่อชาวโลก
เผชิญกับมัน..ยอมรับมัน..จัดการมัน..ละวางมัน
นี่เป็นทั้งท่าทีที่มีต่อชีวิตยามพบอุปสรรค และเป็นขั้นตอนตามลำดับชั้น
เผชิญกับมัน ...จงมองการดำรงอยู่ของอุปสรรค
ยอมรับมัน..จงยอมรับความเป็นจริงของอุปสรรคนั้น
จัดการมัน..จงจัดการกับอุปสรรคด้วยปัญญา
ละวางมัน..หลังจัดการแล้วก็ไร้กังวล
👉🏻เลือกอวยพรให้คนอื่น หรือว่า เลือกสาบแช่ง วิตก กังวลแทนเขา
การอวยพร = สะท้อนความสุข ความเต็มอิ่ม ความสงบเสงี่ยมเข้าหาตัวเรา
เมื่อเราเลือกที่จะอวยพร เราจะเป็นส่วนหนึ่งของพลังบวกจักรวาล
เรื่องที่คลี่คลายได้ ...ไม่ต้องกังวล
เรื่องที่คลี่คลายไม่ได้ กังวลไปก็ไร้ประโยชน์
👉🏻คนเราไม่เฟอเฟค
คนที่มีมนุษย์สัมพันธ์ดีแทบทุกคนล้วนเป็นคนไม่สมบูรณ์แบบ ชอบปล่อยไก่ ไม่คำนึงถึงการเสียภาพพจน์
ส่วนคนที่พยายามปกป้องตัวเอง หรือ แสดงออกถึงความสมบูรณ์แบบ มักถูกนินทาว่าเสแสร้งหรือของปลอม
👉🏻เราจะเลือกพรมน้ำหอม / กวาดขยะ
พรมน้ำหอม = ไม่ได้จัดการอารมณ์ตัวเองอย่างจริงจัง ปล่อยให้ความรู้สึกไม่มีความสุขทับถม เมื่อยามที่ต้องเปิดให้คนเข้าชม ก็ต้องพรมน้ำหอมเพื่อปกปิดความรกรุงรังของตัวเอง แทนที่จะสะอาด กลับเหม็นมากขึ้น
กวาดขยะ = การจัดแจงอารมณ์รัก โกรธ ดีใจ เสียใจเป็นหมวดหมู่ ห่อไว้ตามกำหนดเวลา อะไรความทิ้งก็ทิ้ง อะไรควรเก็บก็เก็บ ปลุกจิตขึ้นมาใหม่ คิดเชิงบวก
👉🏻คุณต้องรู้จักรักตัวเองอย่างสมบูรณ์แบบก่อน จึงจะรักผู้อื่นได้อย่างแท้จริง
เรามักใช้ทัศนะของตัวเองตัดสินผู้อื่น
👉🏻กันไว้ดีกว่าแก้ อย่างน้อยช่วยลดความตกใจจนไม่รู้จะทำอะไรเมื่อเกิดเหตุ จะมีสติ และ รับมือได้ ไม่ใช่ฝากชีวิตไว้กับโชคชะตา
👉🏻 บางครั้งเราทำอะไรแล้วรู้สึกเสียสละมากๆ หรือ บ่น ทั้งๆที่ตั้งใจช่วยเหลือ เช่น ทำงานบ้าน การใช้หนี้แทนคนในบ้าน แล้วคนไม่รู้สึกถึงสิ่งที่เราทำ เป็นเพราะว่าเราไม่ยินยอมพร้อมใจ
แต่หากเราเต็มใจทำ ลำบากแค่ไหนไม่เคยบ่น อีกฝ่ายจะรับรู้และพยายามที่จะตอบแทน
👉🏻การตัดสินใจ มักอยู่ระหว่าง คนอื่นจะมองอย่างไร กับ ความคาดหวังของตัวเอง
เลือกที่คุณค่าแบบไหนที่ต้องการ อย่ากลัวการตัดสินใจเพราะไม่อยากรับผิดชอบ ตัดสินใจอย่างกล้าหาญ ทำให้พิมพ์เขียวชีวิตที่คุณต้องการชัดเจน
ชีวิตเราส่วนมากก็เป็นเช่นนี้กระมัง รู้ทั้งรู้ว่าผิดตั้งแต่แรก กลับยอมเลยตามเลย โดยไม่ระมัดระวังให้มากขึ้น ต่อมาพบว่าไม่เข้าท่า ก็ไม่ได้กำหนดจุดที่จะหยุดความเสียหายไว้ สุดท้ายย่อมแพ้ทั้งกระดาน
👉🏻การหลับหูหลับตาเชื่อ คือความเสี่ยง หากมีอะไรที่แปลกตั้งแต่แรก หยุดทบทวนแก้ไขก่อนไปต่อ
👉🏻บางคนเลือกไม่ถูก ว่าไปซ้ายดีขวาดี เพราะทุกทางดีไปหมด มีข้อเสียไปหมด ที่เลือกไม่ได้ไม่ใช่เพราะว่ามีแต่ข้อดีหรือข้อเสีย แต่เป็นเพราะว่า ตัวเองไม่รู้ว่าตัวเองต้องการอะไร
👉🏻อย่าโยนความผิดให้สิ่งแวดล้อม เพราะทุกอย่างเราเป็นคนเลือกเอง
👉🏻อย่าอินกับเรื่องร้ายที่คนอื่นมาเล่าให้ฟังจนคิดว่าเป็นเรื่องของตนเอง ให้เรียนรู้เป็นการแลกเปลี่ยนประสบการณ์
👉🏻คนอื่นจะมีท่าทีกับเรายังไง หรือจะจัดการกับชีวิตยังไงเป็นเรื่องของเขา ที่ตัวเราทำได้ คือทำให้ตัวเองเป็นคนดีมากขึ้น และมีชีวิตที่ตัวเองต้องการ คิดว่าเรามีประโยชน์ต่อคนอื่นอย่างไร ฉันทำอะไรให้สังคมได้บ้าง
👉🏻ไม่ต้องชอบ แต่เริ่มจากการไม่เกลียดเป็นการสร้างสายสัมพันธ์ขั้นแรก
👉🏻ไม่ใช่ว่าคิดจะประหยัดเก็บออมเท่าไหร่ แต่ต้องรู้จักควบคุมความอยากและมองตัวเองอย่างมีสติ เรียนรู้ความแตกต่างระหว่าง อยากได้ กับ ความต้องการ
เมื่อมีกำลังเต็มที่เมื่ออยากได้ ต้องถามว่าต้องการไหม ถ้าไม่ถูกบงการด้วยความอยาก ชีวิตจะอิสรภาพสมบูรณ์
👉🏻การจมปลักกับความยากจน เพราะว่าใช้เงินโดยไม่คิดหน้าคิดหลัง ไม่ว่าจะเป็นการใช้จ่าย หรือให้คนอื่นยืม หรือบริจาค แต่ไม่คำนวณกระเป๋าตัวเอง และมีปมด้อยไม่อยากให้ใครดูถูก เลยไม่ค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น เปลือกนอกเป็นการช่วยเหลือผู้อื่น ความจริงคือกลัวเสียหน้า
ถ้าตัวเองขาดแคลน คือ ฝืน ทำให้รู้สึกมีกำลังไม่พอไปเสียทุกเรื่อง
คนมีเงินส่วนใหญ่ ใช้จ่ายอย่างมีความรอบคอบและวางแผน ไม่แคร์สายตาใคร ซื่อสัตย์กับตัวเอง
👉🏻คุณแยกแยะได้ไหมว่า รักหน้ามากกว่ารักเงิน โดยหวังได้รับความนับถือจากคนแปลกหน้า หรือ ให้เพื่อแสดงความขอบคุณ+ให้กำลังใจอีกฝ่ายเห็นใจกับความเหนื่อยยากของผู้อื่น
👉🏻เวลาที่จ่ายเงิน แม้เป็นคู่รัก ต้องถามตัวเองก่อน2ข้อ (อย่าเอาแต่รักหน้าตา) 1. ฉันจ่ายไหวหรือไม่(ความสามารถเรื่องการเงิน) 2. ฉันเต็มใจจ่ายโดยไม่ต้องการสิ่งตอบแทนหรือไม่ ถ้า2คำถามนี้ไปทางบวก จ่ายได้เลย ถ้าไม่แน่ใจ อย่าจ่าย
เงินทองกับความรักล้วนสูงค่า อย่ามาเปรียบเทียบกัน ฝืนเลือกก็อาจได้ทั้งคู่หรือเสียทั้งคู่
👉🏻สูตร A รายรับ-รายจ่าย = เงินออม
สูตร B รายรับ - เงินออม = รายจ่าย
คือ สูตร B คือออมก่อน แล้วค่อยดูว่ามีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง
ทฤษฎีลาเต้..ต้องการกาแฟให้หายง่วง หรือ อยากได้บรรยากาศ
👉🏻ไปถึงก่อนเวลาเป็นเรื่องดี แต่หากไปถึงก่อน 20-30 นาที ควรเตร็ดเตร่แถวนั้นก่อน อย่าเพิ่งไปที่นัดหมายทันทีเพราะอีกฝ่ายอาจไม่สะดวก (ถึงก่อนสัก 5 นาทีพอ)
มาตราฐาน 4 อย่าง
เข้มงวดกับตัวเอง ผ่อนปรนกับผู้อื่น
เข้มงวดกับตัวเอง เข้มงวดกับผู้อื่น
ผ่อนปรนกับตัวเอง เข้มงวดกับผู้อื่น
ผ่อนปรนกับตัวเอง ผ่อนปรนกับผู้อื่น
เป็นการแสดงค่านิยมในใจ
👉🏻ชีวิตเหมือนทำนองเมโลดี้ ไม่ว่าจะร้องผิดคีย์หรือโดดเด่นก็มีความสุข
ยามอยู่คนเดียวจะทำอะไรก็ได้ ยามรวมกับคนอืานก็ต้องรับฟังจังหวะของคนอื่นด้วย เหมือนวงออเคสตรา ยิ่งมีคนประสานเาียงด้วยมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งไพเราะ
คนกลัวช้าถึงได้รีบ กังวลว่าตนเองจะล้าหลัง แต่ไม่ได้สังเกตการกระทำของคนอื่น
..รีบเร่งก็ทำชามแตก(คำพังเพยไต้หวัน) = เอาแต่รีบ มือเท้าตามไม่ทัน ก็ทำให้เสียการ
ต้องให้ความสำคัญคือ การสอดประสานของตัวเรากับโลกภายนอก
👉🏻ขยันสามส่วนย่อมมีพื้นฐานที่ดี มีประสบการณ์ช่ำชอง มีวินัย รักการใช้เวลาอย่างมีประสิทธิภาพ เลือกวิธีที่ง่ายและประหยัดกว่า(อาศัยประสบการณ์และสติปัญญา)
ไม่ใช่ไม่มีงานก็หาเรื่องยุ่งจนได้
👉🏻คนเราต้องมีทัศนะระยะยาวคอยค้ำจุน ยุทธวิธีระยะสั้น
พบอุปสรรคอยากถอดใจ ต้องอาศัยจิตวิญญาณแรกเริ่ม มาพยุงให้ตัวเองพยายามต่อไป
👉🏻ทุกอย่างในชีวิต..ล้วนเป็นการฝึกฝนการเลือก
คุณไม่สามารถได้ทุกอย่าง
และไม่สามารถไม่เอาสักอย่าง
การเลือกใดๆล้วนสะท้อนถึง
การตัดสินคุณค่าในใจของคุณเอง
ใช่ว่าเราจะเลือกได้ถูกต้องทุกครั้ง
แต่อย่างน้อยก็จะยิ่งชัดเจนว่า
ที่เราต้องการอย่างแท้จริงคืออะไร
เพิ่มการพัฒนาตัวเองวันละนิด
เหมือนเติมวันละ 1 องศา
1 วัน อาจจะไม่มีอะไร
10 วันไม่มีความต่าง
แต่ 100 วันล่ะ 1000 วันล่ะ
จะเปลี่ยนแปลงไปโดยแทบไม่เห็นร่องรอยเดิม
มาร่วมกันหา1องศา เพื่อเติมเต็มวงล้อชีวิตให้สมบูรณ์ไปกับพิ้งกี้และบลูบลูกันใหม่นะคะ
หากชอบบทความนี้ กดFollow กดLike กดShare เป็นกำลังใจให้พิ้งกี้และบลูบลูด้วยค่า
ติดตามที่ Blockdit
ติดตามที่ Youtube
ติดตามที่ Facebook
#เลือกเนื้อที่ใช่ให้หมาป่า #พัฒนาตนเอง #สรุปหนังสือ #howto
- 2
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
