8 ก.ย. 2020 เวลา 14:36 • ประวัติศาสตร์
จูล่งฝ่าทัพรับอาเต๊า เตียวหุยยืนขวางทหารนับเเสน
เมื่อครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์สามก๊ก หลังจากที่โจโฉรวบรวมภาคเหนือเเละภาคกลางของประเทศจีนสำเร็จเเล้ว จึงหมายที่จะบุกเเดนใต้ โดยมีเป้าหมายคือต้องปราบเล่าปี่เสียก่อน อันตัวเล่าปี่ในตอนนั้นได้เป็นเจ้าเมืองเล็กๆเหมืองหนึ่งของเเคว้นเก็งจิ๋วชื่อว่าเมืองซินเอี๋ย เมื่อข่าวคราวการศึกที่กำลังเข้ามาประชิดเมืองนั้นถึงหูเล่าปี่ ขงเบ้งที่ปรึกษาจึงเสนอว่าให้ยึดเอาเเคว้นเก็งจิ๋วของเล่าเปียวเพื่อที่จะได้มีกำลังทหารต้านทานทัพของโจโฉ เเต่ทว่าเล่าปี่ไม่ยอมทำตามโดยกล่าวอ้างถึงคุณธรรมว่า อันตัวเล่าเปียวเป็นเเซ่เดียวกันกับเรา ท่านจะให้เราไปยึดเอาเมืองคนเเซ่เดียวกันนั้นเราทำไม่ได้ ดังนั้นขงเบ้งจึงเสนออีกว่าหากไม่ยึดเอาเมืองเเล้วก็ให้ทิ้งเมืองนี้ไปอยู่ที่เมืองกังเเฮเพื่อของพึงพาเล่ากี๋ไปก่อน เมื่อเล่าปี่ออกเดินทาง เหล่าชาวบ้านทั้งหลายคนต่างก็เดินทางไปกับเล่าปี่ด้วย จึงทำให้การเดินทางล่าช้า ฝ่ายจูล่งเองมีหน้าที่เป็นหารองครักษ์ให้กับครอบครัวของเล่าปี่ เมื่อการเดินทางล่าช้าดังนี้จึงทำให้กองทัพของโจโฉติดตามมาทัน จึงเกิดการประทะกันขึ้น ความวุ่นวายภายในขบวนจึงบังเกิด
จูล่งฝ่าทัพรับอาเต๊า
เมื่อทัพโจโฉมาถึงเหล่าครอบครัวของเล่าปี่ก็กระจัดกระจาย ครั้นจูล่งยอดทหารเอกผู้ไม่เคยบกพร่องต่อหน้าที่ เมื่อไม่เห็นครอบครัวเล่าปี่จึงรีบฝ่าเข้าไปในวงล้อมของทหารโจโฉ จูล่งควบม้าเข้าออกทหารโจโฉหลายครั้งในเเต่ละครั้งก็ต้องสู้ไปด้วยมองหาฮูหยินของเล่าปี่ไปด้วย เมื่อเหลือบมองไปเห็นชาวบ้านที่กำลังหนีตายจึงถามว่าเห็นฮูหยินหรือไม่ ชาวบ้านจึงบอกว่าฮูหยินพลัดหลงจึงไปหลบอยู่กับชาวบ้านที่กำลังหนี จูล่งได้ยินดังนั้นจึงรีบควบม้าเข้าไป จึงไปด้พบกับกำฮูหยินกับบิต๊ก จูล่งจึงถามว่าเเล้วบิฮูหยินกับอาเต๊าหละ กำฮูหยินจึงว่าบิฮูหยินถูกทวนเเทงบาดเจ็บที่ขาคงจะหลบอยู่ข้างบ่อน้ำ จูล่งจึงรีบพากำฮูหยินกับบิตกออกมาส่งที่สะพานเตียงปันซึ่งมีเตียวหุยคอยอยู่ โดยเดิมทีเตียวหุยไม่เห็นจูล่งจึงนึกว่าจูล่งไปเข้ากับฝั่งโจโฉเสียเเล้วจึงมาดักรอที่สะพานเตียงปันหวังจะขวางกองทัพของโจโฉไว้ เมื่อได้เจอกันกับจูล่งเตียวหุยจึงว่ากล่าวไส่จูล่งด้วยความเข้าใจผิด เเต่บิต๊กกับกำฮูหยินจึงได้เลาเรื่องทั้งหมดให้ฟัง จูล่งจึงว่าข้าจะกลับไปรับบิฮูหยินกับอาเต๊าทางนี้ข้าฝากท่านดูเเลด้วย เตียวหุยจึงรับคำ จูล่งบุกฝ่ากองทัพของโจโฉเข้าไปอีกครั้งเเละได้พบกับบิฮูหยินที่กำลังบาดเจ็บอยู่ บิฮูหยินจึงว่าท่านจงรับนำอาเต๊า(อาเต๊าคือลูกเล่าปี่ซึ่งตอนนั้นยังเป็นทารกอยู่)ไปเถิด อันตัวเราบาดเจ็บหากจะไปคงจะเป็นตัวถ่วง จูล่งจึงว่าขอให้บิฮูหยินขึ้นม้ากับอาเต๊าเถิดข้าจะเดินรบเปิดทางให้เอง ทันใดก็มีทหารโจโฉบุกเข้ามาจูล่งจึงลุกขึ้นสู้ ในระหว่างนั้นบิฮูหยินได้วางอาเต๊าไว้กับพื้นเเล้วกระโดดลงบ่น้ำตาย จูล่งเห็นดังนั้นจึงรีบอุ้มอาเต๊าขึ้นมาถอดเกราะเอาผ้าห่ออาเต๊ามัดไส่กับหน้าอกเเล้วเอาเกราะห่อไว้อีกชั้นหนึ่งเเล้วดันกำเเพงทับปากบ่อน้ำไว้เพื่อไม่ให้ใครเห็นศพของบิฮูหยิน ในขนะที่จูล่งพยายามฝ่าวงล้อมออกมาเขาก็ได้สังหารเหล่าเเม่ทัพเเละทหารไปเป็นจำนวนมา เเม่ทัพคนสนิทของโจโฉนามว่าเเฮหัวอิ๋นจึงควบม้าเข้าประทะกัน จูล่งใช้กระบี่ฟาดไปหมายจะฆ่าเเฮหัวอิ๋นในคราวเดียวเพื่อจะรีบพาอาเต๊าไปในที่ปลอดภัย เเฮหัวอิ๋นจึงใช้กระบี่ชิงกังรับทำให้กระบี่ของจูล่งหักขาดออก จูล่งเห็นดังนั้นก็รู้ในทันที่จึงกล่าวว่า "นี่กระบี่ของโจโฉ เจ้าได้มาอย่างไร" เเฮหัวอิ๋นจึงว่า "ตัวข้าเป็นทหารคนสนิทของมหาอุปราช มหาอุปราชมอบกระบี่นี้ให้ข้ามาตัดหัวเล่าปี่" จูล่งได้ยินดังนั้นจึงควบม้าเข้ารบใช้ทวนเเทงเเฮหัวอิ๋นตกม้าตาย เเล้วเอากระบี่ชิงกังมาเป็นอาวุธของตน
จูล่งฝ่าทัพรับอาเต๊า
เมื่อกระบี่ที่มีอานุภาพรุนเเรงคมถึงขนาดตัดโลหะตันให้ขาดเป็น2ท่อนได้ เเฮหัวอิ๋นเเม้จะมีอาวุธดีเเต่ฝีมือยังด้อยกว่าจูล่งนัก เมื่อยอดกระบี่เปลี่ยนมือมาอยู่กับยอดนักรบอย่างจูล่งเเล้ว อานุภาพก็ทวีคูณขึ้นไร้ผู้เทียมทาน เพราะไม่ว่าจูล่งจะควบม้าไปทางใดเหล่าทหารของโจโฉก็กระจัดกระจายล้มตายเป็นอันมากราวกับพายุพัดต้นหญ้า โจโฉเหลือบไปมองเห็นจึงกล่าวว่า "นับตั้งเเต่ลิโป้ตาย ข้ายังไม่เคยเห็นยอดนักรบเเบบนี้อีกเลย" เเล้วสั่งให้เหล่าทหารเลิกยิงธนูเพราะหวังจะจังเป็นจูล่งมาใช้งานในสังกัดของตนเอง เมื่อคำสั่งของโจโฉออกไปดังนั้นเหล่าทหารของโจโฉยิ่งล้มตายเป็นจำนวนมาเพราะไม่มีใครที่จะเข้าไกล้ตัวจูล่งได้เลย จูล่งบุกฝ่าเหล่าทหารไปเรื่อยๆจนเกือบจะออกจากวงล้อมของทหารโจโฉได้เเล้ว เตียวคับหนึ่งในห้าทหารเสือของโจโฉก็ควบม้าออกมาขวางเเล้วเข้ารับกับจูล่ง ม้าของจูล่งเกิดเสียหลักล้มลงเตียวคับเห็นได้ทีจึงจะใช้ง้าวฟันจูล่ง ทันใดนั้นมีเเสงประกายออกมาจากอกของจูล่งคงเป็นเเสดงเเห่งบุญบารมีของอาเต๊าที่จะได้เป็นฮ่องเต้ในภายภาคหน้า จูล่งเห็นเตียวคับหยุดงงอยู่ดังนั้นจึงรีบกระตุกม้าขึ้นเเล้วควบม้าหนีไปจนถึงสะพานเตียงปัน เตียวหุยเห็นดังนั้นจึงออกมารับเเล้วให้จูล่งรีบไปหาเล่าปี่ส่วนตัวเองยืนขวางทางทัพของโจโฉไว้
เตียวหุยจากสามก๊ก2010
เมื่อโจหยินกับเตียวคับพร้อมทหารขอฃโจโฉตามมาถึงสะพานเตียงปันก็ไม่กล้าบุ่มบ่ามเพราะเกรงจะมีกลอุบายของขงเบ้งเอาไว้ จึงรอให้โจโฉมาถึง โจโฉจึงถามว่า "เจ้าชื่อเเซ่ใด" เตียวหุยจึงว่า "ข้าเตียวหุยเอ็กเต็ก" โจโฉได้ยินดังนั้นก็ตกใจ เพราะก่อนหน้านี้กวนอูเคยอยู่กับโจโฉเเล้วได้สังหารงันเหลียงกับบุนทิวทหารเอกของอ้วนเสี้ยว โจโฉกล่าวชมกวนอูยิ่งนักเเต่กวนอูกลับบอกว่า "ฝีมือเรานี้พอประมานดอก อันเตียวหุยน้องเรามีฝีมือยิ่งนัก เเม้ทหารเรืองเเสนขวางอยู่เขาก็สามารถฝ่าวงล้อมเข้าไปตัดหัวเเม่ทัพได้โดยง่าย กองทัพของโจโฉยืนรอคำสั่งอยู่นานเตียวหุยจึงคำรามเสียงดังดุจฟ้าร้องทำให้ทหารนายหนึ่งของโจโฉตกใจกลัวจนตกม้าตาย เหล่าทหารต่างหวาดกลัว ประกอบกับโจโฉเหลือบไปเห็นฝุ่นตลบอยู่ด้านหลังของเตียวหุยจึงคิดว่ามีทหารซุ่มอยู่จึงมีคำสั่งให้รีบถอนกำลังถอยไปอีก30ลี้ (เเท้จริงเเล้วเตียวหุยมีทหารเพียง20นาย เเต่อาศัยชัยภูมิที่เป็นเนินบังสายตาเเล้วให้ทหารไปอยู่หลังเนินใช้กิ่งไม้มัดติดกับหางม้าวิ่งวนไปมาจนเกิดฝุ่น)
เตียวหุย
จากวีรกรรมของจูล่งในครั้งนี้ทำให้เกิดการถกเถียงของคนที่อ่านสามก๊กเป็นจำนวนมากว่า คนที่เป็นขุนศึกเบอร์หนึ่งเเห่งยุคสามก๊กคือลิโป้หรือจูล่งกันเเน่ เเต่น่าเสียดายที่ทั้งสองไม่มีโอกาสได้สู้กันสักครั้ง
ขอบคุณที่ติดตามอ่านบทความครับผม

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา