25 ส.ค. 2020 เวลา 16:55 • ประวัติศาสตร์
#ลิโป้ ขุนศึกเบอร์หนึ่งเเห่งยุคสามก๊ก
ลิโป้เป็นยอดนักรบผู้ที่ได้ชื่อว่าแข็งแกร่งที่สุดในยุคสามก๊ก หรือเป็นเทพเจ้าแห่งสงคราม มีร่างที่สูงใหญ่กำยำ มีสำนวนในสามก๊กกล่าวไว้ว่า “ หยืนจงหลี่ปู้ หม่าจงชื่อทู่ ” ความหมายของประโยคนี้คือ ยอดคนต้องลิโป้ ยอดม้าต้องเซ็กเธาว์ ความแข็งแกร่งที่กลายเป็นตำนาน ในฐานะของนักรบที่เก่งที่สุดในแผ่นดินยุคสามก๊ก ทั้งยังได้รับการกล่าวว่าเป็นผู้ชำนาญศึกอย่างยิ่ง แม้แต่ เล่าปี่, กวนอู และเตียวหุย ที่ร่วมมือกันสู้รบกับลิโป้ก็ยังไม่สามารถฆ่าลิโป้ได้ โดยที่ตราบใดที่เขายังถือทวนกรีดนภา และนั่งอยู่บนหลังม้าเซ็กเธาว์ ก็ไม่มีใครล้มเขาลงได้
กวนอู เล่าปี่ เตียวหุย รุมรบกับลิโป้
เมื่อครั้งตั๋งโต๊เข้ายึดอำนาจเมืองหลวงเหล่าขุนศึกหัวเมืองต่างเกิดการไม่พอใจเป็นอย่างมากจึงได้ร่วมกันจัดตั้งกองทัพพันธมิตร18หัวเมืองเพื่อต้านตั๋งโต๊ะ ตั๋งโต๊ะจึงส่งทหารเอกนายหนึ่งนามว่าลิโป นำทัพออกท้ารบ ฝ่ายอ้วนเสี้ยวผู้นำของกองทัพ18หัวเมืองได้ส่งทหารเอกหลายคนออกรบกับลิโป้เเต่ก็ถูกสังหารจนตายสิ้น กองซุนจ้านเจ้าเมืองปักเป๋งจึงขับม้ารำทวนเข้ารบกับลิโปได้สิบเพลง เเต่กลับต้านทานกำลังของลิโป้ไม่ได้จึงขับม้าหนี ลิโป้เห็นดังนั้นจึงควบม้าเซ็กเธาว์ซึ่งเป็นยอดอาชาตามมาจนถึงตัว ลิโป้เงื้อทวนจะเเทงทันใดนั้นมีเสียงคำรามดังดุจฟ้าร้อง เสียงโลหะตันกระทบกันดังสนั่น ชายผู้นั้นคือเตียวหุยที่ใช้ทวนเข้าปัดทวนของลิโป้ไว้ ม้าเซ็กเธาว์ได้ยินเสียงเตียวหุยก็ตกใจถอยไปราว7ก้าว ทันได้นั้นเตียวหุยจึงกล่าวทักทายว่า "ไอ่ลูกสามพ่อ มึงจะชักม้าหนีกูไปไหนรึ?" ลิโป้ได้ยินดังนั้นจึงกล่าวกลับว่า "ข้าขุนศึกลิโป้ ไปเป็นลูกสามพ่อตั้งเเต่เมื่อไร?" เตียวหุยจึงว่า "เดิมทีเจ้าเกิดมาเเซ่ลิ พอพ่อตายก็ไปอยู่เป็นลูกบุญธรรมเต็งง้วน พอตั๋งโต๊ะเข้ายึดอำนาจก็ซื้อตัวเจ้ามาอีก เเละเจ้าก็เห็นเเก่ม้าตัวเดียวจึงลงมือสังหารพ่อบุญธรรม เเละก็ขอเป็นลูกบุญธรรมตั๋งโต๊ะเเทน" ฝ่ายลิโป้ได้ยินดังนั้นก็เถียงไม่ออกเพราะคำด่าจากคนที่นิสัยซื่อๆตรงๆอย่างเตียวหุยนั้นเป็นจริงทุกประการ จนปัจจุบันมีการนำคำว่าลูกสามพ่อมาใช้ด่าเหล่านักการเมืองทีโยกย้ายพักการเมืองบ่อยๆ
เตียวหุย
ลิโป้ได้ยินดังนั้นจึงโกรธชักม้าเข้ารบกับเตียวหุย ทั้งสองฝ่ายรบกันอย่างดุเดือดยาวไปถึงห้าสิบกว่าเพลงรบยังไม่รู้เเพ้ชนะ เเต่ถึงกระนั้นด้วยม้าของลิโป้นั้นเเข็งเเกร่งมากในตอนท้ายเตียวหุยจึงเป็นฝ่ายตั้งรับโดยสิ้นเชิง กวนอูเห็นทั้งเตียวหุยเเละม้าอ่อนล้าลงจึงรีบขับม้ารำง้าวนินนาคะเข้าร่วมรบลิโป้อีกเเรง ทั้งสองคนเข้ารบกับลิโป้ได้อย่างสูสีรบกันยาวมาอีกสามสับเพลง เล่าปี่เห็นดังนั้นจึงคิดว่านี่เป็นโอกาสดีที่จะจับตัวลิโป้ได้ เพราะถ้าจับลิโป้ได้ตั๋งโต๊ะก็จะขาดทหารเอกซึ่งเป็นกำลังหลัก เล่าปี่จึงควบม้ารำกระบี่คู่เข้ารวมรบเเล้วร้องให้สัญญาณว่าเต็ง กวนอูเเละเตียวหุยได้ยินดังนั้นก็เข้าใจความในของเล่าปี่ จึงชักม้าออกห่างจากลิโป้ในระยะทวนเเทงเเละได้ขับม้าวนรอบลิโป้เเล้วตั้งเป็นกระบวนรบพยุหะขึ้น โดยกระบวนรบพยุหะเต็งนี้เป็นค่ายกลชนิดหนึ่งเพียงเเต่ใช้จำนวนคนน้อยเท่านั้น โดยกระบวนพยุหะเต็งนี้มีลักษณะเป็นรูปตัว T โดยมีเล่าปี่เผชิญอยู่ตรงหน้าลิโป กวนอูอยู่ด้วนหลังซ้าย เตียวหุยอยู่ด้านหลังขวา ทั้งสามร่วมรบลิโป้อย่างดุเดือด เล่าปี่เองมีอาวุธคือกระบี่คู่เเม้จะสั้นกว่าลิโป้เเลดูเหมือนจะเสียเปรียบเเต่เมื่อตั้งเป็นกระบวนพยุหะเต็งเเล้ว ทวนยาวของลิโป้ก็ไร้พิษสง เพราะไม่ว่าจะเเทงไปด้วนหน้ากวนอูเเละเตียวหุยก็จะได้ช่องโหว่ในการโจมตี จะกันได้ซ้ายขวาก็จะติดขัดไปหมด
ลิโป้
ในสถานการณ์เเบบนี้ลิโป้ซึ่งเดิมทีนั้นเป็นฝ่ายรุกเเละโจมตีเเต่เมือตกอยู่ในกระบวนพยุหะเต็งเเล้วก็กลายเป็นฝ่ายตั้งรับโดยสิ้นเชิง ลิโป้ทำได้เพียงควบม้าเซ็กเธาว์โยกหลบหลีกเเละใช้ทวนของตนปัดป้องอาวุธของสามพี่น้องเเห่งสวนท้อเท่านั้น ทั้งสี่คนรบกันมายาวรวมได้ร้อยกว่าเพลง สามพี่น้องจึงบีบกระบวนพยุหะให้เล็กลงเรื่อยๆ ลิโปเห็นท่าไม่ดีจึงซบตัวลงไปที่คอม้าเซ็กเธอว์เเละชี้ทวนไปทางเล่าปี่ ทันใดนั้นก็กระทืบเกลือกม้าเเล้วพุ่งไปเล่าปี่จึงใช้กระบี่ปัดทวนออกไปทางซ้าย ลิโป้จึงอาศัยจังหวะนี้ขับม้ากระโดดข้ามไปทางขวาเเล้วควบม้าที่มีฝีเท้าดุจพายุหนีออกได้ยังกับปาฏิหาริย์
เหล่านี้เเสดงให้เห็นถึงความเก่งกาจของลิโป้เเละสามพี่น้องเเห่งสวนท้อ ที่มีฝีมือการรบอย่างเยี่ยมยุทธ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา