9 ก.ย. 2020 เวลา 07:41 • ประวัติศาสตร์
สามก๊กฉบับคนขายชาติตอน ครองใจตระกูลโฮ
หลังสิ้นแผ่นดินพระเจ้าเลนเต้แล้ว สิบขันทีก็เป็นดังไม้เลื้อยที่ไม้หลักโค่นลง แล้วไม้เลื้อยก็ล้มลงตาม ต้องปรับปรุงท่าทีและแสวงหาหลักยึดใหม่ต่อไป ชะตากรรมของสิบขันทีในช่วงนี้ประดุจดั่งไต่อยู่บนเส้นลวด และเผชิญวิกฤติหนักขึ้นทุกที
ข้างหนึ่งนั้นเวรกรรมที่ทำไว้กับขุนนางข้าราชการอย่างหนักหนาสาหัสกำลังตามสนอง และใกล้ตัวเข้ามาทุกขณะ อีกข้างหนึ่งนั้นยังหาแหล่งพักพิงเกาะอาศัยไม่ได้มั่น
คิดจะพึ่งพาตั๋งไทเฮา อาศัยใบบุญหนุนหองจูเหียบ ขึ้นเป็นฮ่องเต้ก็ผิดพลาดล้มเหลว จนจำต้องใช้สุดยอดวิชาขันทีเพื่อเอาตัวรอด
ครั้นตั๋งไทเฮาถูกเนรเทศไปอยู่ต่างเมือง สิบขันทีก็คาดการณ์ได้ ณ บัดนั้นว่า ตั๋งไทเฮาคงจะสิ้นวาสนาแล้ว จำเป็นจะต้องหาหลักใหม่เกาะยึดต่อไป สุมหัวปรึกษาหารือกันแล้วเห็นพ้องต้องกันว่าแผ่นดินอยู่ในน้ำมือของคนตระกูล โฮ ซึ่งเป็นตระกูลผู้ค้าเนื้อ เพราะบัดนี้โฮไทเฮาเป็นพระราชชนนีของฮ่องเต้ เป็นที่เกรงใจของเหล่าขุนนางและข้าราชการทั้งปวง
แต่โฮไทเฮานั้น เป็นคนหวงอำนาจ บ้ายอ หูเบา และโปรดการพินอบพิเทายกย่องสรรเสริญ อยู่ในวิสัยที่จะใช้สุดยอดวิชาขันทีทำให้โฮไทเฮาโปรดปรานได้
ถ้าเมื่อใดเป็นที่โปรดปรานของโฮไทเฮาแล้ว แม้โฮจิ๋นจะเป็นถึงผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน ก็จะทำอะไรพวกตนไม่ได้ เพราะโฮจิ๋นนั้นเป็นคนตัดสินใจโลเล ไม่เด็ดขาด และกลัวน้องสาว เนื่องจากมีอำนาจวาสนาขึ้นมาได้เพราะการอุ้มชูส่งเสริมของโฮไทเฮาผู้เป็นน้อง ดังนั้นถ้าโฮจิ๋นอยู่ในคำของโฮไทเฮาเสียแล้ว อ้วนเสี้ยวและพรรคพวกที่ไม่พอใจสิบขันทีก็ไม่มีอะไรที่น่าเกรงกลัวอีกต่อไป
ความรอบคอบในการคิดอ่านของสิบขันทีไกลออกไปอีกว่า จะต้องกุมหัวใจคนตระกูล โฮ ให้จงได้ สิบขันทีทราบดีว่าโฮไทเฮามีพระมารดาชื่อว่าบูยงกุ๋น เป็นที่เคารพยำเกรงของลูกทั้งสามคน คือโฮจิ๋น โฮไทเฮา และโฮเบี้ยว
ทั้งทราบด้วยว่านางบูยงกุ๋นเป็นคนโลภ เห็นแก่ทรัพย์สินเงินทอง หากนำของเหล่านี้ไปกำนัลให้ถึงขนาดแล้ว นางบูยงกุ๋นก็พร้อมที่จะขายตัวให้กับทรัพย์สินเงินทองนั้น เป็นวิสัยที่จะเอานางบูยงกุ๋นเป็นพวกได้สำเร็จ
เพียงนี้แล้วยังไม่เป็นที่วางใจกับสถานการณ์ที่ตึงเครียด สิบขันทีเห็นว่าโฮเบี้ยวขุนนางผู้น้องโฮไทเฮา ซึ่งบัดนี้เป็นผู้ช่วยผู้สำเร็จราชการแผ่นดินมีกำลังทหารอยู่ในมือ เป็นคนโลภโมโทสันไม่แพ้มารดาตัว ทั้งยังเป็นคนโง่และหูเบา คนแบบนี้สามารถใช้เป็นเครื่องมือได้โดยง่าย หากได้โฮเบี้ยวมาเป็นพวกอีกคนหนึ่งแล้ว จึงจะเป็นที่มั่นใจได้ว่าสถานการณ์ของพวกตนจะดีขึ้น
ดังนั้นสิบขันทีจึงดำเนินการตามแผน ใช้สุดยอดวิชาขันทีว่าด้วยการติดสินบนและการทำให้เกิดความพอใจสูงสุด หมั่นเข้าหาพินอบพิเทา เอาอกเอาใจโฮไทเฮา ยกย่องสรรเสริญสารพัด จนโฮไทเฮาแทบจะรู้สึกพระองค์ว่าเป็นเทพธิดาที่จุติมาจากสรวงสวรรค์เพื่อโปรดมวลมนุษยชาติ ให้พ้นทุกข์พบสุขกันทั่วถ้วน สร้างบารมีเพื่อถึงซึ่งความเป็นพระโพธิสัตว์ในกาลเบื้องหน้า
โฮไทเฮาจึงโปรดปรานสิบขันทีเสียยิ่งกว่าครั้งพระเจ้าเลนเต้ยังทรงพระชนม์อยู่
สำหรับโฮเบี้ยวผู้ช่วยผู้สำเร็จราชการแผ่นดินนั้น สิบขันทีได้นำทรัพย์สินเงินทอง หยกแกะสลัก ไข่มุก และของขวัญพิเศษมากมายไปมอบเป็นกำนัล ยกย่องโฮเบี้ยวเป็นเสาหลักค้ำบัลลังก์ของฮ่องเต้ ค้ำจุนสันติสุขของประเทศ เป็นที่นับถือศรัทธาของผู้คนทั้งแผ่นดิน แม้กระทั่งฮ่องเต้ก็ทรงเกรงพระทัยในบารมีและคุณธรรมของโฮเบี้ยวยิ่งนัก ละไว้ให้โฮเบี้ยวเข้าใจเองว่าก็แลเมื่อคนที่เป็นถึงฮ่องเต้ยังเกรงบารมีตนแล้ว โฮจิ๋น อ้วนเสี้ยวก็ต้องเกรงใจเชื่อฟังโฮเบี้ยวไปด้วย ปลูกความรู้สึกขึ้นในใจโฮเบี้ยวว่าถ้าเมื่อใดโฮจิ๋น อ้วนเสี้ยวละความเกรงใจแล้ว เมื่อนั้นโฮเบี้ยวก็จะต้องไม่เกรงใจใดๆ ตอบ
สามก๊ก2010
ดังนี้โฮเบี้ยวจึงอ่อนระทวยทางความสำนึก อาสาเป็นผู้ปกป้องคุ้มครองสิบขันทีให้ทำราชการโดยไม่ต้องยำเกรงผู้ใดอีกต่อไป
ส่วนนางบูยงกุ๋นนั้น สิบขันทีก็ผลัดกันแวะเวียนไปเยี่ยมเยือน ทุกครั้งนำทรัพย์สินเงินทองของมีค่าไปมอบเป็นของกำนัล กระทำให้เกียรติยศของนางบูยงกุ๋นปรากฏต่อเพื่อนบ้านร้านถิ่นอย่างครึกโครม จะไปไหนก็จัดเป็นขบวนแห่เยี่ยงเจ้าพระยา ทั้งยังสั่งให้ขุนนางข้าราชการในอาณัติ ไปอำนวยความสะดวกประดับเกียรติยศให้ปรากฏลือชาแก่คนทั้งปวง
แม่ค้าเนื้อคนหนึ่งซึ่งไม่เคยลิ้มรสสัมผัสความรู้สึกอันเป็นเกียรติยศเยี่ยงนี้ ประกอบเข้ากับของกำนัลที่หลั่งไหลมาไม่ขาดสาย ล้วนเป็นของมีค่าหาที่เปรียบมิได้ ยิ่งประกอบกับคำยกย่องสรรเสริญที่เจริญโสต คละเคล้าด้วยคำวอนขอฝากเนื้อฝากตัวอยู่ใต้ร่มบารมีแล้ว นางบูยงกุ๋นก็กลายเป็นทั้งโฆษกและทูตประสานผลประโยชน์ของสิบขันที เดินทางเข้าวังและเข้าเยี่ยมลูกทั้งสามบ่อยครั้งยิ่งกว่าแต่ก่อน
ทุกครั้งที่ปะหน้าลูก นางบูยงกุ๋นได้สรรเสริญเยินยอสิบขันทีไม่ขาดปาก มิหนำซ้ำยังยกเอาบุญคุณของสิบขันทีที่มีต่อตระกูล โฮ ว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังที่ทำให้ตระกูล โฮ เราได้ครองแล้วซึ่งอำนาจวาสนาดังที่เป็นอยู่นี้ ทั้งยังดูแลเอาใจใส่การกินอยู่ของครอบครัวตระกูล โฮ สารพัด และยังช่วยเหลือสนับสนุนกิจการงานทั้งปวงทุกๆ ประการ
คำของนางบูยงกุ๋นผู้เป็นมารดา ทำให้ลูกทั้งสามของตระกูล โฮ ที่ครองอำนาจในเมืองหลวงเชื่อว่าสิบขันทีเป็นผู้ภักดีต่อตระกูล โฮ อย่างแท้จริง โดยที่หารู้ไม่ว่าบัดนี้มารดาตัวหาใช่คนเดิมไม่ หากเป็นสินค้าที่ขายให้แก่สิบขันทีไปทั้งตัวแล้ว ประกอบทั้งความพอใจส่วนตัวของแต่ละคนที่ขันทีเสกสรรปั้นแต่งไว้ จึงทำให้คนตระกูล โฮ ต่างรักใคร่วางใจสิบขันทียิ่งขึ้น
ด้วยเหตุนี้สามก๊กฉบับเจ้าพระยาพระคลัง หน จึงว่าไว้ว่าสิบขันทีจึง ทำราชการปกติอยู่ในพระราชวังเหมือนแต่ก่อน
แต่กรรมนั้นไม่อยู่ในฐานะที่สิบขันทีจะติดสินบนให้ผันแปรเป็นอื่นไปได้ กรรมจึงยังทำหน้าที่สนองกรรมต่อไปตามหลักที่ว่า เรามีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ ทำกรรมอันใดไว้ ย่อมได้รับผลกรรมอันนั้น ทำดีย่อมได้ดี ทำชั่วย่อมได้ชั่ว
จากนี้ไปย่อมจะได้เห็นวิบากแห่งกรรมที่สนองเอากับขันที ทั้งๆ ที่สิบขันทีได้ใช้สุดยอดวิชาขันทีอย่างเต็มที่ จนลำพังสายตาคนไม่อาจมองเห็นได้ว่าสถานการณ์ล่าสุดที่สิบขันทีผูกใจตระกูล โฮ ได้สำเร็จ จะผันแปรเป็นอย่างอื่นไปได้อีก
หลังจากตั๋งไทเฮาสิ้นพระชนม์แล้ว โฮจิ๋นซึ่งรู้ดีแก่ใจตัวว่าใครเป็นผู้สังหารตั๋งไทเฮาจึงประดุจวัวสันหลังหวะ ไม่ยอมไปงานถวายสักการะพระบรมศพตามประเพณี เก็บตัวเงียบอยู่แต่ในบ้าน
อ้วนเสี้ยวเห็นเป็นโอกาส จึงไปเยี่ยมโฮจิ๋นที่ในจวน แล้วยุโฮจิ๋นว่า ขันทีสิบคนนินทาว่าท่านให้ทหารไปลอบฆ่านางตั๋งไทเฮาเสีย หวังจะคิดเอาราชสมบัติ ซึ่งท่านจะนอนใจอยู่มิคิดฆ่าขันทีสิบคนเสีย ภายหน้าไปเห็นจะเป็นอันตรายเป็นมั่นคง ครั้งนี้ท่านกับโฮเบี้ยวผู้น้องก็เป็นผู้สำเร็จราชการสิทธิขาด ขุนนางทั้งปวงก็อยู่ในเงื้อมมือท่านสิ้น ท่านจะคิดประการใดเห็นจะสมปรารถนา อุปมาเหมือนพลิกแผ่นดินกลับ
คำของอ้วนเสี้ยวดังกล่าวนี้ แสดงให้เห็นอยู่ในตัวว่าแม้จะเป็นถึงนายพันทหารสารวัตรอยู่ในเมืองหลวง แต่ระบบข้อมูลข่าวสารไร้ประสิทธิภาพ จึงไม่ล่วงรู้ถึงความนัยที่สิบขันทีใช้สุดยอดวิชาซื้อชาวตระกูล โฮ ไว้หมดสิ้นแล้ว
แต่โฮจิ๋นคนหูเบา และมีความโลเลอยู่ในกมลสันดาน ยินคำอ้วนเสี้ยวแล้วก็โกรธสิบขันทียิ่งนัก อ้วนเสี้ยวเห็นใบหน้าโฮจิ๋นแดงปลั่งด้วยแรงโทสะ เห็นเป็นทีจึงยุให้โฮจิ๋นเร่งฆ่าสิบขันทีเสีย
การที่อ้วนเสี้ยวแสดงความประสงค์ต้องการอาศัยอำนาจโฮจิ๋นสังหารสิบขันทีอย่างไม่หยุดหย่อนนั้น แม้สามก๊กจะมิได้ระบุว่าเนื่องมาจากเหตุอันใด แต่ย่อมอนุมานได้ว่าเนื่องมาจากความไม่พอใจที่ตระกูล อ้วน ซึ่งถึงแม้ว่าจะเป็นขุนนางผู้ใหญ่สืบทอดมาหลายชั่วอายุคน ก็ยังถูกสิบขันทีรีดส่วยสินบนอย่างไม่ไว้หน้า จนความแค้นพอกพูนกลายเป็นความพยาบาทนั่นเอง
โฮจิ๋นเพิ่งรับคำโฮไทเฮา ทั้งยังได้ยินคำสรรเสริญสิบขันทีจากมารดาตัว สิ้นน้ำใจชังสิบขันทีไปแล้ว ครั้นได้ฟังคำอ้วนเสี้ยวใจก็โลเล ประกอบด้วยโทสะจึงเห็นคล้อยไปตามคำอ้วนเสี้ยว คิดจะฆ่าสิบขันทีอีก แต่ยังตัดสินใจเด็ดขาดไม่ได้ จึงว่าที่ท่านว่ามานี้ก็ถูก แต่เราขอเวลาไตร่ตรองสักคืนหนึ่งก่อน
ในขณะที่อ้วนเสี้ยวและโฮจิ๋นสนทนาอยู่นั้น คนรับใช้ซึ่งเป็นสายลับของสิบขันทีได้ยินความเข้าแล้ว รีบนำความไปแจ้งให้สิบขันทีทราบ
สิบขันทีทราบรายงานแล้วจึงปรึกษาตกลงกันไปฟ้องโฮเบี้ยวว่าอ้วนเสี้ยวทำการหยาบช้า ไม่เกรงใจท่าน คิดอ่านจะชิงราชสมบัติ เป็นใหญ่เสียแต่ผู้เดียว พวกตนหาความผิดมิได้ อ้วนเสี้ยวกลับยุโฮจิ๋นให้สังหารพวกตนเสีย พวกตนตายนั้นไม่เสียดายแก่ชีวิต เป็นห่วงแต่ไม่มีผู้ใดเอาใจใส่ดูแลรับใช้โฮเบี้ยว และมารดา ทั้งยังห่วงตระกูล โฮ เพราะอ้วนเสี้ยวมีอำนาจทางทหารและมักใหญ่ใฝ่สูง ไม่คิดถึงคุณคน ชิงราชสมบัติได้แล้วย่อมจะทรยศตระกูล โฮ สังหารคนตระกูล โฮ เสียทั้งสิ้น จึงขอร้อง โฮเบี้ยว ให้นำเนื้อความทั้งนี้ไปแจ้งให้โฮไทเฮาด้วย
คำสิบขันทีที่ฟ้องโฮเบี้ยวนี้ แม้ว่าดูภายนอกจะเป็นการฟ้องอ้วนเสี้ยวว่าต้องการล้มอำนาจตระกูล โฮ ชิงราชสมบัติ แต่ภายในเนื้อแท้อยู่ตรงที่ต้องการให้โฮไทเฮา และโฮเบี้ยวไม่พอใจโฮจิ๋น และปกป้องพวกตน
โฮเบี้ยวคนหูเบาฟังคำสิบขันทีแล้วก็เชื่อสนิทใจ เพราะแรงสินบนสิบขันทีกินใจลึกอย่างหนึ่ง และประหวั่นว่าหากการเป็นจริงเข้าแล้ว อำนาจวาสนาของตนก็จะสูญสิ้นไปด้วย ประโยชน์สองฝ่ายสมกันดังนี้ โฮเบี้ยวจึงรีบเข้าวังเฝ้าโฮไทเฮาแล้วทูลตามคำของสิบขันที โฮไทเฮาฟังคำน้องแล้วก็เชื่อตาม
ขงเบ้ง
โฮจิ๋นขอเวลาอ้วนเสี้ยวเพื่อไตร่ตรองคืนหนึ่ง แต่ความจริงหามีความคิดอ่านที่จะไตร่ตรองประการใดไม่ ค่ำลงก็เข้าเฝ้าโฮไทเฮาถึงตำหนัก แล้วว่าจะต้องฆ่าสิบขันทีเสีย หากปล่อยไว้จะเป็นอันตราย
โฮไทเฮาจึงว่าสิบขันทีทำราชการมาแต่ครั้งพระเจ้าเลนเต้ รับใช้ใกล้ชิดเบื้องพระยุคลบาทด้วยความซื่อสัตย์ ทุ่มเททั้งกายใจโดยไม่เห็นแก่ความเหน็ดเหนื่อยของตน หรือความยากลำบากของครอบครัว หาความผิดมิได้ จะฆ่าเสียเป็นการไม่ชอบ ขณะนี้เพิ่งผลัดเปลี่ยนแผ่นดิน ชอบที่จะทำให้เกิดความสงบสุขขึ้นในบ้านเมือง การคิดอ่านฆ่าขุนนางผู้ใหญ่จำนวนมากขนาดนี้ เหมือนแกล้งให้แผ่นดินเป็นจลาจล ใครจะเชื่อว่าตระกูล โฮ เรามีความตั้งใจทำนุบำรุงแผ่นดินให้เป็นสุข อ้วนเสี้ยวเป็นคนเนรคุณ คิดหักหลังตระกูล โฮ ของเราเพื่อชิงราชสมบัติ ถึงวันนั้นวาสนาและยศศักดิ์ของชาวตระกูล โฮ จะเหลืออยู่ได้อย่างไร มีแต่จะพากันเดือดร้อนสิ้น ทั้งสิบขันทีก็มีคุณสนับสนุนคนตระกูล โฮ จนมีอำนาจวาสนาขึ้นถึงเพียงนี้ มาบัดนี้มารดาเราก็ชราแล้ว ได้สิบขันทีเป็นธุระใส่ใจดูแลทั้งการกิน การอยู่ เสียยิ่งกว่าบุตรในอุทร
โฮจิ๋นฟังคำโฮไทเฮาแล้วจำนนต่อถ้อยคำและเหตุผล ประกอบกับความคิดอ่านโลเลเกิดประกายความคิดสงสัยอ้วนเสี้ยวขึ้นมา จึงพรั่นใจหวั่นไหวไปตามคำของโฮไทเฮา ไม่ได้โต้ตอบประการใด แล้วขอตัวกลับมาบ้าน

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา