9 ก.ย. 2020 เวลา 13:48
#จันทร์เจ้าขาบทที่4ตอนที่1,
(9/9/2020)
สวัสดีครับ เพื่อนๆ
ขออนุญาตส่งจันทร์เจ้าขา ให้เพื่อนๆได้อ่านเพลิดเพลิน ในคืนวันพุธนี้นะครับ 😇💙💚❤️
สุขสันต์วันพุธนะครับ
..
..
บทที่ 4 ขจรมาลา
ตอนที่ 1 ปักษาวายุภักษ์(1)
#บริเวณป่าช้าเก่าเวียงกุมกามเมืองเชียงใหม่อำเภอยางเนิ้ง(อ.สารภี)
ทันทีที่เท้าของคุณหนูฆฤณ ก้าวผ่านธรณีประตูล่วงเข้าสู่โลกวิญญาณ..
คุณหนูฆฤณ ก็พบกับความแปลกประหลาดอันน่าตกตะลึงในโลกวิญญาณอยู่หลายประการ..
ประการแรก..โลกวิญญาณ นั้นช่างมีขนาดกว้างใหญ่เกินกว่าที่เคยจินตนาการไว้มากนัก..มันช่างเวิ้งว้าง..
ไกลออกไปสุดลูกหูลูกตา จนดูเหมือนว่า จะใหญ่กว่าโลกมนุษย์อยู่หลายเท่าตัว..
..ท้องฟ้าที่ปรากฏในโลกวิญญาณนั้นเป็นยามราตรี และมีแถบแสงสีเขียวผาดผ่าน (คล้ายแสงขั้วโลก)บนผืนฟ้ายาวจนสุดสายตา..
..ในบางขณะ ก็มีสิ่งมีชีวิตประหลาด บินร่อนผ่านไปมา..และคอยโฉบวิญญาณต่างๆ ที่เดินอยู่นั้น
พาบินลอยจากไป..
ความแปลกประหลาดอีกประการหนึ่งในโลกวิญญาณ..ตามที่ผีนางบัวตองได้บอกเล่า คือ เมื่อเราก้าวล่วงเข้าสู่โลกวิญญาณ.. รูปกายของเราก็จะเปลี่ยนไปเป็นร่างในภพชาติสุดท้าย ..
“คุณหนูฆฤณ..ช่วยหันหลังมองกระผมซักนิดเถิดขอรับ....”
หมอชอว์ เอ่ยร้องเรียกคุณหนูฆฤณอย่างสุภาพ..
“จ๊ะไปใกล้นักเจ้า (อย่าเข้าไปใกล้นะเจ้าคะ)..อ้ายเค้าเป๋นคนธรรพ์น่ะเจ้า (คุณท่านเค้าเป็นคนธรรพ์เจ้าค่ะ)..เดี๋ยวอ้ายเค้าดีดยาเสน่ห์ใส่แม่หญิงเอานะเจ้า..” ผีนางบัวตองฉวยข้อมือคุณหนูฆฤณไว้ และกล่าวเอ่ยเตือนเบาๆ..
ภาพคุณหมอชอว์ที่อยู่ตรงหน้าในขณะนี้ คือชายหนุ่มผิวขาวสูงโปร่ง..ไว้หนวดนิดๆ..กำลังยืนส่งยิ้มนิดๆ ให้ผีนางบัวตองและคุณหนูฆฤณ..ก่อนจะเอ่ยทักว่า..
“ทำไมคุณหนูฆฤณ ถึงมีรูปร่างหน้าตา..ที่ไม่เปลี่ยนไปเลยนะขอรับ..ช่างงามเสมอต้นเสมอปลาย ..งามข้ามภพข้ามชาติ จริงๆเลยนะขอรับ..”
“อันนี้ต้องถามองค์แม่น่ะเจ้า..รีบเตียวไปหาองค์แม่ทางนู้นกันเถิดเจ้า”
ผีนางบัวตองชิงตอบแทนคุณหนูฤณ และจูงมือคุณหนูฆฤณที่อยู่ในชุดเจ้านางทางเหนือ รีบเดินไปหาองค์แม่อย่างรวดเร็ว..
..
..
..
#ณ.ประตูบาดาลเขตเมืองเชียงใหม่ในช่วงราวปีพุทธศักราช 2087
“ขอองค์แม่ อย่าได้ลงโทษน้องหญิงเลย พ่ะย่ะค่ะ..
ด้วยว่าลูกเองเป็นผู้ที่ตามใจน้องหญิง..อนุญาตให้ลงไปเมืองบาดาลตามคำเชิญของจันทมณีเทวี..
หากลูกมิได้อนุญาต.. ก็คงมิได้เกิดเหตุเช่นนี้..
แต่ที่สุดแล้ว น้องหญิงก็กลับขึ้นมาโดยปกติสมบูรณ์ทุกประการ นะขอรับ..ขอองค์แม่ทรงบรรเทาโทษของน้องหญิงให้ลดเบาบางด้วยเถิดพะย่ะค่ะ..”
เจ้าชายเมกุฏิ์หมอบกราบสงบนิ่ง..ขออภัยกับองค์แม่..และรอฟังพระดำรัสอย่างเงียบๆ..
แต่เจ้านางน้อยที่โก่งตัวหมอบกราบอยู่ข้างๆ ก็ไม่อาจทนกับบรรยากาศแห่งความเงียบที่เย้ายวนชวนง่วงนี้ได้ จึงทำสีหน้าง่วงๆ และหาวหวอดเป็น
ระยะๆ ..จนที่สุดจึงหลับผลอย (ม่อยกระรอก)
จนองค์แม่อดที่จะเหลือบมองและอมยิ้มกับอาการของหลานสาวองค์เล็กพระองค์นี้ไม่ได้..
องค์แม่จึงหันมาสอนเจ้าชายเมกุฏิ์ ว่า..
“แม่ชอบใจนัก ที่ลูกชายแม่มีความกล้าหาญในการยอมรับผิดแทนผู้อื่น.. และยอมรับฟังคำตักเตือนเพื่อการแก้ไข..
แต่สิ่งที่แม่ห่วง..มิใช่ ความปรารถนาดีของเจ้านางจันทมณีเทวี ที่มีต่อเจ้าหรือน้อง..ข้อนั้น แม่เองมิเคยกังวลแต่อย่างใด..
แต่ที่แม่ห่วง คือการที่เจ้าใช้ความเชื่อใจนั้น โดยมิได้ไตร่ตรองก่อนว่าสิ่งนี้ ถึงเวลาที่เหมาะสมแล้วหรือไม่..และเจ้าวางใจคนรอบข้างง่ายเกินไป..
ด้วยว่า แม่เลี้ยงเจ้าให้อยู่ท่ามกลางคนที่ดี.. ลูกเอ๋ย ในโลกนี้ หรือ โลกบาดาล ล้วนมีคนไม่ดีปะปนอยู่ เช่นเงามืดที่หลบเร้นจากแสงสว่างนั้น..
ขอเจ้าจงระวังพระญาติสมเด็จพระไชยเชษฐาธิราช ของเจ้าให้ดี ..”
“แต่องค์แม่ขอรับ..” เจ้าชายเมกุฏิ์เอ่ยขัดขึ้น..
“แม่รู้ข้อนั้นดี เมกุฏิ์.. แต่คนที่ยิ่งใกล้ตัวเจ้ามากเท่าใด.. ก็จะยิ่งไม่คำนึงถึงความปรารถนาดี ที่เจ้าหยิบยื่นให้.. คนเหล่านั้นจะชาชินกับความกรุณาของเจ้า และคิดว่า เป็นหน้าที่ของเจ้า..
มากกว่าที่จะมองถึงหัวใจของเจ้า..เฉกเช่น บัวในโคลนตม ต่างจะยิ่งเกี่ยวดึงเจ้ามิให้เจ้าได้บานพ้นน้ำ..
จำคำแม่สอนให้ดีเถิด..
จงระวังสมเด็จพระไชยเชษฐาธิราช พระญาติพระองค์นี้ให้ดี..”
องค์แม่กล่าวเสร็จจึงหันมององค์หญิงน้อยที่เริ่มกรนเบาๆ ..แล้วจึงเอ่ยกับเจ้าชายเมกุฏิ์ว่า..
“ขอจงยกน้องเจ้า อุ้มกลับไปนอนที่เรือนให้ดี เถิด.. อย่าให้มานอนโก่งก้นกราบอยู่เช่นนี้เลย.. จะอายผีฟ้า เทวดาอารักษ์ เสียเปล่าๆ หึหึหึ..”
องค์แม่กลั้นหัวเราะแล้วจึงโบกมือให้เจ้าชายเมกุฏิ์อุ้มองค์หญิง กลับเรือนไป..
..
..
..
#ณ.ประตูวิญญาณฝั่งพระนคร
คุณหนูพาถือตะเกียงมือหนึ่ง แล้วถือปากกาขนนกของหม่อมท่านอีกมือหนึ่ง..แล้วเร่งฝีเท้าเดินตรงไปข้างหน้าอย่างมุ่งมั่น..
ขณะเดียวกันปากกาขนนกนั้น ก็ค่อยๆเรืองแสงขึ้น ตามความเร็วฝีเท้าของหนูพาจนส่องสว่างราวกับแสงจันทร์ทั่วทั้งบริเวณ..
ทันใดนั้น เสียงนกประหลาดก็ดังขึ้นด้านหลังหนูพาดัง “แกร๊วววว!!!”
และบินโฉบลงมา คว้าตัวหนูพา ฟึบเดียวให้ลอยขึ้นไปบนผืนฟ้าแห่งโลกวิญญาณอย่างรวดเร็ว..
คุณหนูพารู้สึกตกใจในตอนแรก.. แต่การโฉบพาคุณหนูพาช่างอบอุ่น คุ้นเคย และทะนุถนอมอย่างยิ่ง..
และเมื่อคุณหนูพาเริ่มชินกับความเร็วของการบินนั้น ก็เริ่มสังเกตว่า ขนของนกชนิดนี้ กับขนนกที่อยู่บนปากกาขนนกของหม่อมท่าน คือ ขนชนิดเดียวกัน..
..
..
จบบทที่ 4 ตอนที่ 1
..
..
#เกร็ดเพิ่มเติม
#ปักษาวายุภักษ์
นกการเวก หรือ ปักษาวายุภักษ์ (แปลว่า "นกกินลม"[1]; สันสกฤต: कलविङ्क; kalaviṅka) เป็นนกในเทพปกรณัมของตะวันออก ปรากฏในป่าหิมพานต์ เรียกกันอีกชื่อหนึ่งในวรรณคดีเรื่อง ไตรภูมิพระร่วงว่า นกกรวิค
นกการเวก หรือ ปักษาวายุภักษ์ ถูกใช้เป็นตราสัญลักษณ์ของกระทรวงการคลังของไทย โดยใช้มาตั้งแต่รัชสมัยรัชกาลที่ 5 โดยมีที่มาจากขนหางของ นกปักษาสวรรค์จากอินโดนีเซีย ที่ประดับบนพระมาลา ที่ได้มาจากชาวอังกฤษที่ทูลเกล้าถวายตั้งแต่ครั้งรัชกาลที่ 4 และถูกใช้มาจนถึงปัจจุบัน
1
ร้อยเรียงเรื่องราว
(T.Mon)
9/9/2020

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา