15 ก.ย. 2020 เวลา 12:22 • ประวัติศาสตร์
เจ้าพระยารามราฆพ (มล.เฟื้อ พึ่งบุญ)
๐ประวัติ๐
เจ้าพระยารามราฆพ เดิมชื่อว่า หม่อมหลวงเฟื้อ พึ่งบุญ เกิดเมื่อวันอาทิตย์ที่ ๕ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๓๓ ตรงกับแรม ๗ ค่ำ เดือน ๑๐ ปีขาล ร.ศ.๑๐๙ ที่บ้านถนนจักรเพชร จังหวัดพระนคร เป็นบุตร พระยาประสิทธิ์ศุภการ (หม่อมราชวงศ์ละม้าย พึ่งบุญ) กับ พระนมทัด (พระนมของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว) มีพี่น้องร่วมมารดา คือ
๑.ท้าวอินทรสุริยา (หม่อมหลวงหญิงเชื้อ พึ่งบุญ)
๒.ท่านเจ้าพระยารามราฆพ
๓.พลตรี พระยาอนิรุทธเทวา (หม่อมหลวงฟื้น พึ่งบุญ)
๔.หม่อมหลวงหญิงถนอม พึ่งบุญ
เข้ารับการศึกษาที่โรงเรียนวัดบพิตรพิมุข และโรงเรียนข้าราชการพลเรือน (จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย) เมื่อ พ.ศ.๒๔๔๘ และได้ถวายตัวเข้ารับราชการในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ สยามมกุฎราชกุมาร (รัชกาลที่ ๖) ตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๔๕๑ ครั้นในงานบรมราชาภิเษก เป็นพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๕๓ ก็ได้มีหน้าที่เชิญพระแสงขรรค์ชัยศรี ยืนหลังที่ประทับตลอดพระราชพิธี ด้วยเหตุนี้เมื่อทรงจัดตั้งกองเสือป่า จึงพระราชทานธงประจำตัวกองเสือป่า ให้ท่าน เป็นรูปเทพยดา เชิญพระแสงขรรค์ชัยศรี ขนพื้นสีแดง (ถ้าไม่มีเชื้อราชตระกูล ใช้รูปมานพ) ตลอดเวลาที่รับราชการ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ถวายงานใกล้ชิด โปรดให้เป็นหัวหน้าห้องพระบรรทม นั่งร่วมโต๊ะเสวยทั้งมื้อกลางวันและกลางคืนตลอดรัชกาล และตามเสด็จโดยลำพัง
บรรดาศักดิ์
- ๓๐ ธันวาคม พ.ศ.๒๔๕๓ เป็น นายขัน หุ้มแพร (อายุ ๒๐ ปี)
- ๑๘ พฤษภาคม พ.ศ.๒๔๕๔ เป็น จ่ายง (อายุ ๒๑ ปี)
- ๒๕ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๕๔ เป็นเจ้าหมื่นสรรเพธภักดี (อายุ ๒๑ ปี)
- ๒๗ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๕๕ เป็นพระยาประสิทธิ์ศุภการ เช่นเดียวกับบิดา (อายุ ๒๒ ปี)
ต่อมาวันที่ ๑๑ พฤศจิกายน ปี พ.ศ. ๒๔๖๔ ขณะอายุได้ ๓๑ ปี มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้สถาปนาพระยาประสิทธิ์ศุภการ ขึ้นเป็นเจ้าพระยารามราฆพ มีสมญาจารึกในสุพรรณบัฎว่า
"เจ้าพระยารามราฆพ พัชรพัลลภมหาสวามิภักดิ์ สมัครพลวโรปนายก สุรเสวกวิศิษฏ์คุณ พึ่งบุญพงศ์บริพัตร นฤปรัตนราชสุปรีย์ ศรีรัตนไตรสรณธาดา เมตตาภิรัตมัทวสมาจาร สัตยวิธานอาชวาธยาศัย อภัยพิริยบรากรมพาหุ คชนาม" มีศักดินา ๑๐๐๐๐
ได้รับพระบรมโองการ ต่อจากเจ้าพระยาราชศุภมิตร (อ๊อด ศุภมิตร) และก่อนเจ้าพระยาพลเทพ (เฉลิม โกมารกุล ณ นคร) กล่าวกันว่าเจ้าพระยารามราฆพเป็นเจ้าพระยาที่มีอายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์การแต่งตั้งของกรุงรัตนโกสินทร์
หลังการสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อถวายพระเพลิงพระบรมศพแล้ว เจ้าพระยารามราฆพ จึงออกไปศึกษาต่อที่ประเทศอังกฤษ จนเปลี่ยนแปลงการปกครอง ถึง พ.ศ. ๒๔๗๗ จึงเดินทางกลับประเทศไทย ได้พำนักอยู่ที่บ้านบุญญาศรัย ถนนราชดำริ ๑ ปี จึงมาพำนักที่บ้านนรสิงห์ ถึงปี พ.ศ. ๒๔๘๔ ขายบ้านนรสิงห์ให้รัฐบาล แล้วย้ายไปพำนักที่บ้านท่าเกษม ตำบลบางขุนพรหม ถึงปี พ.ศ. ๒๕๐๕ จึงขายบ้านท่าเกษมให้กับธนาคารแห่งประเทศไทย (เป็นโรงพิมพ์ธนบัตร ในปัจจุบันนี้) ท้ายที่สุด ในรัชกาลปัจจุบัน ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานบ้านให้พำนัก ที่ถนนเจริญนคร ฝั่งธนบุรี ท่านขนานนามบ้านนี้ว่า "บ้านพระขรรค์ชัยศรี" และพำนัก ณ ที่นี้จนถึงอสัญกรรม
ด้านการเมือง ท่านได้รับแต่งตั้งเป็นนายกเทศมนตรีเทศบาลนครกรุงเทพฯ คนแรก เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๘๐ โดยมีพระยาภะรตราชา (หม่อมหลวงทศทิศ อิศรเสนา) เป็นปลัดเทศบาลนครกรุงเทพฯ คนแรก
เมื่อพ้นจากตำแหน่งนายกเทศมนตรีแล้ว เจ้าพระยารามราฆพคงเป็นข้าราชการบำนาญและเป็นที่ปรึกษาราชการในพระราชสำนักต่อมาจนถึงสมัยหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ใน พ.ศ. ๒๕๐๖ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบันทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดระเบียบสำนักพระราชวัง ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เจ้าพระยารามราฆพ รับราชการในหน้าที่ สมุหพระราชวัง และ ประธานกรรมการพระราชสำนัก นอกจากนั้นท่านยังได้สนองพระเดชพระคุณในหน้าที่ต่างๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวอีกหลายหน้าที่ เช่น เป็นสภานายกสภาลูกเสือแห่งชาติ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิและอุปนายกในคณะกรรมการอำนวยการวชิราวุธวิทยาลัย กับยังเป็นประธานกรรมการ ในบริษัทเอกชนอีกหลายบริษัท ที่สำคัญ คือ เป็นผู้ริเริ่มจัดตั้ง ธนาคารกรุงเทพ
ด้านชีวิตครอบครัว ท่านเจ้าพระยารามราฆพ ได้รับพระมหากรุณาธิคุณ สมรสพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว กับ คุณหญิงประจวบ สุขุม ต.จ. ธิดาของมหาอำมาตย์นายก เจ้าพระยายมราช และ ท่านผู้หญิงตลับ (สกุลเดิม ณ ป้อมเพ็ชร) ณ พระที่นั่งบรมพิมาน เมื่อ วันที่ ๑๘ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๖๗ และสมรสกับภรรยาท่านอื่นๆ รวมมีบุตร-ธิดา ๓๔ ท่าน ดังนี้
- มีบุตร-ธิดา ๒ ท่าน กับ คุณหญิงประจวบ สุขุม (สมรสพระราชทาน) ดังรายนามต่อไปนี้
๑.คุณรุจิรา อมาตยกุล
๒.คุณมานน พึ่งบุญ ณ อยุธยา
- มีบุตร-ธิดา ๗ ท่าน กับ คุณนงคราญ พึ่งบุญ ณ อยุธยา ดังรายนามต่อไปนี้
๑.คุณสุรางค์
๒.คุณโสภางค์พึงพิศ
๓.คุณจิตอนงค์
๔.คุณบุษบงรำไพ
๕.คุณอนงค์ในวัฒนา
๖.คุณปิยานงราม
๗.คุณความจำนงค์
-มีบุตร-ธิดา ๙ ท่าน กับ คุณบุญเรือน พึ่งบุญ ณ อยุธยา ดังรายนามต่อไปนี้
๑.คุณพัฒนา
๒.คุณบุษบานงเยาว์
๓.คุณเชาว์ชาญบุรุษ
๔.คุณพิสุทธิอาภรณ์
๕.คุณบทจรพายัพทิศ
๖.คุณจักรกฤษณ์กุมารา
๗.คุณวนิดาบุญญาวาศ
๘.คุณพรหมาศนารายณ์
๙.คุณเจ้าสายสุดที่รัก
1
- มีบุตร-ธิดา ๗ ท่าน กับ คุณพิศวาส พึ่งบุญ ณ อยุธยา ดังรายนามต่อไปนี้
๑.คุณศิริโสภา
๒.คุณดวงสุดาผ่องศรี
๓.คุณกุมารีหริลักษณ์
๔.คุณทรงจักรวรภัณฑ์
๕.คุณรามจันทร์วรพงษ์
๖.คุณภุชงค์บรรจถรณ์
๗.คุณจันทรรัศมี
- มีบุตร-ธิดา ๖ ท่าน กับ คุณถนอม พึ่งบุญ ณ อยุธยา ดังรายนามต่อไปนี้
๑.คุณระฆุวงศ์
๒.คุณนีละพงษ์อำไพ
๓.คุณไกรกรีกูร
๔.คุณประยูรกาฬวรรณ
๖.คุณนวลจันทร์ธิดาราม
๗.คุณโสมยามส่องฟ้า
- มีบุตร-ธิดา ๓ ท่าน กับ คุณพยุงวดี พึ่งบุญ ณ อยุธยา ดังรายนามต่อไปนี้
๑.คุณสู่นคเรศ
๒.คุณทักษิณีเขตจรดล
๓.คุณอำพลปนัดดา
ในบั้นปลายชีวิต นอกจากการรับราชการแล้ว ท่านเจ้าพระยารามราฆพ ก็ใช้ชีวิตอยู่กับบ้าน ท่านมีกิจวัตรประจำวัน คือ การจดบันทึก ซึ่งทำมาตั้งแต่อยู่ในมัธยมวัย จนถึงอสัญกรรม นอกจากนี้ก็เพลิดเพลินอยู่กับการบำรุงดูแลเรือ ทั้งเรือยนต์และเรือกล อันเป็นของชอบของท่านตั้งแต่ยังรับราชการ และไปพักตากอากาศที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ทุกๆปี
๐วันเวลาแห่งการอสัญกรรม๐
พลเอก เจ้าพระยารามราฆพ ถึงอสัญกรรมด้วยโรคหัวใจ ณ ตึกธนาคารกรุงเทพ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ เมื่อวันที่ ๒๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๑๐ สิริรวมอายุได้ ๗๗ ปี
๐ความสัมพันธ์กับบ้านนรสิงห์ (ปัจจุบันเป็นทำเนียบรัฐบาล)๐
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้สร้างบ้านนรสิงห์ พระราชทานแก่พระยาประสิทธิ์ศุภการ ซึ่งต่อมาในปี พ.ศ.๒๔๘๔ ท่านได้เสนอขายบ้านนี้ให้แก่รัฐบาล เนื่องจากไม่สามารถรับภาระการดูแลบำรุงรักษาได้ ในเดือนกันยายน พ.ศ. ๒๔๘๔ จอมพล ป.พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรี เห็นว่าควรซื้อบ้านนรสิงห์เพื่อทำเป็นสถานที่รับรองแขกเมือง รัฐบาลได้ให้สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์เป็นผู้ซื้อบ้านหลังนี้ มอบให้สำนักนายกรัฐมนตรีเป็นผู้ดูแล ใช้เป็นสถานที่สำหรับรับรองแขกเมืองและย้ายสำนักนายกรัฐมนตรี จากวังสวนกุหลาบ มาอยู่ที่นี่
บ้านนรสิงห์ เปลี่ยนชื่อเป็น "ทำเนียบสามัคคีชัย" เมื่อ พ.ศ. ๒๔๘๔ และต่อมาในปี พ.ศ.๒๕๑๒ ได้ซื้อขายโอนกรรมสิทธิ์ จากสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ เป็นของสำนักนายกรัฐมนตรี และเปลี่ยนชื่อเป็น "ทำเนียบรัฐบาล"
ขอบคุณข้อมูลจาก
สารานุกรมเสรี วิกีพีเดีย

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา