Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
นิ้วโยก Moving_Finger
•
ติดตาม
19 ก.ย. 2020 เวลา 16:28 • นิยาย เรื่องสั้น
EP 0: สวัสดีครับ นี่คือเรื่องราวของหนุ่มเมืองกรุงที่หลงทางไปหาความฝันอยู่ที่เมืองนิวยอร์ก หรือที่คนไทยหลายคนเรียกว่านิ้วโยก มันเป็นเรื่องของหนุ่มอาชีพผู้กำกับที่ไม่รักดีเท่าไหร่ อยู่ ๆ อยากจะเลิกทำงาน ก็บอกขอลา โดยอ้างว่าจะมาเรียนซะอย่างนั้น จากมือที่เคยถือสคริป์ ถือกล้อง ถือปากกา ก็กลายมาเป็นถือถาด ถือจาน เสิร์ฟอาหารไปซะอย่างนั้น ส่วนไอ้ที่ตอนแรกเริ่มที่วางเอาไว้ว่าจะมาเรียนภาษาขำ ๆ สักหกเดือน ก็ขอเลื่อนมาเป็นปีนึง ต่อมาก็กลายเป็นสองปี ต่อมาเป็นห้าปี รู้สึกตัวอีกที อ้าว! เฮ้ย! ไม่เหมือนที่คุยกันไว้นี่นา… อยู่มาสิบกว่าปี หลงทาง กลับบ้านไม่ถูกซะแล้ว!
เมื่ออยู่มานานจนเป็นหลักศิลาให้เด็กรุ่นแล้วรุ่นเล่า มาไหว้มาเซ่นขนาดนี้ แถมตอนนี้เรียกได้ว่าผ่านประสบการณ์การทำงานมาอย่างโชกโชน ทั้งร้านอาหารไทย จีน ญี่ปุ่น ผ่านมาหมดแล้วทุกตำแหน่งในร้านอาหาร เริ่มตั้งแต่เป็นคนล้างจาน, คนปรุงอาหาร, คนส่งอาหาร, เด็กเก็บจานหรือ Bus boy, เด็กเสิร์ฟ, ผู้จัดการ, หรือแม้กระทั่งเป็นนินจา! ส่วนงานนอกร้านอาหารก็ทำไปหมดอย่างเป็นคนเปิดเพลงคาราโอเกะ, ตากล้อง, คนตัดต่อวิดีโอ, ผู้ช่วยอาจารย์, ผู้บรรยายพิเศษ, นักเต้น, พระเอกมิวสิควิดีโอ ก็ทำมาหมดแล้ว
ด้วยความหลากหลายในการทำงานจึงทำให้ผมได้เปิดโลกทัศน์มากมาย แถมทำให้ผมได้มีโอกาสที่ได้พบปะผู้คนจำนวนไม่น้อย ได้แอบเผือกรับรู้รับฟังเรื่องราวต่าง ๆ มามากมาย 555 บางทีถึงขนาดได้รับคำชม คำชวนให้ไปท้าชกปากกันข้างนอกเลยก็มี แต่อย่างไรก็ดี ผมมีความมั่นใจว่าเรื่ิองราวที่เกิดขึ้นทั้งหมด มันมีความน่าสนใจ หลากหลายรสชาติคละเคล้ากันไปหมด ดราม่ามั่งก็มี สนุกสนานเว่อวังก็เยอะ ชวนหัวให้ทั้งขบขันและปวดเศียรก็บ่อย ผมก็เก็บเอาเรื่องราวต่าง ๆ เหล่านั้นใส่ขวดกาลเวลาบ่มเอาไว้รอวันที่ดีกรีความเข้มข้นมันถึงใจก็ว่าจะเปิดออกมาแบ่งเพื่อนพี่น้องร่วมโลกทั้งหลาย ให้ได้ลองอ่านลิ้มชิมรสกัน
ก่อนจะเล่าเรื่อง ก็ขอเกริ่นก่อนถึงที่มาว่าเรื่อง "เอ็น.วาย.กู." มันเกิดขึ้นได้อย่างไร บอกไปใครก็คงไม่เชื่อว่า ก่อนจะตัดสินใจมาที่นิวยอร์กนั้นผมมีแผนจะไปเมืองจีน! อาจจะเป็นเพราะว่าผมอยากจะรู้จักรากเหง้าของตัวเองว่าเป็นยังไง หรืออาจจะเป็นเพราะว่าเสป็คของผมคือ ขาว หมวย สวย อึ๋ม! ซึ่งเป็นสเปคในฝัน ร้อยละ90 ของชายไทย เห็นตามเว๊ปข่าวคาวทั้งหลาย อย่างน้องซูฉีหรือจะเป็นน้องลี โนตม ซึ่งน่าร๊ากทั้งน้านนน… ประชากรเมืองจีนก็มีตั้งหลายพันล้านคน มันต้องมีหล่นมาหาผมซักคนล่ะวะ! ผมจึงได้ทำการเตรียมตัวหัดเรียนภาษาจีนก่อนเป็นเวลาเกือบหนึ่งปี จนเริ่มจะมั่นหน้าได้ว่า พูดคุยได้นิดหน่อย พอใช้สื่อสารได้ ไม่อดตายในแผ่นดินปู่ย่าเป็นแม่นมั่น แต่ทุกอย่างมันตาลปัตรกลับกลายจากสาวหน้าหมวย ผมดำ กลายมาเป็นสาวผมบลอนด์ ตาสีน้ำข้าวด้วยเพียงแค่หนึ่งประโยค ผมจะเล่าให้ฟังครับ
วันนั้นเป็นเวลาช่วงบ่ายแก่ ๆ ของวันอังคาร ผมแวะกลับมาที่บ้านหลังจากที่ไปเรียนภาษาจีนตามปรกติ วันนี้ผมตั้งใจจะมาคุยกับคุณแม่เพื่อจะแจ้งว่า ผมตัดสินใจจะเดินทางไปเรียนภาษาต่อที่เมืองจีน จะเรียนภาษาทั้งที มันก็ต้องไปที่บ้านเกิดของภาษาใช่ไหมครับ รับรองไม่นานเห็นผลแน่นวล เห็นแม่นั่งอยู่ที่ห้องทำงานชั้นล่างเตรียมตัวเก็บบิลกับน้องชายที่นั่งอ่านหนังสือการ์ตูนรอเวลาปิดร้านตอนห้าโมงเย็น ผมเปิดประตูเข้าบ้าน
“ม๊า หวัดดีครับ” ผมทัก
“อือ” แม่ตอบรับคำ แบบที่ไม่ได้เงยหน้ามาจากพวกกองบัญชีที่อยู่ตรงหน้า
“ผมมีเรื่องจะคุยกับม๊าหน่อยครับ” ผมบอก พร้อมทำเสียงขรึมขึ้นมาทันที แม่หยุดทำงานหันมามองหน้า พร้อมกับทำหน้าอย่างสงสัย อารมณ์ประมาณว่า ลื้อมีเรื่องอะไรจะคุยกับอั๊ววะ ไอ้ตี๋ แต่ไม่ว่าลื้อจะคุยอะไรก็ตาม ปรกติมันก็ไม่ค่อยจะดีกับอั๊วเท่าไหร่เล๊ยยยย ผมเดาจากหน้าแม่ล้วน ๆ 555
“ผมว่าจะไปเรียนภาษาต่อที่เมืองจีนสักหกเดือนครับ ม๊าโอเคป่าว” ผมพูดไปแบบเรื่อย ๆ เหมือนไม่ใช่เรื่องอะไรใหญ่โต จริง ๆ มันก็ธรรมดานะ ตอนนั้นผมอายุ 27 จะไปเรียนภาษาต่อ เพิ่มเติมโอกาสการทำงานก็ไม่เลวนี่ จริงไหม แต่แค่มันมาแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยแค่นั้นเองน่ะแหละ น้องชายเงยหน้าจากหนังสือการ์ตูนมามอง เหมือนไม่อยากเชื่อ ว่าจู่ ๆ ผมจะบอกว่าจะไปต่างประเทศ แต่แม่ไม่ได้มีอาการตื่นเต้นหรือตกใจอะไรเลยครับ
“ก็ดีนะ” แม่ตอบมาน้ำเสียงธรรมดา ก่อนจะหันกลับไปหาสมุดบัญชีต่อ ผมยังงง ๆ คำว่า ‘ก็ดีนะ’ มันแปลว่าเห็นดีงามด้วยหรือไม่เห็นด้วยหว่า ขณะที่ผมกำลังคิดอยู่นั้น แม่ก็เสริมต่อว่า
“แต่ไปอเมริกาไม่ดีกว่าเหรอ อากู๋ลื้อก็อยู่ที่นั่นด้วย” แม่บอก
“อะ...อเม...อเมริกาเหรอครับ” ผมตอบแบบติดอ่าง ทวนชื่อประเทศที่เคยได้ยินอยู่บ่อย ๆ แต่ไม่ได้รู้จักอะไรมากนัก รู้แค่ว่าเป็นมหาอำนาจเบอร์หนึ่งของโลก เป็นประเทศที่ผลิตอาวุธสงครามขายเป็นอันดับหนึ่งของโลก เวลาว่างก็ทำตัวเป็นตำรวจโลกเข้าไปแทรกแซงการเมืองภายในของประเทศที่อ่อนแอกว่า เป็นมาเฟียผู้ซึ่งทำตัวเยี่ยงพลเมืองดี เหมือนนักการเมืองประเทศไหนซักทีนี่แหละ! แม้จะจำได้แต่เรื่องที่ไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่ แต่คำว่าอเมริกามันน่าสนใจมากกว่าประเทศจีนยังไงก็ไม่รู้สินะ
“แล้วอากู๋เขาอยู่เมืองไหนเหรอครับ” ผมถามต่อ
“กู๋อยู่นิวยอร์กไง ปีก่อนกู๋ยังแวะมาหาม๊าเลย นี่เฮียไม่รู้เรื่องเลยเหรอ?” น้องชายตอบแทนแม่ให้
“ก็อั๊วไม่เคยเจอเลยแล้วจะไปรู้ได้ไงล่ะ” ผมตอบน้องไป ก่อนจะพูดต่อ
“อืม...งั้นผมไปนิวยอร์กแทนแล้วกันครับม๊า โอเคนะ ตามนั้น” ผมคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเปลี่ยนใจ หักรถเลี้ยว U-turn ซะงั้น! เมืองนิวยอร์กที่ผมเห็นในหนังมามากมาย เมืองที่ไม่เคยหลับใหล เมืองที่เหล่านักล่าฝันมาตามหาอเมริกันดรีม มันไม่ต้องเลือกอะไรแล้วล่ะครับ ขอโทษด้วยนะน้องหมวยทั้งหลาย อย่างพี่อ็อตโต้ เก้านิ้วเนี่ย มันต้องไปหาแหม่มตาน้ำข้าว หัวทองบน หัวทองล่างว๊อยยย วุ๊ย แค่คิดก็ฟินแล้ว! 555 นิวยอร์กจ๋ารอพี่ก่อนนะจ๊ะ ผมเปลี่ยนใจแบบตีโค้ง 360 องศาทันทีเลย หลายคนอาจสงสัย เฮ้ย! เอ็งเรียนภาษาจีนมาเป็นปี ๆ จะมาทิ้งง่าย ๆ อย่างนี้หรอ คือ โปรดทำความเข้าใจก่อนว่า ความรู้นั้นมันติดตัวเราตลอดเวลา ผ่านไปปีสองปีผมก็จำได้ไม่ลืมหรอก เชื่อซิ๊ (เสียงสูง) ไปเรียนภาษาอังกฤษซึ่งเป็นภาษาสากลของโลกเราก่อน แล้วค่อยกลับมาเรียนภาษาจีนก็ยังได้ เข้าใจม๊ะ!
แต่ใครจะไปรู้ล่ะครับว่า หลังจากนั้นมันจะกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการเดินทางจากบ้านอันแสนยาวนานของผม จากตั้งไว้ว่าจะเรียนภาษาสักหกเดือน ก็กลับกลายเป็นหนึ่งปี เป็นสองปี เป็นห้าปี เป็นสิบปี จนตอนนี้อย่าถามเลยว่าอยู่นิวยอร์กมากี่ปีแล้ว ถามว่ากูจะอยู่ที่นี่อีกกี่ปี ยังตอบง่ายกว่า!
ก็อยู่นิวยอร์กมานานขนาดนี้ หลังจากเอาเรื่องราวประสบการณ์ต่าง ๆ ที่ผมพบเจอมาบ่มลงในขวด ผ่านมาเนิ่นนานเป็นทศวรรษจนดีกรีเริ่มได้ที่ ก็ถือเป็นวาระดีที่ผมจะเปิดขวด (เล่า) เอาเรื่องราวมาทั้งหลายเหล่านั้นออกมาหาแดก! เอ๊ย ไม่ใช่ ๆ เอามาเล่าสู่กันฟังต่างหาก โดยไม่ได้หวังว่ามันจะทำให้ร่ำรวยอะไรกับเขาหรอกนะ เพราะถ้าอยากรวย ผมกลับไทยไปเป็นสมัครเป็น ส.ส. ดีกว่า! รวยกว่ากันเยอะ โดยที่ผมมีความเชื่อว่าเรื่องราวต่างๆ ที่ผมเจอมานั้น มันมีสาระและความสนุกคละเคล้าไปด้วยเสียงหัวเราะที่บางทีก็แอบทำให้น้ำตาซึมได้
แค่ชื่อ 'นิวยอร์ก' มหานครที่คนทั้งโลกใฝ่ฝันว่า ในชีวิตนี้จะต้องมาเยือนให้ได้สักครั้ง เมืองที่ตอนแรกผมกะแค่ว่าจะมาเรียนภาษาชุบตัวสั้น ๆ กลับกลายเป็นว่ามันคือ มหา’ ลัยชีวิต โดยมีร้านอาหารชาติต่าง ๆ ที่เปรียบเสมือนกับคณะเรียนในรั้่วมหา’ ลัย มีนักศึกษาหลากหลายเชื้อชาติ ทุกเพศ ทุกวัย ตั้งแต่วัยเด็กอายุ18 ยันนักศึกษารุ่นเดอะ ที่ยังเรียนไม่จบ ทั้ง ๆ ที่อายุถึงขนาดเข้าวัยเกษียณแล้วก็ยังมี แต่ละคนก็ต่างวาระผลัดกันแวะมาลงทะเบียนเรียนกันที่เมืองนี้ไม่จบสิ้น ผู้คนเหล่านี้และเรื่องราวเหล่านี้ มันเป็นทั้งวัตถุดิบชั้นดี และก็เป็นแรงบันดาลใจให้กับผมในการเขียน 'เอ็น.วาย.กู. New York Kitchen University' หรือนิวยอร์กของผมก็ว่าได้
แล้วก็ด้วยประสาของคนปากอยู่ไม่สุข บางครั้งผมก็อดไม่ได้ที่ต้องเหน็บแหนมประเทศสารขัณฑ์ บ้านเกิดเมืองนอนถึงความเจริญฮวบ ๆ อย่างไม่กลัวโดน ม. 44 ยัดใส่รูอธิปไตยตรงง่ามก้นผมเลยเชียว
หมายเหตุว่า เรื่องราวที่เกิดขึ้นในทั้งหมดนี้ ล้วนมีที่มาจากเหตุการณ์จริง จากโครงเรื่องที่เกิดขึ้นจริงโดยที่ไม่ได้มีการปรุงแต่งอะไรหากไม่มีความจำเป็น เพียงเพื่อสาระและความบันเทิงเท่านั้นนะครับ โดยผมก็ต้องขออนุญาตที่จะต้องดัดแปลง บางส่วนบางตอน เพื่อปกป้องชื่อเสียงของทั้งผู้คนและสถานที่ทั้งหลายที่ถูกกล่าวถึงในเรื่องนะครับ อ่านให้สนุกนะครับ
สวัสดีครับ
บันทึก
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
นิวยอร์กกู New York Kitchen University
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย