Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
นิ้วโยก Moving_Finger
•
ติดตาม
30 ก.ย. 2020 เวลา 18:33 • นิยาย เรื่องสั้น
EP 1: หางาน
วันที่ 15 ธันวาคม ครบรอบอีกหนึ่งปีของการใช้ชีวิตของผมที่นิวยอร์ก จากวันแรกที่ผมมาถึงในปี 2006 จนวันนี้อยู่มาเป็นที่เท่าไหร่แล้ว ผมก็ไม่อยากจะจำเพราะแมร่งนานเหลือเกิน นิวยอร์กให้อะไรผมมามากมาย ได้เพื่อนใหม่ ได้ความคิดทัศนะคติและมุมมองใหม่ ๆ ได้เจอชีวิตใหม่ รักใหม่ บ้างก็รักเก่าของเขา แต่ก็เป็นรักใหม่ของเรา 555
แต่แม้ว่าเวลาจะผ่านมานานเป็นทศวรรษแล้วก็ตาม อะไร ๆ ก็เปลี่ยนไปมากมาย จากวันที่มาแรก ๆ ไม่มีอินเตอร์เน็ตจะใช้ จะโทรกลับเมืองไทยยังต้องอาศัยการขูดบัตรเติมเงิน แต่มันก็ยังมีอะไรที่เหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยนเช่นกัน คือ การที่ได้เห็นพี่น้องคนไทย ทุกเพศ ทุกวัย รุ่นแล้วรุ่นเล่า ที่เดินทางมายังเมืองนี้เพื่อหาทางไปต่อในชีวิต บ้างมาเรียนต่อ บ้างมาทำงานหาเงิน หรือเพื่อจุดหมายอื่น ๆในชีวิต สารพัดสารพันปะปนกันไปหมด แต่ที่เหมือนกันคือ ไอ้ที่อยู่ยาว ๆ หน่อยก็กลายคนเก่าคนแก่ เป็นเจ้าพ่อเจ้าแม่ไป ส่วนพวกที่อยู่ไม่ไหว ต้องระเห็จจากไป ก็ให้เห็นอยู่เรื่อย ๆ แต่พวกคนหนุ่มสาวเหล่านี้แหละที่เป็นเหมือนแหล่งพลังงาน ใส่สีสัน ขับเคลื่อนให้เมืองนิวยอร์กยังคงเป็นเมืองศิวิไลซ์อันดับต้น ๆ ของโลกต่อไป
พูดถึงเรื่องราวชีวิตการทำงานก่อนก็แล้วกัน ต้องยอมรับว่าเราคนไทย ร้อยละ เก้าสิบเก้าที่เดินทางมาที่นิวยอร์ก ถ้าไม่ได้เป็นหนึ่งเปอร์เซ็นที่คาบช้อนเงินช้อนทอง หรือคาบบิตคอยน์มาเกิดแล้วล่ะก็ ต่างก็ต้องทำงานที่นี่เพื่อหาเงินมาดำรงชีวิต แล้วงานอะไรล่ะ ที่คนไทยอย่างเรา เขาทำกันที่เมืองนี้.... ไม่บอกก็คงพอเดากันได้ ชื่อเรื่องก็บอกอยู่ทนโท่แล้วว่า เอ็น.วาย.กู. New York Kitchen University ก็ต้องเป็นงานห้องครัว งานร้านอาหารยังไงล่ะ ต้องถือว่าเป็นหนึ่งในความโชคดีของประเทศไทยเราจริง ๆ ที่แม้จะมีนักการเมืองห่วย ๆ เต็มสภาไปหมด หรือจะเกิดรัฐประหาร ทหารปกครอง จนแทบจะเป็นเรื่องปรกติ มีอุทกภัยน้ำท่วม มีไฟไหม้ป่า มีเสือดาวถูกยิงตาย มีคนฆ่าคนตายและหนีคดีจนคดีหมดอายุความได้ มีรัฐมนตรีที่แยกไม่ออกระหว่างแป้งกับเฮโรอีน มีคุกที่เอาไว้ขังคนจนและหมา และอีกสารพัดแห่งความห่วยแตก!
แต่คนไทยเราก็ยังมีความโชคดีอยู่อย่างหนึ่ง นั่นคืออาหารไทยแมร่งโคตรจะดัง! โคตรจะเป็นที่นิยม! คือ นอกจากเทคนิคการปาลูกดอก เปิดขวดเบียร์หรือฉีกทุเรียนแล้วเนี่ย ทั้งโลกต่างก็รู้จักประเทศไทยจากอาหารไทยนี่แหละครับ บุญของเราจริ๊ง ๆ (เสียงสูง)
อาหารไทยนั้นนับได้ว่ามีความนิยมเป็นอันดับต้นของนิวยอร์กเลย จากที่เคยหาข้อมูลทำรายงานก็เจอว่า ในนิวยอร์กมีร้านอาหารไทยไม่ต่ำกว่า 1,200 ร้าน คือมีแทบจะทั่วทุกหัวมุมถนนก็ว่าได้ แล้วเมื่อเป็นร้านอาหารไทยก็มักจะมีพ่อครัวแม่ครัวหรือเจ้าของร้านเป็นคนไทยใช่ม่ะ มันก็เลยทำให้เราพี่น้องคนไทย ได้มีงานทำมีเงินใช้ ขณะที่พำนักอยู่ในเมืองนิวยอร์กซิตี้ เมืองที่ได้ชื่อว่า ค่าครองชีพสูงเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก ประมาณว่า ค่าเช่าห้องเล็ก ๆ ขนาดสัก 4x4 เมตร แชร์ห้องน้ำ ห้องครัว ก็ตกประมาณ เดือนละ $800 หรือ 25,000 บาท! และแน่นอนว่าในปากผมนั้นนอกจากจะมีหมาอาศัยอยู่สองสามตัว ก็ไม่ยักกะมีช้อนเงิน ส้อมทองอะไรในนั้นเล๊ยให้ตายซิ ฉะนั้นตั้งแต่สัปดาห์แรก ๆ ของการย้ายสำมะโนครัวมาอยู่ที่นิวยอร์กก็เป็นแรงผลักดันให้ผมต้องรีบหางานทำ ไม่งั้้นแดกแกลบ! แล้วตอนนั้นเราจะหางานได้จากที่ไหนได้น่ะเร๊อะ ก็ต้องไปหาที่ร้านน้ำตาลไงล่ะ!
สมัยก่อนนั้นเมื่อปี 2006 สมัยที่ทั้งโลกหรือแม้แต่ในนิวยอร์กเองก็ยังเป็นยุคกึ่ง ๆ Analog ไม่ใช่ Digital จ๋าแบบในปัจจุบัน มันเป็นยุคที่ Iphone ยังไม่เกิดและ Internet ยังเป็นอะไรที่ต้องใช้คอมพิวเตอร์แบบ Desktop ในการที่จะเข้าถึงได้อย่างนั้น การจะหางานทำที่นิวยอร์กนั้น เราคนไทยก็ต้องเดินทางไปหาข่าวสารที่ร้านขายของชำแห่งหนึ่ง ที่ชื่อว่า ‘ร้านน้ำตาล’
ร้านที่มีขนาดเล็กประมาณครึ่งห้องแถว ขนาดกว้างไม่ถึงสามเมตร ในร้านก็จะมีสินค้าจากประเทศไทย ขนม อาหารแห้ง น้ำพริกกระปุกและนิตยสารต่าง ๆ นอกจากของกินก็ยังมีพวกวิดีโอ, VCD, DVD ให้เช่า อารมณ์ประมาณร้านเช่าหนังชุดบ้านเราอะไรประมาณนี้เลย (ดักแก่ชัด ๆ) ของพวกนี้ก็เอาไว้ให้คนไทยได้ซื้อ ไว้กินไว้อ่านให้หายคิดถึงบ้านเรา แต่เห็นราคาแล้วก็หายคิดถึงเหมือนกัน เพราะมันเป็นราคาเงินดอลล่าห์ แถมบวกค่าขนส่งเข้าไปก็แพงหลายอยู่ แต่เหตุผลสำคัญที่ทำให้ร้านน้ำตาลเป็นที่พึ่งพิงของพวกเราคนไทยก็คือ เจ้าบอร์ดประกาศรับสมัครงาน กับอีกบอร์ดอันก็คือบ้านเช่า
บอร์ดสมัครงานก็จะมีข้อมูลงานต่าง ๆ เช่น ร้านอาหารอยู่ที่ไหน รับตำแหน่งอะไร เบอร์โทรอะไร ก็โทรไปสอบถามได้ ถ้าเขาโอเค สนใจก็นัดเข้าไปคุย ไปดูตัวกันได้ จะว่าจ้างหรือไม่นั้นก็ว่ากันไป ผมเองก็เป็นคนนึงที่เดินทางเข้าไปในร้านน้ำตาลแห่งนั้นและก็จดเอาเบอร์โทรศัพท์ของร้านอาหารต่างๆที่เขาประกาศรับสมัครไว้ ขอสารภาพความจริงว่า ผมไม่เคยอุดหนุนร้านน้ำตาลเลย แม้แต่ครั้งเดียว! ก็มันแพงซะขนาดนั้นอ่ะ ใครจะไปซื้อวะ! แต่ยังกล้ามาเล่าให้คนอื่นเขาฟังอีกนะ 555 คือ จะอุดหนุนแต่ละครั้ง ใจมันอดคูณ 30 ตามราคาเงินบาทไม่ได้อ่ะครับ ตอนนั้นก็ตังไม่ค่อยจะมีด้วย หางานคือสิ่งที่ต้องทำก่อนเป็นอันดับแรก ถ้าผมเห็นว่ากระดาษใบไหนเขียนรับสมัครงานเป็น Waiter หรือเด็กเสิร์ฟอาหาร ที่นิวยอร์กเราเรียกกันว่า ‘เว๊ท’ * ผมก็จะจดเบอร์โทรศัพท์เอาไว้ ใจก็ได้แต่คิดว่า สู้โว๊ย! ก่อนจะรวบรวมความกล้า โทรไปขอสมัครงานดู ตื่นเต้นมากเลยครับ
“ตู๊ด ๆ...ตู๊ด ๆ...ตู๊ด ๆ แกร๊ก ฮัลโหล” เสียงป้าแก่ ๆ คนนึงรับ ฟังฮัลโหลแล้วรู้เลยว่าเป็นสำเนียงไทย
“สวัสดีครับ ผมเห็นประกาศรับสมัครเว๊ทที่ร้านน้ำตาลน่ำครับ เลยโทรมาหา” ผมพูดเสียงสั่นเบา ๆ
“ร้านเราได้คนแล้วนะคะ บาย แกร๊ก!” ป้าตอบกลับมา แล้วก็วางหูไปเลย เฮ้ย! คือนี่...ป้าจะรีบไปเชงเม้งที่ไหนวะ! จะคิดสักนิด รอสักหน่อย ให้ผมได้มีเวลาเสียใจไม่ได้เร๊อะ ไม่เป็นไรครับ มันเป็นเรื่องธรรมดา อย่าไปหวั่นไหว มันก็สมเหตุสมผลอยู่นะ ที่เราจะโดนปฏิเสธ มันคงไม่ใช่ว่าเขาจะรับเราตั้งแต่ร้านแรกที่เราติดต่อไปล่ะนะ ผมสูดลมหายใจลึก ๆ อีกครั้ง ก่อนกดหมายเลขโทรศัพท์เบอร์ต่อมา
“ตู๊ด ๆ...ตู๊ด ๆ...ตู๊ด ๆ... แกร๊ก Hello, Krow Kaw Thai. How may I help you?” คราวนี้เสียงเป็นผู้ชายครับ ฟังแล้วน่าจะรุ่นประมาณ 30-40 สำเนียงฝรั่งมาแบบเต็ม ๆ พอได้ฟังแล้ว ก็เกิดอาการประหม่าขึ้นมาทันที
จะว่าไป ผมเองก็เริ่มเรียนภาษาอังกฤษมา ตั้งแต่ป.1 จนถึงมหาวิทยาลัยเป็นเวลา 20 กว่าปีได้ รวมกับที่ดูหนังฝรั่งต่างชาติเสียงต้นตำรับ ซับไทยมาอีกเป็นร้อย ๆ เรื่อง แต่วิชาภาษาอังกฤษผมกลับห่วยขั้นเทพ แบบไม่ต้องพูดถึงเลย ถ้าไม่สอบตกติด F ก็คาบเกรด D.Dog มาได้แบบหวุดหวิด บนบานศาลเจ้า หน้ามหา'ลัยก็หลายครั้งอยู่ ได้ผลมั่ง ไม่ได้มั่ง ถุ๊ย! เรื่องพูดอังกฤษเนี่ยอย่าว่าแต่ Snake snake fish fish เลย แค่ A-Z ได้ก็บุญโขแล้วคร้าบ ไม่ได้ว่าระบบการศึกษาของประเทศไทย หรือกระทรวงการศึกษา มันผิดที่ตัวบุคคล ผิดที่ตัวกูคนเดียวจริงจริ๊ง (เสียงสูงปรี๊ด!) ผมรวบรวมความกล้า ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ ก่อนตอบกลับไปแบบที่ใช้ภูมิความรู้ภาษาอังกฤษทั้งหมดที่ศึกษามาเป็นยี่สิบปี
“เอ่อ... ฮัลโหล ไอ คอล ยู ฟอ อะ จ๊อบ” ผมตอบ แบบที่เรียกว่าบ้านมาก ถ้าให้ถูกหลัก น่าจะต้องพูดว่า I'm looking for a job. Are you hiring? แต่ ณ ตอนนั้น ผมว่าผมตอบไปดีแล้วนะ 555
“....” เงียบไม่มีเสียงตอบรับจากทางนู้น มันอาจจะสั้นแค่เพียงวินาที แต่สำหรับผม ความรู้สึกมันยาวนานเหมือนชั่วโมงเลยล่ะครับ
“คนไทยเหรอครับ” เสียงฝั่งตรงข้ามเปลี่ยนมาเป็นสำเนียงไทยแบบชัดเป๊ะเกินปรกติ
“อ่ะ ใช่ครับ ผมเห็นประกาศรับสมัครพนักงานที่ร้านน้ำตาลน่ะครับ” ผมตอบ รู้สึกคลายความประหม่าไปได้เยอะเลยเมื่อได้ยินภาษาไทยกลับมา
“ว่างวันไหนบ้างครับ” เสียงตามสายถามมา
“ว่างทุกวันเลยครับตอนนี้” ผมตอบ ก็แหงล่ะ โรงเรียนยังไม่เปิด งานก็ไม่มี ต้องว่างทุกวันไว้ก่อนล่ะครับ พี่ให้ผมทำทั้งวันทั้งคืนผมก็ทำหมดล่ะครับ
“แล้วน้องพูดภาษาอังกฤษได้ใช่ไหมครับ” คนรับโทรศัพท์ถามกลับมาเสียงเข็ม ๆ ขึ้นมานิดนึง
“เอ่อ พอพูดได้ครับ ผมมาเรียนภาษาต่อด้วยน่ะครับ” ผมตอบ
“อืม… น้องว่างเข้ามาคุยที่ร้านได้หรือเปล่า” พี่เขาถาม
“ได้ครับ” ผมตอบไปแทบจะทันทีเลย เพราะนี่คือโอกาสที่ผมจะได้หางานทำเป็นที่แรก จะได้มีรายได้กับเขาเสียที
“งั้นน้องมาที่ร้านครัวข้าวไทยนะ อยู่ Brooklyn ที่อยู่ก็ XXX 7th Ave. นั่งสาย F มาลงที่ 7th Ave. เดินมาสองสามนาทีก็ถึง แล้วเจอกัน มาถึงก็ถามหา Andy แล้วกันนะ” ปลายสายชี้แจงถึงที่ตั้งของร้านให้ก่อนที่จะวางสายไป โดยนัดหมายกันว่า เจอกันบ่ายสองโมงวันนี้เลย
ผมได้เรียนรู้ว่าการคุยโทรศัพท์ มันเหมือนการสอบสัมภาษณ์เบื้องต้นนี่เอง คุณต้องเตรียมตัวให้พร้อมก่อนที่จะโทรไป เขาจะเอาวันไหน เอาเวลาไหน อย่าไปขัดใจเขามาก ตอนนี้เราเป็นฝ่ายที่ถูกเลือก ไว้ให้หล่อเลือกได้เสียก่อนก็ค่อยว่ากัน นี่น่าจะเป็นสิ่งหนึ่งที่ผมแนะนำให้ทุกคนที่อยากจะมาที่นี่ได้รู้ไว้เลยนะครับ เตรียมตัวให้พร้อมแล้วก็ลุยได้เลย ว่าแต่ว่า...ไอ้ Brooklyn นี่มันคือที่ไหนวะ?
บันทึก
1
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
นิวยอร์กกู New York Kitchen University
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย