25 ก.ย. 2020 เวลา 01:08 • ประวัติศาสตร์
โพสต์นี้เราจะออกนอกจีน ไปพบกับมุมประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจกันครับ เนื่องจากวันนี้คุณนักเขียนกรไม่อยู่จึงมอบหมายให้ผมรีโพสต์บทความเก่า ครั้งนี้เป็นการรีโพสต์รอบที่สอง หลายคนจึงอาจจะคุ้นหน้าคุ้นตาบทความนี้มาบ้างแล้ว และเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ขอเชิญนักอ่านทุกท่าน พบกับเรื่องเล่าของหนึ่งในสุดยอดสายลับสงครามโลกได้เลยครับ
'Garbo' สายลับสองหน้าผู้มีส่วนสำคัญต่อความสำเร็จวัน D - Day ปฏิบัติการยกพลขึ้นบกที่นอร์มังดีในสงครามโลกครั้งที่สอง
'Juan Pujol Garcia' คือชื่อจริงของสายลับชาวสเปน ผู้ที่ได้รับเหรียญเกียรติยศจากทั้งฝ่ายสัมพันธมิตรและฝ่ายอักษะ
ชายผู้หลอกนาซีนับครั้งไม่ถ้วน
แต่กลับไม่เคยถูกสงสัย
ชายผู้ปลอมแปลงวันตายหลังสงคราม
และปกปิดตัวตนได้นานเกือบสี่ทศวรรษ
ชายผู้ถูกยกย่องว่าเป็นสายลับสองหน้าในอุดมคติแห่งการเป็นสายลับ
แต่ก่อนที่เราจะไปทำความรู้จักกับสายลับสงครามโลกครั้งที่สองคนสำคัญผู้นี้ จะขออธิบายโดยคร่าวเกี่ยวกับปฏิบัติการยกพลขึ้นบกที่นอร์มังดี อันเป็นปฏิบัติการสำคัญ ซึ่งมีผลต่อชัยชนะของฝ่ายสัมพันธมิตรในสงครามโลกครั้งที่สอง และเป็นปฏิบัติการหลอกนาซีครั้งใหญ่ที่สุดของสายลับสองหน้าโค้ดเนม 'Agent Garbo'
 
การยกพลขึ้นบกที่นอร์มังดี หรือชื่อรหัสว่า ปฏิบัติการเนปจูน เป็นการยกพลขึ้นบกของฝ่ายสัมพันธมิตร โดยมีกองกำลังจากสหราชอาณาจักร สหรัฐฯ แคนาดา และฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน ค.ศ. 1944 เรียกวันปฏิบัติการนี้ว่า D-Day (ดีเดย์)
ทหารบกลุยขึ้นฝั่งบนหาดโอมาฮา เช้าวันที่ 6 มิถุนายน 1944 (ภาพจาก วิกิพีเดีย)
การยกพลขึ้นบกครั้งนั้นคือปฏิบัติการโอเวอร์ลอร์ดระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง เป็นปฏิบัติการร่วมของทหารเรือ ทหารบก และทหารอากาศ ในการบุกครองส่งทางทะเลที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์
เป็นปฏิบัติการครั้งสำคัญของทหารหลายหมื่นนายที่ชายหาด 5 แห่งของอ่าวนอร์มังดี เพื่อเริ่มต้นยุทธการปลดปล่อยประเทศในยุโรปเหนือและยุโรปตะวันตกให้หลุดพ้นจากการยึดครองของกองทัพนาซี นำไปสู่การฟื้นฟูสาธารณรัฐฝรั่งเศส และมีส่วนต่อชัยชนะของฝ่ายสัมพันธมิตรในสงคราม
โดยฝ่ายสัมพันธมิตรได้ดำเนินการลวงทางทหาร ชื่อรหัสว่า ปฏิบัติการบอดีการ์ด เพื่อหลอกฝ่ายเยอรมนีให้เข้าใจผิดเกี่ยวกับวันที่ และสถานที่ยกพลขึ้นบกของฝ่ายสัมพันธมิตร
สายลับโค้ดเนม Garbo ได้แจ้งแก่เยอรมนีว่าเครือข่ายของเขาได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับการยกพลขึ้นบกที่นอร์มังดี แต่นั่นเป็นเรื่องเท็จ ซึ่งฮิตเลอร์ก็ดันเชื่อ เยอรมนีเลยไม่ได้เตรียมการรับมือสำหรับปฏิบัติการของฝ่ายสัมพันธมิตรเท่าที่ควร
นอกจากนั้นด้วยการสนับสนุนครั้งใหญ่ของกองกำลังซึ่งมีความแข็งแกร่งกว่าฝ่ายเยอรมันทั้งกองกำลังทางอากาศ และทางเรือ ทำให้การยกพลขึ้นบกที่แบ่งออกเป็นห้าส่วน ได้แก่ อ่าวยูทาห์ โอมาฮา โกลด์ จูโนและซอร์ด สำเร็จภายในวันเดียวกัน
Juan Pujol García (ภาพจาก history.com)
ในสงครามโลกครั้งที่ 2 สหราชอาณาจักรเป็นหนึ่งในมหาอำนาจฝ่ายสัมพันธมิตร โดยเข้าร่วมสงครามหลังจากที่เยอรมนีบุกโปแลนด์ในปี ค.ศ. 1939
เป็นจุดเริ่มต้นให้นายทหารหนุ่มผู้เคยผ่านสงครามกลางเมืองสเปน (Spanish Civil War) อย่างไม่เต็มใจ เกิดความมุ่งมั่นในการเข้าร่วมสงครามกับอังกฤษ ในฐานะสายลับต่อต้านเยอรมนี เพราะเขาเกลียดเผด็จการอย่างเข้าไส้ ทั้งอดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ผู้นำเผด็จการนาซี และฟรานซิส ฟรังโก ผู้นำเผด็จการฟาสซิสต์
ด้วยความที่ Juan Pujol Garcia เป็นเพียงอดีตนายทหารผ่านศึกโนเนม ไม่มีเส้นสายใด ๆ ในกองทัพ หรือแม้แต่ผลงานรับรองความสามารถ เจ้าหน้าที่อังกฤษจึงถึงกับส่ายหัว ไม่ยอมรับเขาเข้าทำงาน
แต่นั่นก็ไม่ได้ลดความมุ่งมั่นของหนุ่มผู้อยากเป็นสายลับแม้แต่น้อย เขาจึงวางแผนเพื่อสร้างผลงานในช่วงที่ช่วยเหลืองานอังกฤษในการพยายามทำสงคราม
ด้วยการทำตัวเป็นเจ้าหน้าที่สเปนที่บินไปลอนดอน และติดต่อกับเจ้าหน้าที่ของนาซีในมาดริด เพื่อพูดคุยทำนองเดียวกับที่คุยกับทางฝั่งอังกฤษ
ชายผู้มีความมุ่งมั่นแสร้งบอกกับทางนาซีว่าอยากเป็นสายลับในสหราชอาณาจักร เพื่อจักรวรรดิไรซ์ที่สาม ซึ่งก็คืออีกชื่อที่นาซีเยอรมันเรียกตนเอง
เฮนริช ฮิมเลอร์ (ซ้าย) , อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ (ขวา) เดินตรวจแถวทหารประจำตัวของฮิตเลอร์ (ภาพจาก Britannica)
หลังจากได้เข้าร่วมเป็นสายลับนาซี เขาคอยส่งข้อมูลเท็จที่สร้างขึ้นเองจากการอ่านสารานุกรม โฆษณา หรือแม้แต่ใบปลิวตามท้องถนน โดยนำข้อมูลเหล่านั้นมารวบรวมและเรียบเรียงให้ดูเหมือนเป็นความจริงเพื่อป้อนแก่นาซี ทำให้นาซีเชื่อว่านั่นคือข้อมูลจากลอนดอน ซึ่งอันที่จริงได้จากลิสบอน และมาดริดนี่เอง
นับว่าเป็นความหลักแหลมของสายลับสองหน้า ผู้แหกทุกกฎของความเป็นสายลับ ในการทำงานนี้เขายังเป็นมือใหม่ แต่ถือว่าเป็นสายลับมือสมัครเล่นที่ประสบความสำเร็จ และสร้างผลงานจนเข้าตาอังกฤษในที่สุด
ในปี 1942 หน่วยข่าวกรองของอังกฤษรับรู้ถึงเรื่องราวของสายลับผู้ส่งข้อมูลปลอมให้เยอรมนี แต่ยังไม่รู้ว่าคนคนนั้นคือใคร
เมื่อ Pujol เข้าพบเจ้าหน้าที่เพื่อยืนยันเจตนารมณ์ในการเป็นสายลับให้อังกฤษ ทางอังกฤษจึงรู้ทันทีว่าคนนี้แหละใช่เลย เขาคือคนที่เราอยากรู้มาตลอดว่าคือใครนั่นเอง
สายลับมือสมัครเล่นคนนี้จึงถูกพาตัวกลับลอนดอน เพื่อทำงานให้กับ MI5 หรือ Military Intelligence Section 5 หน่วยงานด้านความมั่นคงของอังกฤษ ที่ดำเนินงานมาจนถึงปัจจุบัน
หน่วยงานนี้เริ่มแรกทำหน้าที่รวบรวมข้อมูลข่าวกรองเกี่ยวความเคลื่อนไหวของจักรวรรดิเยอรมนี หรือนาซีสมัยสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง สืบเนื่องมาจนถึงสงครามโลกครั้งที่สอง จึงนับว่าเป็นหน่วยงานในตำนานของสหราชอาณาจักร
ในที่สุด ด้วยความฉลาดเฉียบแหลม มุ่งมั่น มีผลงานโด่ดเด่น แถมมีคอนเนคชั่นเลิศระดับกองทัพนาซี Pujol ก็ได้ทำงานในองค์กรที่ตนใฝ่ฝัน
ผังเครือข่ายของ Garbo (ภาพจาก alchetron.com)
ตลอดระยะเวลาสงคราม นาซียังคงคิดว่า Pujol คือสายลับคนสำคัญโดยที่ไม่รู้เลยว่านั่นคือสายลับสองหน้า แม้บ่อยครั้งข้อมูลจำนวนมากที่ได้มาจะไม่ตรงตามความจริง
แต่ด้วยความที่เขาอ้างกับนาซีว่ามีเครือข่ายสายลับถึง 27 คน Stephen Talty นักเขียนชาวอเมริกันผู้เขียนเรื่องราวเกี่ยวกับ Agent Garbo จึงให้ข้อคิดเห็นในหนังสือของเขาว่า
นาซีคงไม่คิดว่าจะมีใครสามารถสร้างข้อมูลเท็จได้เหมือนจริง อีกทั้งยั้งปลอมตัวได้หลากหลายบุคลิกขนาดนี้ และหากจะตัดหางทิ้ง นาซีคงรู้สึกว่าไม่เพียงแค่เป็นการสูญเสียสายสืบหนึ่งคน แต่สิ่งที่จะเสียไปคือเครือข่ายของ Garbo
หลังจากการหลอกลวงครั้งใหญ่เรื่องวันดีเดย์ในการยกพลขึ้นบกที่หาดนอร์มังดีของฝ่ายสัมพันธมิตร และเมื่อสงครามโลกจบลงในปี 1945 เขายังคงทำงานให้ MI5 เพื่อตรวจสอบว่าเยอรมนีมีแผนการอะไรบ้างในการรื้อฟื้นจักรวรรดิไรซ์ที่สี่หลังจากนี้
Pujol จำเป็นต้องออกจากยุโรปไปที่เวเนซุเอลา ซึ่งบังเอิญว่ามีนาซีจำนวนมากหนีความผิดไปที่นั่น เขาจึงคิดว่าน่าจะปลอดภัยกว่าหากทุกคนคิดว่าเขาตายไปแล้ว
ในปี 1948 Pujol จึงโทรหา Tommy Harris ผู้จัดการของเขาในหน่วย MI5 สั่งให้กระจายข้อมูลทั่วองค์กรว่าเขาเสียชีวิตแล้วที่แองโกล่า ด้วยไข้มาลาเรีย
แล้วข่าวนี้ก็แพร่ไปทั่ว หนึ่งปีให้หลัง อังกฤษได้รายงานแก่สถานทูตสเปนถึงการเสียชีวิตของ Pujol
ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับที่เขาใช้ชีวิตในเวเนซุเอลาด้วยภาพลักษณ์ใหม่อันโดดเด่น เป็นชายไว้เคราผู้ส่วมแว่นอย่างมีเอกลักษณ์ ซึ่งเป็นบุคลิกที่แตกต่างไปจากเดิมโดยสิ้นเชิง
ภาพถ่ายบุคคลของ Juan Pujol Garcia (ภาพจาก pinterest.com)
Pujol เก็บความลับเรื่องที่เขายังมีชีวิตอยู่จนกระทั่งปี 1980 กินเวลากว่า 36 ปีที่ผู้คนคิดว่าเขาเสียชีวิตไปแล้ว
หากไม่ได้นักเขียนขี้สงสัยชาวอังกฤษชื่อ Nigel West ที่ศึกษาเกี่ยวกับชีวิตของสายลับสองหน้าในตำนานคนนี้ จนตกผลึกตั้งทฤษฎีว่าเขายังไม่ตาย Pujol คงไม่ยอมออกจากที่ซ่อน แล้วกลับเข้ายุโรป และกลับบ้านหาภรรยาเก่าและลูกเป็นแน่
ท้ายสุดในปี 1988 เขาเสียชีวิตครั้งที่ 2 แน่นอนว่าครั้งนั้นคือเรื่องจริง และเป็นครั้งสุดท้ายที่ผู้คนได้ยินข่าวการจากไปของสายสืบสองหน้า หนึ่งในตำนานแห่งสงครามโลกครั้งที่สองผู้นี้

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา