Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
ลงทุนในบัญชีและภาษี
•
ติดตาม
3 ต.ค. 2020 เวลา 12:50 • การศึกษา
ขั้นตอนการซื้อขาย ฟิวเจอร์สและออปชั่น
หลังจากเรียนรู้การลงทุนในอนุพันธ์จากบทที่แล้ว ขั้นต่อมา คือ การตัดสินใจซื้อขาย โดยผู้ลงทุนต้อง “เปิดบัญชี” เพื่อส่งคำสั่งซื้อขายผ่านโบรกเกอร์อนุพันธ์ จากนั้นจึงเริ่มซื้อขาย ตามขั้นตอนต่อไปนี้ค่ะ
1. เปิดบัญชีซื้อขายอนุพันธ์
2. วางเงินประกัน
3. ส่งคำสั่งซื้อขาย
4. สรุปกำไรขาดทุนทุกวัน
5. ปิดสถานะ
⛳ เปิดบัญชีซื้อขายอนุพันธ์
ผู้ลงทุนสามารถติดต่อขอเปิดบัญชีซื้อขายอนุพันธ์ได้กับโบรกเกอร์อนุพันธ์ที่ได้รับอนุญาต โดยสามารถตรวจสอบรายชื่อของโบรกเกอร์ได้ทาง
www.tfex.co.th
แต่หากผู้ลงทุนท่านใดมีบัญชีซื้อขายอนุพันธ์อยู่แล้ว ก็สามารถใช้บัญชีดังกล่าวในการซื้อขายอนุพันธ์ได้ทุกประเภท ขึ้นอยู่กับการให้บริการของแต่ละโบรกเกอร์
⛳ วางเงินประกัน
ก่อนที่จะซื้อขายอนุพันธ์ผู้ลงทุนควรรู้จัก “หลักประกัน” 2 ประเภท ได้แก่
📌 หลักประกันขั้นต้น (Initial Margin : IM) คือ หลักประกันที่ผู้ลงทุนต้องวางไว้กับโบรกเกอร์ก่อน ถึงจะมีสิทธิซื้อขายอนุพันธ์ได้
📌 หลักประกันรักษาสภาพ (Maintenance Margin : MM) คือ ระดับหลักประกันขึ้นต่ำในบัญชี ซึ่งผู้ลงทุนจะต้องรักษาระดับยอดเงินคงเหลือเอาไว้ หากยอดเงินคงเหลือในบัญชีหลักประกันลดลงต่ำกว่าระดับนี้ โบรกเกอร์จะเรียกให้ผู้ลงทุน “วางหลักประกันเพิ่ม” (Margin Call)
กรณีซื้อ-ขายฟิวเจอร์ส
👉 ผู้ลงทุนไม่ต้องจ่ายเงินเต็มจำนวนตั้งแต่แรก แต่จะต้องวาง “เงินหลักประกันขั้นต้น” ตามระดับที่โบรกเกอร์กำหนด โดยทั่วไปแล้วจะมีมูลค่า ไม่เกิน 10 – 15% ของมูลค่าสัญญา
กรณีซื้อออปชั่น
👉 ผู้ซื้อไม่จำเป็นต้องวางหลักประกันขั้นต้นก่อน เพราะสามารถจำกัดผลขาดทุนได้จากการที่ได้จ่าย “ค่าพรีเมี่ยม” เป็นค่าซื้อออปชั่นตั้งแต่แรก จึงไม่มีความเสี่ยงว่าจะบิดพลิ้วสัญญา
กรณีขายออปชั่น
👉 ผู้ขายจะต้องวาง “หลักประกันขั้นต้น” ก่อน เพราะหากผู้ซื้ออปชั่นขอใช้สิทธิ ผู้ขายจะต้องปฏิบัติตามสัญญาโดยยอมให้ผู้ซื้อใช้สิทธิ ซึ่งปกติแล้วผู้ขายจะขาดทุน จึงมีแนวโน้มที่จะบิดพลิ้วสัญญามากกว่าผู้ซื้อ
💥 กรณีนี้ โบรกเกอร์อนุพันธ์จะคำนวณ “หลักประกันขั้นต้น” และ “หลักประกันรักษาสภาพ” ใหม่ทุกวัน ตามความเสี่ยงของผู้ลงทุนที่เปลี่ยนแปลงไปจากระดับราคาออปชั่นและราคาสินค้าอ้างอิงที่เปลี่ยนแปลงไป
⛳ ส่งคำสั่งซื้อขาย
ก่อนส่งคำสั่งซื้อหรือขายทุกครั้ง ผู้ลงทุนต้องทราบความต้องการของตนเอง เช่น
✔ ต้องการซื้อหรือขาย อนุพันธ์ประเภทใด
✔ ต้องการซื้อหรือขายสัญญาที่สิ้นสุดอายุ เดือนไหน
✔ ต้องการซื้อหรือขายที่ ราคา เท่าไหร่
✔ ต้องการซื้อหรือขาย จำนวน กี่สัญญา
เมื่อส่งคำสั่งซื้อขายผ่านระบบซื้อขายของ TFEX แล้ว ระบบจะทำการจับคู่คำสั่งซื้อขายและจะยืนยันรายการซื้อขายให้โบรกเกอร์ทราบ เพื่อให้โบรกเกอร์แจ้งแก่ลูกค้าของตน
⛳ สรุปกำไรขาดทุนทุกวัน
หลังจากที่ซื้อหรือขายไปแล้ว โบรกเกอร์จะคำนวณเงินกำไรขาดทุนทุกสิ้นวันทำการ จนกว่าผู้ลงทุนจะปิดสถานะลง โดยคำนวณจาก “ราคาที่ใช้ชำระราคาประจำวัน”
หากในวันนั้นๆ ผู้ลงทุนได้กำไร โบรกเกอร์ก็จะโอนเงินส่วนของกำไรเข้าไปรวมกับเงินหลักประกันที่ผู้ลงทุนวางไว้ แต่หากขาดทุน โบรกเกอร์ก็จะโอนเงินออกจากบัญชีเงินหลักประกันของผู้ลงทุน
การคิดกำไรขาดทุนทุกสิ้นวันทำการจะทำให้เงินหลักประกันที่ผู้ลงทุนวางไว้เพิ่มขึ้นหรือลดลงทุกวัน และหากเงินหลักประกันนี้ ลดลงจนต่ำกว่าระดับ “หลักประกันรักษาสภาพ” โบรกเกอร์ก็จะ “เรียกเก็บเงินประกันเพิ่มขึ้น” ให้เท่ากับเงินประกันขั้นต้น หากผู้ลงทุนไม่สามารถวางเงินหลักประกันได้ทันตามเวลาที่โบรกเกอร์กำหนด โบรกเกอร์ก็จะปิดสถานะสัญญาของผู้ลงทุน
⛳ ปิดสถานะ
เมื่อซื้อขายไปแล้ว ผู้ลงทุนสามารถปิดสถานะของสัญญาก่อนโดยไม่ต้องรอจนสัญญาหมดอายุ เพื่อรับรู้กำไรหรือขาดทุนที่เกิดขึ้นทันที หรืออาจจะถือสัญญาดังกล่าวไปจนกระทั่งสัญญาหมดอายุลงก็ได้
💦........เป็นยังไงกันบ้างคะ กับขั้นตอนการซื้อขายฟิวเจอร์สและออปชั่นข้างต้น สำหรับบทต่อไป เราจะมาเรียนรู้วิธีการทำกำไรในสภาวะตลาดทั้งตลาดขาขึ้น และตลาดขาลงกันต่อนะคะ
โชคดีในการลงทุนทุกท่านค่ะ 😊😊
Cr. Thailand Securities Institute
เรียบเรียงโดย : ลงทุนในบัญชีและภาษี
ช่องทางอื่นในการติดตาม เพจลงทุนในบัญชีและภาษี
FB :
https://www.facebook.com/BSV.BSerp.BusinessValue
Website :
https://accounting.bsv-th.com/
ขอบคุณทุกกำลังใจและการติดตามนะคะ 🙏🙏😘😘
9 บันทึก
26
74
4
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
ลงทุนในตลาดอนุพันธ์
9
26
74
4
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย