27 ก.ย. 2020 เวลา 13:30
#จันทร์เจ้าขาบทที่4ตอนที่8,
(27/9/2020)
สวัสดีครับ เพื่อนๆ
ขอส่งจันทร์เจ้าขา ตอนล่าสุด..ให้เพื่อนๆได้อ่านกันให้เพลิดเพลิน ในคืนวันอาทิตย์นี้นะครับ 😇💚💚💚
สุขสันต์วันอาทิตย์ครับ
..
..
บทที่ 4 ขจรมาลา
ตอนที่ 8 พิจารณาไต่สวน (1)
#ณ.โลกวิญญาณไม่ไกลจากประตูบริเวณป่าช้าเก่าเวียงกุมกามเมืองเชียงใหม่อำเภอยางเนิ้ง(อ.สารภี)
“ขอเชิญ ..ท่านท้าวเวสสุวรรณ ขึ้นพิจารณาไต่สวนให้ความเป็นธรรมในคดีเจ้าน้อยพรหม และหม่องบองบนบัลลังก์ลานพิพากษา..มณฑลพายัพ ด้วยเถิด..ขอรับ”
พระวัยทัต เอ่ยเรียกอัญเชิญ ท่านท้าวเวสสุวรรณ ขึ้นบัลลังก์พิจารณาไต่สวน ด้วยเสียงก้องกังวาน ..
สักครู่หนึ่ง.. ทุกคนในลานพิพากษา ก็รับรู้ถึงความสั่นสะเทือนของปฐพีแห่งโลกวิญญาณ ..ในทุกย่างก้าวของท่านท้าวเวสสุวรรณ พร้อมเสียงกระบองที่ลากกับพื้น.. และเสียงหายใจของร่างยักษ์ ฟืดฟาดลมเข้าออกยาว..
“ตึงๆ.. “ “ครืด..ครืด..”
เสียงนั้นเดินมาหยุดลง ตรงหน้าคุณหนูฆฤณ ..
จากนั้น ท่านท้าวเวสสุวรรณ ค่อยๆ ยื่นมือมาวางลงต่อหน้า คุณหนูฆฤณ แล้วพูดด้วยเสียงก้องกังวานว่า..
“ขอเชิญ ลูกฆฤณ ขึ้นพิจารณาไต่สวนคดีนี้ ในฐานะตัวแทนมนุษย์กับพ่อเถิด .. ด้วยว่า การซักถามเจ้าอุบลวรรณา ซึ่งยังคงมีร่างในกายมนุษย์อยู่ในอีกโลกฝั่งหนึ่ง ..จะทำให้นางอาจให้การที่เป็นมุสาได้..
ซึ่งต่างจากเหล่าวิญญาณในโลกฝั่งนี้ .. ที่พ่อสามารถดึงภาพกรรมออกจากวิญญาณมาพิจารณาดูได้เองโดยแทบจะไม่ต้องมีการไต่สวน..”
คุณหนูฆฤณย่อตัวก้มลงกราบขอบพระคุณ แล้วจึงลุกขึ้นยืน ปีนขึ้นไปนั่งบนฝ่ามือขององค์ท้าวเวสสุวรรณ..
เมื่อคุณหนูฆฤณขึ้นมานั่งอยู่บนฝ่ามือของท่านท้าวเวสสุวรรณ เรียบร้อยแล้ว..
ท่านท้าวฯจึงหันไปมองที่ คุณหมอชอว์ในร่างคนธรรพ์ และกล่าวเชิญด้วยสิทธิอำนาจให้ขึ้นไปนั่งกับเหล่าคณะลูกขุนในฝ่ายวิญญาณ..
“ขอเชิญ นายแพทย์ชอว์ในร่างคนธรรพ์ ซึ่งนับได้ว่าเป็นตัวแทนของท่านท้าวธตรฐ ขึ้นร่วมนั่งกับเหล่าคณะลูกขุน ด้วยเถิด..”
คุณหมอชอว์ก้มน้อมรับคำบัญชาโดยดี..
แต่เมื่อคุณหมอชอว์ ได้แหงนหน้าขึ้นเงยมองไปที่คณะลูกขุน เห็นเหล่านัต
นอกกำแพง 37 ตน.. ที่มีลักษณะน่ากลัวผิดเหล่าผีธรรมดา..กำลังวุ่นวายกับการจัดท่าทางให้ตัวเอง
บางตนกำลังม้วนเก็บลิ้นที่พาดยาวออกมาถึงเข่า.. ให้กลับเข้าอยู่ในสภาพปกติ..
บางตนก็ใช้สไบอุดรูโหว่มิให้อวัยวะภายในหลุดแลบโผล่ ออกมา..บางตนก็กำลังหมุนกระดูกให้กลับเป็นท่าปกติ..
คุณหมอชอว์จึงหันกลับไปเอ่ยกับท่านท้าวเวสสุวรรณว่า..
“ขอเชิญ นำเครื่องดนตรีคนธรรพ์ชิ้นนี้ ไปนั่งกับเหล่าคณะลูกขุน เพื่อให้เกียรติกับ ท่านท้าวธตรฐ ผู้เป็นใหญ่ปกครองเหนือเหล่าคนธรรพ์เถิด..ขอรับ
ส่วนตัวกระผม ขอให้อยู่ใกล้ๆ คอกพิจารณาจำเลยในฐานะแพทย์ผู้ชำนาญ ด้วยเถิดขอรับ..
เพื่อหากจะให้กระผมได้ใช้ความสามารถทางการแพทย์เพื่อพิจารณาบาดแผลของผู้ตาย หรืออย่างไรนั้น ก็น่าจักเกิดประโยชน์กับการพิจารณา มากกว่า ขอรับ..”
ท่านท้าวเวสสุวรรณพยักหน้าเข้าใจและกล่าวตอบว่า..
“ขอให้เป็น ไปตามท่านนายแพทย์ปรารถนาเถิด..”
จากนั้นท่านท้าวเวสสุวรรณ จึงเดินขึ้นไปนั่งบนบัลลังก์พิพากษา โดยมีคุณหนู
ฆฤณ นั่งอยู่อีกบัลลังก์ทางขวามือของท่านท้าวฯ และบัลลังก์ทางซ้ายมือของท่าน
ท้าวฯ คือ พระวัยทัต..
ท่านท้าวเวสสุวรรณ กล่าวพระคาถาบางอย่างก่อนที่จะเป่ามนต์พระเวทย์ กำหนดแบ่งขอบเขตกั้นในแต่ละส่วนของลานพิพากษานั้นเป็นชั้นๆ ด้วยพระคาถาศักดิ์สิทธิ์ ..
ทำให้ในแต่ละพื้นที่ไม่สามารถข้ามเขตพื้นที่กันได้อีกต่อไป .. ยกเว้นจะได้รับ คำอนุญาตจากท่านท้าวฯเท่านั้น..
ส่วนคุณหนูฆฤณ บนบัลลังก์ในเวลานี้ ก็ปรากฏสวมชุดทิพยอาภรณ์อันทรงเครื่องเต็มยศของเทพทางเหนือ.. งามระยับจับตา ทั้งอาภรณ์ และรัศมีงามที่เปล่งออกมา
..จนเป็นที่ตะลึงกับเหล่าคณะลูกขุน และผู้ที่อยู่เบื้องล่างบัลลังก์ ..
โดยเฉพาะองค์ชายเมกุฎิ์ กับองค์แม่ที่จ้องมองคุณหนูฆฤณ แทบจะไม่กระพริบสายตา..และเผยรอยยิ้มแห่งความสุขออกมาตลอดเวลา..
“ขอเริ่มการพิจารณาคดี ณ.บัดนี้..”
พระวัยทัตเอ่ยประกาศการเริ่มพิจารณาคดี พร้อมกับขยับมือโบกอากาศเบื้องหน้า เหนือลานพิพากษาให้ปรากฏภาพความทรงจำของจำเลยที่ 1 เจ้าน้อยพรหม..
ภาพชีวิตของเจ้าน้อยพรหมเลื่อนผ่านในแต่ละฉากกรรมตั้งแต่เริ่มเกิด ..ในวัยเด็กที่อบอุ่นกับเจ้าลำพูนองค์อื่นๆ..ภาพต่อมาก็ได้ไล่ลำดับเรื่อยมาจนเติบใหญ่ ได้บวชเรียน..และมาพบรักกับนางบัวตอง..
ภาพถัดมา ก็มาถึงการประจัญหน้าของเจ้าน้อยพรหม และคณะช้างของข้าหลวง.. แต่ไม่ปรากฏภาพการฟันช้าง ดังที่เล่าลือ..
แล้วภาพก็เลื่อนเร็ว จนมาถึง ภาพที่เจ้าน้อยพรหมถูกกล่าวหาโดยบ่าวของเจ้าเชียงใหม่ และภาพตักเตือนในเรื่องคดีช้าง..
ภาพต่างๆก็เลื่อนไหลเร็วขึ้น จนถึงภาพการยินยอมเดินทางมายังเชียงใหม่ และการดักพิพากษาก่อนโดยขบวนของคณะเจ้าอุปราช..
จากนั้นภาพก็ค่อยเริ่มเลอะเลือน ด้วยคราบเลือดเป็นภาพหนานปัญญาลงดาบที่1 พลาดโดนบริเวณไหล่..
และภาพสุดท้ายที่ปรากฏ คือ ภาพดาบที่สองบั่นศีรษะขาดกลิ้งหล่นลงสู่ดิน จากนั้นก็วูบดับลง..
เมื่อสิ้นภาพความทรงจำของเจ้าน้อยพรหม..เสียงฮือพึมพำขึ้นฝั่งคณะลูกขุน เห็นด้วยถึงความไม่เป็นธรรมต่อเจ้าน้อยพรหม..
..
..
“ขอพระวัยทัต โปรดช่วยค้นหาความทรงจำของเจ้าน้อยพรหม ภายหลังที่เป็นวิญญาณหลงทางในโลกมนุษย์ด้วยเถิด ขอรับ..”
คุณหลวงเอ่ยขอ กับพระวัยทัตอย่างสุภาพ..
ท่านท้าวเวสสุวรรณจึงหันไปพยักหน้าให้กับคุณหลวง แล้วหันไปกล่าวกับพระวัยทัตว่า
“ขอให้เป็น ไปตามคุณหลวงท่านปรารถนาเถิด”
พระวัยทัต จึงวาดมือขึ้นกลางอากาศ อีกครั้ง เกิดเป็นไฟสีเขียวขึ้นกลางอากาศ และปรากฏภาพของเจ้าน้อยพรหม..ยืนเฝ้าร่ายรำดาบสาปแช่งอักษรโลหิต ที่หน้าเรือนของเจ้าอุปราช..
จากนั้นภาพก็เลื่อนไปที่ภาพเจ้าน้อยพรหมไล่ฟันคณะหมอผีชาวพม่า ที่เจ้าอุปราชจัดหามา..
และ ภาพที่ปรากฏต่อมา คือภาพเจ้าน้อยพรหม ยืนมองวิญญาณเจ้าอุปราช ที่ออกจากร่าง และเดินเข้าสู่เส้นทางของโลกวิญญาณ..
ตามบุญกรรมลิขิต..
ส่วนภาพสุดท้าย ในความทรงจำของวิญญาณหลงทางเจ้าน้อยพรหม เป็น ภาพร่ายรำดาบสาปแช่งที่หน้าเรือน เจ้าอุบลวรรณา ..
แต่เจ้าอุบลวรรณานั้นต่างจากเจ้าอุปราชยิ่งนัก.. ด้วยว่ามิได้กลัวเจ้าน้อยพรหมแต่อย่างใด เจ้าอุบลวรรณา กลับชี้นิ้วให้เจ้าที่เจ้าทาง..
อนุญาตให้ผีเจ้าน้อยพรหมเข้ามาในเขตเรือนได้..
จนเมื่อผีเจ้าน้อยพรหมย่างเท้าเข้าสู่ธรณีของเรือนเจ้าอุบลวรรณา .. บรรดาแผ่นยันต์และเหล่าหุ่นพยนต์ของหมอผีชาวพม่า ก็ปรากฏพุ่งเข้าร้อยรัด มัดเจ้าน้อยพรหม จับขังเข้าไว้ในหม้อดินอาคม..ในที่สุด
แล้วภาพก็วูบมืดดับลง..
“ไม่ปรากฏว่า เจ้าน้อยพรหมสร้างกรรม เข่นฆ่าผู้ใดดังที่ร่ำลือกัน ใช่หรือไม่เจ้าคะ ท่านพ่อ”
คุณหนูฆฤณ เอ่ยถามท่าน
ท้าวเวสสุวรรณ..
“แล้วลูกฆฤณคิดเห็นอย่างไรบ้างล่ะ ??”
ท่านท้าวเวสสุวรรณยิ้มอย่างเมตตา แล้วจึงถาม ความเห็นจากคุณหนูฆฤณบ้าง..
คุณหนูฆฤณ จึงใช้ปัญญาคิดใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงตอบว่า ..
“ถึงจะปรากฏว่า เจ้าน้อยพรหมไม่ได้เป็นผู้ลงมือกระทำการสร้างกรรม ฆ่าชีวิตผู้อื่นโดยตรง.. แต่ถ้าหากพบว่า เจ้าน้อยพรหมมีส่วนให้เกิดบ่วงฆาตกรรมอันครึกโครมในเชียงใหม่.. ก็ต้องถือว่านับเป็นผู้มีส่วนอยู่ในบ่วงกรรมนี้ด้วย ..และจักต้องพึงรับเศษกรรม อันมิอาจเลี่ยงได้..
ถ้าเช่นนั้น เราคงต้องเรียกวิญญาณเจ้านางอุบลวรรณา ขึ้นให้การ ต่อไป เจ้าค่ะ..”
ท่านท้าวฯรับฟัง คำวินิจฉัยของลูกสาว และพยักหน้ายิ้มรับเห็นด้วยตามคุณหนู
ฆฤณ.. จากนั้นจึงหันไปทางพระวัยทัต แล้วเอ่ยว่า
“จงเบิกวิญญาณเจ้าอุบลวรรณาขึ้นให้การ ตามคุณหนูฆฤณปรารถนาเถิด พระวัยทัต..
พระวัยทัตก้มรับฟังให้ครบถ้วน แล้วจึงเงยหน้าขึ้นประกาศเรียก..
“ขอจงนำเจ้าอุบลวรรณาขึ้นให้การ ณ.บัดนี้..”
..
..
#ณ. ลานฝึกหัดบินของเหล่าเมขลา บนยอดคีรีการเวก
“กราบสวัสดี หม่อมท่านนะอีกครั้งนะ เจ้าคะ..”
คุณหนูพาวางตะเกียงไฟ และเหน็บปากกาขนนกของหม่อมท่านเข้าชายเหน็บ..
แล้วจึงยกมือไหว้หม่อมทินกร อย่างสวยงาม..
หม่อมทินกรยกมือขึ้นรับไหว้ แล้วจึงยิ้มทักกับคุณหนูพา ว่า
“ได้ลองฝึกบิน อย่างกับนางฟ้าเมขลา.. รู้สึกเป็นเช่นไรบ้าง แม่หนูพา..”
“แหะ แหะ หนูพาเกือบตายแล้วเจ้าค่ะ.. ถ้าไม่ได้คุณเทวดาอชิรา บินขึ้นไปช่วย
อีกนิดเดียว หนูพาคงจะหมดสติ สลบไสล ตกลงมาสิ้นชีวิต แน่ๆ เจ้าค่ะ หม่อมท่าน..ฮะฮะ”
คุณหนูพา ตอบหม่อมท่าน พร้อมกับพยายามยิ้มและหัวเราะ ซ่อนมือที่ยังคงสั่นอยู่..เพื่อไม่ให้ใครๆ และหม่อมท่านรู้สึกกังวล..
หม่อมท่านหันมาฝืนยิ้ม ให้คุณหนูพา แล้วจึงหันไปมองทางอื่น พยายามกลั้นไม่ให้น้ำตาที่กำลังคลออยู่ด้วยความรู้สึกผิดที่มีต่อคุณหนูพาเป็นครั้งที่สอง ในครั้งนี้..ไหลรินออกมา..
..
..
“โถๆๆ คุณหนูพาริสของนม
ขวัญเอ๋ย ขวัญมา เถิดนะเจ้าคะ..”
แม่นมเมขลามารศรี พูดปลอบแล้วเข้ามากอดหนูพาด้วยความคิดถึง ..
ขณะที่เทพอชิรา หันมองหม่อมท่านแว่บหนึ่ง แล้วจึงหันกลับไปมองทะเลสีทันดรนิ่ง คล้ายกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง..
“เทพอชิรา ชอบมองสายน้ำ อย่างนี้เป็นประจำ รึเจ้าคะ”
คุณหนูพา เอ่ยถามแม่นมเมขลามารศรี ด้วยความแปลกใจ..ในท่ายืนมองสายน้ำสีทันดรของเทพ
อชิรา..ที่ช่างคุ้นเคยยิ่งนัก
..
..
“อ๋อ..แต่ก่อนท่านเทพอชิรา ก็บิน อารักขาเหล่ากองนางฟ้าเมขลา น่ะเจ้าค่ะ..
แต่เมื่อ..คุณหนูพาริส ประสบเหตุพลัดตก สายน้ำมหาสีทันดร ครานั้น..
ท่านเทพอชิรา ก็รู้สึกผิด เฝ้าแต่โทษตัวเอง และเอาแต่มองแต่สายน้ำ เช่นนี้..เจ้าค่ะ
และ ท่านก็มิได้ออกบิน ด้วยตัวท่านเองอีกเลย นะเจ้าคะ..ท่านจะทรงอยู่บ้างก็แต่ปักษาวายุภักดิ์เท่านั้น
น่ะเจ้าค่ะ..”
แม่นมเมขลามารศรี หันไปลูบเส้นผมของคุณหนูพา แล้วพูดต่อว่า..
“แต่วันนี้ ช่างเป็นวันที่วิเศษสุดเลยนะเจ้าคะ..
ปักษาวายุภักษ์ของท่าน
เทพอชิรา เป็นผู้นำคุณหนูพาริส กลับคืนพระนครคีรีการเวก..
และ ท่านเทพอชิรา ก็ได้กลับมาเหินนภาคีรีการเวก บินขึ้นไปรับ คุณหนูพาริส
เป็นที่ประจักษ์แก่เหล่าทวยเทพทั้งหลายแห่งคีรีการเวก ให้ได้ร่วมชื่นชมยินดี ในการกลับมาของคุณหนู
พาริส..ในวันนี้ เจ้าค่ะ ”
หนูพา ยิ้มรับตาหยี กับแม่นมเมขลามารศรี..
แล้วจึงหันไปถามกับหม่อมทินกร ด้วยความสงสัย ว่า..
“หม่อมท่านเจ้าขา..เหตุใด ในครั้งนี้ หม่อมท่านจึงไม่ให้หนูพาถอดกายทิพย์มาพร้อมกับหม่อมท่าน เหมือนทุกครั้งเลย ล่ะเจ้าคะ..”
..
..
หม่อมทินกร มิได้พูดตอบหนูพาใดๆ .. แต่สายตากลับจับจ้องไปยังภาพเบื้องหน้า..
ที่เหล่ากองทัพ ครุฑ จำนวนมากมาย และ ท้าววิฬุรหก กำลังบินผ่านม่านเมฆแห่งคีรีการเวก..มุ่งตรงมายังลานแห่งนี้
..
..
จบบทที่ 4 ตอนที่ 8,
#เกร็ดเพิ่มเติม,
#จาตุมหาราชิกา,
จาตุมหาราชิกา โดยศัพท์แปลว่า "แห่งมหาราชทั้งสี่" เมื่อแปลแบบเอาความจึงหมายถึง "แดนเป็นที่อยู่ของท้าวมหาราชทั้งสี่" หรือ "อาณาจักรของท้าวมหาราช 4 องค์" กล่าวคือ สวรรค์ชั้นนี้เป็นดินแดนที่จอมเทพ 4 องค์ผู้รักษาคุ้มครองโลกใน 4 ทิศ ซึ่งเรียกว่า ท้าวโลกบาล ท้าวจตุโลกบาล หรือ ท้าวจาตุมหาราช ปกครองอยู่องค์ละทิศ, เทวดาชั้นจาตุมหาราชิกามีอายุ 500 ปีทิพย์ (30 วันเป็น 1 เดือน 12 เดือนเป็น 1 ปี) โดยคำนวณเป็นปีโลกมนุษย์ได้ 9,000,000 ปีโลกมนุษย์
จาตุมหาราชแต่ละองค์ได้แก่
1. ท้าวกุเวร รักษาโลกด้านทิศเหนือ ทำหน้าที่ปกครองยักษ์ ท้าวกุเวรมีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ท้าวเวสวัณ หรือ ท้าวเวสสุวรรณ
2. ท้าววิรุฬหก รักษาโลกด้านทิศใต้ ทำหน้าที่ปกครองกุมภัณฑ์ จำพวกครุฑ เป็นต้น
3. ท้าววิรูปักษ์ รักษาโลกด้านทิศตะวันตก ทำหน้าที่ปกครองพญานาค
4. ท้าวธตรฐ รักษาโลกด้านทิศตะวันออก ทำหน้าที่ปกครองคนธรรพ์
สวัสดี และขอจบเพียงเท่านี้
ขอบคุณครับ
ร้อยเรียงจันทร์เจ้าขา
(T.Mon)
27/9/2020
-

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา