3 ต.ค. 2020 เวลา 08:31 • ไลฟ์สไตล์
Round3 "การจัดการเวลา โดยการใช้ Pomodoro Technique"
🌏พัฒนาตนเองและครอบครัวให้ก้าวไปข้างหน้า
เพื่อตามโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วให้ทัน
การที่ผมใช้ Objectives and key results (OKR) ในการตั้งเป้าหมาย
โดยมีวัตถุประสงค์หลัก (objectives) ซึ่งเป็นการบอกจุดมุ่งหมายใน ระดับต่างๆ และมีผลลัพธ์หลัก (Key results) ทำให้บรรลุจุดมุ่งหมายที่ตั้งเป้าหมายไว้
และใช้ Time Boxing ประกอบในการวางแผนการทำงานล่วงหน้าเพื่อกำหนดเวลาอย่างแน่นอนในการทำงานแต่ละงาน
แต่ระบบเครื่องมือทั้ง 2ชนิดนี้นั้น....
ยังไม่เพียงพอที่จะช่วยนำพาให้ตัวผมและครอบครัวก้าวไปสู่จุดหมายที่คาดหวังไว้ได้
เพราะเวลา 24ชั่วโมงไม่เคยจะเพียงพอ
กับกิจกรรมที่มีมากมายก่ายกองของครอบครัวเรา
กำลังรอต่อแถวเรียงคิวเพื่อให้เราจัดการให้สำเร็จอยู่
เพราะการที่จะทำตามแผนงานให้ประสบผลสำเร็จนั้น
หลักสำคัญที่สุด ที่เราต้องมีก็คือ....
วินัยกับสมาธิในการทำงานที่ตัวเรากำลังลงมือทำ
และรับผิดชอบอยู่ตรงหน้า
แล้วมีเครื่องมืออะไรจะมาช่วยให้ประสิทธิภาพการทำงานของผมและคนในครอบครัวดีขึ้นล่ะ?
"Pomodoro Technique" ก็คือคำตอบนั้น
เป็นตัวช่วยที่ผมกำลังตามหาอยู่ครับ 🍅
👨🏫ผู้รู้ให้คำแนะนำ :
Pomodoro Technique คือเทคนิคการจัดการเวลา คิดค้นโดย Francesco Cirillo ชาวอิตาลี ซึ่งคำว่า ‘Pomodoro’ มาจากมาจากคำว่า ‘มะเขือเทศ’ ในภาษาอิตาลี มะเขือเทศนั้นมีรูปร่างคล้ายคลึงกับรูปทรงของนาฬิกาจับเวลาของ Francesco จึงทำให้เกิดเทคนิคชื่อนี้ขึ้นมานั่นเอง
เป็นเทคนิคง่ายๆ ที่แบ่งเวลาทำงานเป็น 25 นาที สลับกับการพัก 5 นาที
⏱สำหรับไอเดียของ The Pomodoro Technique ไม่ซับซ้อนเลย มีหลักการใหญ่ๆ 3 ข้อ คือ
1. ทำ 25 นาที พัก 5 นาที
ซิริลโลเสนอว่า เวลาเราทำ task อะไรก็ตาม
เราควรซอยเวลาในการทำ task ออกเป็นช่วงๆ สลับกับพัก
โดยเขาคิดสูตรขึ้นมา คือ 1 Pomodoro เท่ากับ ทำ 25 นาที และพัก 5 นาที
เช่น ‘เขียนบทความ 2 หน้าให้เสร็จ’ แทนที่เราจะตะบี้ตะบันเขียนไปเรื่อยๆ โดยไม่ดูเวลา เราก็จับเวลาตัวเองในการทำงานเป็นทีละ Pomodoro (ทำ 25 นาที พัก 5 นาที) เช่น เราใช้ 4 Pomodoro ในการเขียนบทความจนเสร็จ
เลือกงานที่จะทำและตั้งโปรแกรมตามเทคนิค Pomodoro
งานบางอย่างเป็นงานใหญ่ งานบางอย่างก็เป็นงานเล็กน้อย งานบางอย่างก็ถูกดองไว้นานแสนนาน
แต่นั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญ ความสำคัญอยู่ตรงที่ให้คุณเลือกงานอะไรก็ตามซึ่งคุณคิดว่าคุณจะสามารถทำมันในเวลานี้ได้โดยไม่ต้องสนใจอย่างอื่น และให้คำมั่นสัญญากับตัวเองว่า ภายใน 25 นาทีต่อจากนี้จะไม่มีอะไรมาขัดขวางการทำงานของคุณได้
ไม่ว่าจะเป็นเสียงข้อความในไลน์ เสียงกริ่งโทรศัพท์ รวมถึงงานอื่นๆ ที่ไม่สำคัญด้วย
2. จดจ่อและจดจ่อ อะไรไม่เกี่ยวเอาให้พ้นทางไปก่อน
เมื่อเราแบ่งงานเป็นทีละ Pomodoro หรือ 30 นาทีแล้ว สิ่งที่ต้องทำต่อคือ
ตั้งใจและจดจ่อกับงานใน Pomodoro และถ้ามีอะไรขัดจังหวะขึ้นมา ก็พักสิ่งที่ขัดจังหวะนั้นไว้
ใน 25 นาทีนี้ขอให้คุณทำงานที่เลือกเพียงอย่างเดียว อย่าวอกแวก อย่าเพิ่งกังวลถึงงานอื่นๆ
บางครั้งคุณอาจไม่สามารถเลี่ยงเหตุขัดขวางได้จริงๆ เช่น มีสายเรียกเข้าจากผู้ติดต่อที่สำคัญ
แต่จะดีกว่า...
ถ้าคุณจะจดโน้ตธุระนั้นไว้ก่อน แล้วหันกลับมาทำงานต่อ มิใช่เบี่ยงเบนไปสนใจเรื่องอื่นในทันที
ถ้ามีคนโทร.มา ก็บอกว่าจะโทร.กลับ
พยายามให้ตัวเองมีโฟกัสใน 25 นาทีนั้นให้ดีที่สุด เพราะยิ่งมีโฟกัสเท่าไหร่
เราก็ยิ่งทำงานได้น้ำได้เนื้อมากขึ้นเท่านั้น
ถ้ามองในมุมจิตวิทยา การสร้าง Pomodoro ก็คือการสร้างชัยชนะเล็กๆ (Small Win) นั่นเอง
เพราะยิ่งเราทำ Pomodoro แต่ละครั้งได้ดี เราก็ยิ่งมีกำลังใจทำต่อ สุดท้ายผลรวมของ Pomodoro ที่ทำก็คือ task ที่เสร็จสิ้นไป
นอกจากนี้ เราควรแบ่งตารางงานออกเป็น 2 ส่วน คือ 1. สิ่งที่ต้องทำวันนี้ (To-do List) กับ
2. สิ่งที่ต้องทำ แต่ไม่ใช่วันนี้ (Activity Inventory) โดยอะไรที่ต้องทำวันนี้ก็มาใส่ใน To-do List วันนี้
ซึ่งใน To-do List ก็สามารถแบ่งได้อีกเป็น
1. Planned Task กับ 2. Unplanned Task
นั่นก็เพื่อให้เราเห็นภาพชัดขึ้นไปอีกว่าอะไรที่ต้องทำ และอะไรที่แทรกเข้ามาก็พักไว้ในช่อง Unplanned Task
การแบ่ง task แบบนี้จะช่วยให้เราเห็นภาพชัดว่า เราจะต้องทำอะไรบ้าง โดยไม่ต้องมานั่งพะวง task อื่นๆ ระหว่างที่ทำ task หนึ่งอยู่
3.เมื่อทำงานครบ 25 นาทีแล้วให้พักเบรกสั้นๆ เป็นเวลา 5 นาที
ในขั้นตอนของการพักเบรก ให้คุณทำอะไรก็ได้ที่เป็นการผ่อนคลายตัวเอง เช่น หาเครื่องดื่มเย็นๆ มาเติมความสดชื่นให้ร่างกาย มองวิวต้นไม้รอบๆ บ้าน เช็กข้อความต่างๆ ในโทรศัพท์ เล่นกับสัตว์เลี้ยง อ่านกระดาษโน้ตที่บันทึกไว้ หรือออกไปเดินยืดเส้นยืดสาย อะไรก็ได้ที่ไม่เกี่ยวกับงาน และเมื่อพักครบ 5 นาทีแล้ว ให้กลับไปเริ่มทำงานใหม่เป็นระยะเวลา 25 นาทีเช่นเดิม
4.การพักเบรกยาว
เมื่อทำงานตามเทคนิคโพโมโดโระครบ 4 รอบ (25+5+25+5+25+5+25+5 = 120 นาที หรือ 2 ชั่วโมง) ให้คุณพักเบรกยาวเป็นเวลา 15-20 นาที ซึ่งการพักเบรกยาวนี้ นอกจากเป็นการพักสมอง ยังเป็นการให้เวลาสมองเพื่อที่จะทบทวนและซึมซับข้อมูลต่างๆ ตลอดระยะเวลาการทำงาน 2 ชั่วโมงที่ผ่านมาอีกด้วย
5. อย่าลืมประเมิน และปรับ Pomodoro ให้ดีขึ้นเรื่อยๆ
ข้อดีของการจับเวลาและจดบันทึกการทำงานคือ....
เราจะได้เห็นสถิติการทำงานของเรา
นี่อาจเรียกว่าประโยชน์ของสมุดจดการบ้านในอดีต
คือมันไม่ได้ช่วยแค่กันลืม แต่การที่เรามีสถิติอยู่กับมือ ทำให้เราเห็นพฤติกรรมการทำงานของตัวเอง
เช่น เราย้อนกลับไปดูตารางงานอาทิตย์ก่อน แล้วสังเกตว่า Pomodoro ในการ ‘ทำสไลด์สอน’ นั้นมากเกินไป เช่น ทำ 7 รอบกว่าจะเสร็จ
มีความเป็นไปได้ว่า ‘Task: ทำสไลด์สอน’ มันซับซ้อนและใหญ่เกินไป
ฉะนั้น เพื่อให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
เราก็ควรหั่น ‘Task: ทำสไลด์สอน’ ให้ย่อยลงมาอีก เช่น ‘เตรียมข้อมูลสไลด์สอน’ กับ ‘ตกแต่งสไลด์สอน’ ทีนี้ เราก็จะสร้างชัยชนะเล็กๆ ได้เร็วขึ้น และตรงจุดมากขึ้น
นอกจากนี้ ถ้าเรามองดูแล้วว่า task ที่เราจดๆ มันสามารถตัดทิ้งได้ก็ควรตัดทิ้ง, task อันนี้รวบมาทำกับอีกอันได้ ก็รวบมาเป็น task เดียวกัน
หรือ task นี้ใช้ Pomodoro มากไป ก็ปรับ task นั้นให้ง่ายลงอีก
คือว่าง่ายๆ เราควรกลับมาประเมินว่า มีอะไรบ้างที่เราควรเพิ่ม ลด หรือปรับ Task Management เพื่อให้มันมีประสิทธิภาพขึ้นอีก
เทคนิคนี้ไม่ได้แปลว่าจะต้องทำเป๊ะๆ คุณจะเอาไปปรับเป็นสไตล์ของคุณก็ได้แล้วแต่สะดวก เช่น ถ้าคุณคิดว่า Pomodoro 25/5 นาทีนั้นสั้นไป จะปรับเป็น 50/10 นาที ก็ได้
⏰การทำงานตามเทคนิคPomodoro มีข้อดีอย่างไร?
⚡การกำหนดเวลาที่รัดกุมช่วยให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
คุณอาจเคยสงสัยว่าเวลาของการทำงานหายไปไหนหมด
อุตส่าห์นั่งทำงานหลังขดหลังแข็งทั้งวันทั้งคืน
ทำไมสุดท้ายได้งานแค่นิดเดียว
แต่หากคุณใช้เทคนิคPomodoro ช่วยกำหนดเวลาให้รัดกุม คุณจะรู้ได้ว่าในช่วงระยะเวลาหนึ่งคุณสามารถทำงานได้มากน้อยแค่ไหน มีประสิทธิภาพเพียงใด
และอาจค้นพบว่าที่ผ่านมานั้น
(ซึ่งคุณคิดว่าตัวเองนั่งทำงานตั้งนานแต่กลับไม่ได้งานมากอย่างที่คิด)
จริงๆ แล้วคุณเผลอเสียเวลาไปกับเรื่องอื่นๆ มากมายโดยไม่รู้ตัว เช่น การอ่านไลน์ การเข้าห้องน้ำ การอ่านข่าวสารในเว็บไซต์ เป็นต้น
⚡เทคนิคนี้มีความยืดหยุ่นและสามารถปรับให้เข้ากับลักษณะงานได้
เมื่อฝึกใช้เทคนิคนี้จนสามารถให้เวลา 25 นาทีกับการทำงานอย่างเต็มที่แล้ว
คุณอาจปรับเปลี่ยนรายละเอียดปลีกย่อยเพื่อให้สอดคล้องกับลักษณะงานของคุณมากที่สุด
เช่น อาจจะกำหนดเวลาทำงาน 30 นาที แล้วพักสั้นๆ 10 นาทีก็ได้ ไม่จำเป็นที่จะต้องทำเหมือนกันเป๊ะๆ ทุกงาน
⚡ช่วยลดความวิตกกังวลและช่วยให้สมองผ่อนคลาย
การวางแผนการทำงานตามเทคนิคPomodoroนั้น
ให้ความสำคัญทั้งเวลาในการทำงานและการพักสมอง ซึ่งนอกจากช่วยให้คุณสามารถทำงานได้อย่างมีความสุข ไม่มีความกังวลว่าจะมีเรื่องอื่นๆ มาแทรก
ต่างจากการที่คุณไม่วางแผนและคิดถึงงานต่างๆมากมายเกินไป
ที่จะทำให้ความคิดของคุณกระจัดกระจาย
ไม่มีสมาธิจดจ่อกับงานที่อยู่ตรงหน้า
จนสุดท้ายก็ทำไม่เสร็จสักงาน
คุณยังได้มีโอกาสพักสมองเป็นระยะๆ ในช่วงเวลาการพักที่เหมาะสมอีกด้วย
*ขอขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก :
🌼https://medium.com/@layleachirayaklinpipat/pomodoro-technique-%E0%B8%84%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%B0%E0%B9%84%E0%B8%A3-%E0%B8%94%E0%B8%B5%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B9%84%E0%B8%A3-9157388d68cf
🌼https://adaybulletin.com/article-book-actually-pomodoro-technique/25572
🌼https://www.jobdst.com/index.php?option=com_content&view=article&id=475&Itemid=136
👨คุณพ่อขอเล่า :
สำหรับตัวผมนั้นจะถนัดกับการตั้งเวลาตามเทคนิคPomodoro
โดยการตั้งนาฬิกาไว้ที่ 30นาที แล้วให้นาฬิกาเดินนับถอยหลัง
เพื่อกำหนดให้ตัวเราตั้งใจ มีสมาธิอยู่กับงานที่อยู่ตรงหน้า พยายามอย่างสุดความสามารถให้งานที่ทำนั้นสำเร็จให้ได้ภายใน 30นาทีที่วางไว้
ถ้างานชิ้นนั้นยากหรือมีเหตุการณ์ต่างๆเข้ามาแทรก ทำให้งานไม่แล้วเสร็จใน 30นาที ผมก็จะทำการต่อเวลาให้เพิ่มอีก 30นาที แต่ถ้างานยังไม่สำเร็จเสร็จสิ้น ผมก็จะทำการต่อเวลาไปเรื่อยๆโดยไม่พัก
แต่ผมได้กำหนดขอบเขตให้กับตัวเองสูงสุดอยู่ที่ 2ชั่วโมงครึ่ง ถ้าเปรียบเหมือนนักมวยก็ให้ต่อยสูงสุดได้เพียงแค่ 5ยก ยกละ30นาทีเพียงเท่านั้น
เพราะถ้าทำงานติดต่อกันมากไปกว่านี้โดยที่ไม่มีการพักร่างกายและสมองแล้ว ประสิทธิภาพการทำงานของเราจะตกลงเรื่อยๆ เนื่องจากมีอาการเหนื่อยล้าและตึงเครียดจนเกินไป
พอได้ลองใช้เทคนิคนี้มาได้สักพัก
จึงรู้สึกว่า.... ตัวผมมีสมาธิจดจ่อกับงานมากขึ้น และ ความเครียดลดน้อยลง เพราะบริหารจัดการเวลาได้ดีขึ้น
มีเวลาการดูแลคนในครอบครัว
มีเวลาวางแผนทำธุรกิจในอนาคต
มีเวลาดูแลสุขภาพของตัวเอง
มีเวลาทำสิ่งต่างๆได้อีกมากมาย
ทั้งๆที่เวลาชีวิตในแต่ละวันก็ยังคงมี 24ชั่วโมงเท่าเดิม
นี่คือความมหัศจรรย์ของสิ่งที่เรียกว่า....
เวลาตามชีวิตจริง.... เวลาปัจจุบัน ไม่ใช่เวลาในอดีตที่ผ่านไปแล้ว หรือเวลาในอนาคตที่ยังมาไม่ถึง
ผมได้เรียนรู้แล้วว่า ความสุขที่แท้จริงที่ได้ตามหา
นั้นช่างง่ายแสนง่าย สิ่งนั้นคือ....
การทำปัจจุบันให้งดงามและดีที่สุดก็เพียงเท่านั้นเอง
ขอบคุณนาฬิกาชีวิตที่ยังคงตั้งใจเดินต่อไปไม่หยุดพัก
ขอบคุณครับ⏱👨👩👦👦❤
ช่องทางติดตามดูคลิปวีดีโอเพิ่มเติมทางเพจ FB. " Daddy Survivor "
ขอกำลังใจ ฝากติดตามด้วยนะครับ
ขอบคุณมากครับ 😀👪❤

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา