12 ก.ย. 2020 เวลา 05:08 • ไลฟ์สไตล์
Round2 "บริหารเวลาชีวิต โดยการใช้Time Boxing "
🌏พัฒนาตนเองและครอบครัวให้ก้าวไปข้างหน้า
เพื่อตามโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วให้ทัน
ตลอดช่วงชีวิตของผมได้เรียนรู้มีประสบการณ์ชีวิตหลายอย่าง ได้พานพบทั้งสุขและทุกข์ปะปนกัน
ได้ให้คุณค่าสิ่งต่างๆที่ผ่านเข้ามาตามช่วงวัย
ให้คุณค่ากับเกรดเฉลี่ยในวัยเรียน....
เพื่อให้คุณพ่อคุณแม่ยิ้มได้เมื่อผลการเรียนดี
ให้คุณค่ากับตำแหน่งในหน้าที่การงาน.... เพื่อให้ทุกๆคนในสังคมยอมรับ
ให้คุณค่ากับความมั่นคงทางการเงิน.... เพื่อความปลอดภัยของปากท้อง
ให้คุณค่ากับสิ่งอื่นๆอีกมากมายที่ประดังเข้ามาในชีวิต
แต่ตัวผมก็ได้เจอกับความจริงที่ว่า....
มีบางสิ่งบางอย่างที่ได้หายไป
และเราไม่สามารถเรียกมันกลับคืนมาได้
สิ่งนั้นก็คือ "เวลา"
วันเวลาของชีวิตได้ใช้ไปแล้ว จะไม่มีวันหวนกลับ
และจะเหลือน้อยลงไปในทุกวัน
หลายสิ่งหลายอย่างสมหวัง
แต่ก็ยังมีอีกหลายฝันที่ผิดหวังหรือยังไม่ได้ลงมือทำ
เมื่อทรัพยากรเวลานั้นมีอย่างจำกัด
มีวิธีเดียวเท่านั้นที่จะทำให้เราใช้เวลาได้อย่างคุ้มค่า
ทุกๆวินาที ทุกๆลมหายใจที่ได้หายไปตามกาลเวลา
" บริหารจัดการมันซะ ! "
ควบคุมเวลาของชีวิตของเรา ด้วยตัวของเราเอง
ก่อนที่จะสายไป ก่อนเวลานาฬิกาชีวิตจะหยุดเดิน
เวลาผ่านพ้นไป ไวเหมือนโกหก... แป๊บๆ จากเด็กกลายเป็นผู้ใหญ่ และกำลังจะก้าวเข้าสู่วัยชราตอนต้นเสียแล้ว 555 🤣🧒👦🧑👨🧓
👨🏫ผู้รู้ให้คำแนะนำ :
⏱ชีวิตคุณจะเป็นระเบียบยิ่งขึ้น
เมื่อรู้จักบริหารเวลาไปกับ Time Boxing
Time Boxing คือ การบริหารเวลาโดยการวางแผนการทำงานไว้ล่วงหน้าอย่างละเอียด คล้ายกับการทำ To Do List + Calendar
คนส่วนใหญ่จะมีรายการสิ่งที่ต้องทำ (to do list) แปะไว้ที่ข้างฝา แต่ในความเป็นจริงก็เกิดปัญหาตามมามากมาย
⚡ปัญหาแรกคือมันทำให้เกิดตัวเลือกมากเกินไปว่าจะทำอะไรบ้าง
⚡ปัญหาต่อมาคือ คนส่วนใหญ่จะเลือกทำสิ่งที่ง่ายก่อน
⚡ส่วนปัญหาที่สามคือเรื่องที่สำคัญแต่ไม่เร่งด่วนมักถูกทิ้งไว้เป็นลำดับท้าย ๆ
⚡ปัญหาที่สี่คือ รายการสิ่งที่ต้องทำมักจะไม่ได้บอกว่าสิ่งนั้นใช้เวลาแค่ไหน
⚡และปัญหาสุดท้ายคือ ทั้งหมดจะเป็นแค่กระดาษรายชื่อ ถ้าหากเราไม่สร้างเงื่อนไขผูกมัดว่าจะต้องทำให้ได้จริง ๆ
การบริหารเวลาสามารถทำได้ทุกเพศทุกวัย
โดยเริ่มจากการกำหนดเรื่องที่สำคัญหรือสิ่งที่ต้องทำไว้เป็นรายสัปดาห์
เว้นระยะเวลาไว้เผื่อเหตุการณ์ฉุกเฉิน และไม่ลืมที่จะปรับปรุงแพลนที่วางไว้อยู่เสมอ
Time Boxing จะช่วยให้ชีวิตคุณเป็นระเบียบมากยิ่งขึ้น มองเห็นภาพรวมของชีวิต คุณจะรู้สึกว่าได้เป็นนายตัวเองอย่างแท้จริง
ตัวอย่าง Time boxing (To do list + Calendar)
"Time Boxing" คือ การบริหารเวลาโดยการวางแผนการทำงานไว้ล่วงหน้า เพื่อจัดการการทำงานหรือการทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งในอนาคตให้เป็นระบบระเบียบ
คล้ายกับการทำ To do list + Calendar
โดยระบุสิ่งที่จะทำและเวลาในการทำ (Time Box) อย่างละเอียด เป็นการตั้ง Deadline ให้กับงานหรือโปรเจกต์ชิ้นนั้นๆ เพื่อให้เสร็จสิ้นโดยไม่ไปกระทบกับงานหรือกิจกรรมอื่น
⌚วิธีการบริหารเวลากับ Time Boxing
วิธีการบริหารเวลาโดยการใช้ Time Boxing นั้นเป็นเรื่องง่ายแสนง่าย สามารถทำได้ทุกเพศทุกวัย
เริ่มจากกำหนดสิ่งที่ต้องทำรายสัปดาห์
เพื่อให้งานหรือกิจกรรมที่ทำนั้นไม่คลาดเคลื่อน
ใช้เวลา 1- 2 ชั่วโมงในวันหยุดก่อนเริ่มอาทิตย์ใหม่
วางแพลนเพื่อบริหารเวลาให้เป็นระเบียบ
กำหนดสิ่งสำคัญหรือ งานเร่ง งานร้อน งานไฟลุกไว้อันดับหนึ่ง
ตัวอย่างเช่น งานที่ต้องส่งลูกค้าแบบบรีฟปุ๊บส่งปั๊บ, เรื่องฉุกเฉินที่เข้ามาไม่ทันรู้ตัว เป็นต้น
เรื่องสำคัญแต่ไม่ด่วนเท่าไหร่นักไว้อันดับสอง
ตัวอย่างเช่น การเข้าคอร์สพัฒนาทักษะให้ตัวเอง, กินข้าวกับที่บ้าน, เที่ยวกับแฟน, Hangout กับเพื่อน เป็นต้น
เรื่องด่วนจี๋แต่ไม่สำคัญสักเท่าไหร่รองลงมา
ตัวอย่างเช่น การอัพเดตเรื่องชาวบ้าน, ประชุมเล็กๆ ที่เราเข้าก็ได้ไม่เข้าก็ได้, การจ่ายค่าน้ำค่าไฟ เป็นต้น
ไม่ด่วนและไม่เร่ง ไม่ทำก็ได้แต่ลิสท์ไว้ก็ดี
ตัวอย่างเช่น การแบ่งเวลาเพื่อเล่นเกมหรือใช้ Social Media เพียงวันละ 2-3 ชั่วโมง เป็นต้น
เขียน To Do List แบบละเอียด ออกมาให้ชัดเจนว่าภายในหนึ่งอาทิตย์ต้องทำอะไรบ้าง
เป็นการบริหารเวลาอย่างง่าย เรียงลำดับตั้งแต่เรื่องใหญ่ที่สำคัญ ยาวไปจนถึงเรื่องเล็กๆ
หากเป็นไปได้ควรระบุอย่างละเอียดให้มากที่สุด
ตัวอย่างเช่น ในการทำขนมเค้กหนึ่งชิ้น ต้องใช้วัตถุดิบอะไรบ้าง ควรออกไปซื้ออะไรก่อน ซื้อที่ไหน ใช้เวลาประมาณเท่าไหร่ จะเสร็จตอนกี่โมง เป็นต้น
การใช้ Time Boxing ในการจัดการเวลาจะทำให้คุณไม่พลาดสิ่งที่สำคัญและยังสามารถกำหนดเวลาได้อย่างชัดเจนอีกด้วย
เว้นระยะเวลาไว้บ้าง เผื่อเหตุฉุกเฉิน
เมื่อนำเอา Time Boxing มากำหนดสิ่งที่ต้องทำให้เสร็จตามเป้าหมายเรียบร้อยแล้ว สิ่งที่ควรทำอีกอย่างคือการเว้นระยะเวลาไว้เผื่อเรื่องฉุกเฉินหรืองานเร่งด่วนที่เข้ามาแบบกะทันหัน
แต่สิ่งสำคัญคืองานที่เข้ามาแบบเร่งด่วนนั้น คุณจำเป็นต้องเคลียให้เสร็จอย่างเร็วที่สุด เพื่อไม่ให้ไปรบกวนงานในตารางที่ได้วางไว้แล้ว ไม่อย่างนั้นได้รวนกันไปหมดแน่ๆ
ทดลองดูว่าการจัดการเวลาของเราได้ผลไหม
โดยการปฏิบัติให้ตรงตามตารางเวลาที่เราได้วางไว้ สำรวจดูว่าการบริหารเวลาของเราใช้งานได้ผลไหม
มีตรงไหนควรเพิ่มเวลา หรือตรงไหนควรลดเวลาให้น้อยลง เพื่อให้ทุกอย่างลงตัวกว่าเดิม
ทดสอบประสิทธิภาพของ Time Boxing ไปเรื่อยๆ นำไปปรับใช้ในแต่ละอาทิตย์
เพียงเท่านี้ก็จะทำให้การทำงานของคุณเป็นระบบมากยิ่งขึ้นแล้ว
ตัวอย่าง ตารางการบริหารเวลาโดย Time boxing
⏳Time Boxing มีประโยชน์กับเราอย่างไร?
1.เมื่อเรารู้จักการบริหารเวลาจะทำให้เรามองเห็นภาพโดยรวมของงานหรือสิ่งที่เราต้องทำชัดเจนขึ้น
ทำงานได้ถูกตามที่ต้องการ และจะทำให้การใช้เวลาของเรามีคุณภาพมากยิ่งขึ้น
รู้จุดโฟกัสของสิ่งที่ต้องทำ รู้ความสำคัญของเป้าหมาย ควรทำสิ่งไหนเพิ่มขึ้น ควรทำสิ่งไหนน้อยลง กลายเป็นคนที่ละเอียดรอบคอบมากยิ่งขึ้น
2.การใช้ Time Boxing เข้ามาจัดการแพลนประจำวันถือเป็นการบันทึกชีวิตคุณในรูปแบบหนึ่ง
ทำให้คุณทราบถึงสิ่งที่คุณได้ทำไปแล้ว และสิ่งที่คุณยังไม่ได้ลงมือทำ คล้ายกับว่าคุณได้ทบทวนตัวเองไปในตัว คุณจะรู้สึกมี Power เพราะสามารถควบคุมชีวิตตัวเองได้
เมื่อใส่ Timeboxing ลงไปในปฏิทิน ทำให้เกิด ‘สถานะของงาน’
เช่น ถ้ารู้ว่าต้องมีคลิปโปรโมทสินค้าออกอากาศในวันอังคาร และงานนี้จะต้องให้เวลาทีมทำงานประมาณ 72 ชั่วโมง เราจะได้ช่วงระยะเวลาว่าจะต้องวางบล็อกเวลาของงานนี้ตั้งแต่เวลาใดถึงเวลาใดๆ
3.การบริหารจัดการเวลาให้เป็นระบบระเบียบจะทำให้คุณสามารถใช้เวลาที่มีได้อย่างคุ้มค่าและทำงานได้อย่างครบถ้วนที่สุด
ซึ่งการนำเอาเทคนิค Time Boxing มาใช้นั้น นอกจากจะเป็นการใช้เวลาอย่างเป็นประโยชน์ที่สุดแล้ว
ยังถือเป็นการปรับปรุงและพัฒนาตัวของคุณให้ไปในทิศทางที่ดีขึ้นอีกด้วย
Timeboxing ทำได้โดยการมาร์คเอาไว้ให้ชัดเจนเป็นภาพที่จะคอยย้ำเตือนว่างานชิ้นนี้จะต้องเริ่มเมื่อไหร่ ส่งเมื่อไหร่ ผลลัพธ์จะออกมายอดเยี่ยมตามเวลาแน่นอน
4. Timeboxing ทำให้เกิดการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพในการทำงาน
เพราะหากเน้นความสำคัญของงานไว้ในปฏิทิน นอกจากเราจะสังเกตเห็นแล้วเพื่อนร่วมงานก็จะเห็นด้วย ทำให้เกิดความเข้าใจร่วมและเขาสามารถปรับแต่งตารางงานให้สอดคล้องกับงานที่สำคัญของเราได้
การแชร์ปฏิทินการทำงานร่วมกัน ถูกนำมาปรับใช้ในองค์กรชั้นนำหลายแห่ง เช่น กูเกิ้ล และ ไมโครซอฟต์
5.ทำให้เกิดการบันทึกที่ชัดเจนว่าเราทำอะไรสำเร็จไปแล้ว
สุดสัปดาห์เราสามารถทบทวนได้ว่าเกิดอะไรขึ้น มีผลงานอะไรที่เป็นชิ้นเป็นอัน ตลอดจนถึงการนำมาประมวลในระยะยาวว่าอะไรทำได้ดี อะไรยังต้องปรับปรุง
6.เราจะรู้สึกว่าควบคุมสถานการณ์ได้
สิ่งนี้สำคัญมากเพราะการรู้สึกว่าเราทำงานได้ตามแผน ได้เห็นสิ่งที่จะเกิดขึ้นและเห็นสิ่งที่ทำเสร็จไปแล้วทำให้รู้สึกอิ่มเอมและมีความสุขในการทำงาน การล็อคเวลาให้งานสำคัญจะยังช่วยให้เราหยิบเอาสิ่งที่รบกวนหรือไม่สำคัญออกไปได้
ซึ่งต้องเน้นย้ำอีกครั้งว่า ความรู้สึกว่าควบคุมสถานการณ์ในการทำงานได้คือความสุขที่ยิ่งใหญ่ของการทำงานจริงๆ
7.รู้สึกว่าตนเองผลิตงานได้มากขึ้น
เพราะโดยปกติแล้ว การไม่มี Timeboxing จะทำให้เราทำงานหนึ่งชิ้นโดยขยายเวลาออกไปเรื่อย ๆ แบบไม่สิ้นสุด แทนที่จะทำภายในเวลาที่ควรจะทำ
เช่น ถ้าต้องแปลงานหนึ่งชิ้นโดยใช้เวลา 2 ชั่วโมงโดยปกติ แต่หากไม่มีบล็อกเวลา เราอาจจะทำไปเรื่อย ๆ ตบแต่งงาน แวะพัก จนกระทั่งงานนั้นกินเวลาไป 4 ชั่วโมง และเบียดบังเวลาอื่น
การมี Timeboxing จะทำให้เราคุมเวลาได้ว่าควรจะทำอะไรเสร็จเมื่อไหร่ได้ดีขึ้น
อย่าแปลกใจ ถ้าหากมีคนนำบล็อกเวลาไปใช้แล้วพบว่า ทำงานได้มากกว่าปกติถึงสองเท่า!
ขอขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก :
⚡https://shortrecap.co/thinking/%E0%B8%8A%E0%B8%B5%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%84%E0%B8%B8%E0%B8%93%E0%B8%88%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B9%87%E0%B8%99%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%9A%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%9A%E0%B8%A2/
⚡https://learninghubthailand.com/5leveloftrust-2/
เรียบเรียงจาก “How Timeboxing Works and Why It Will Make You More Productive” โดย Marc Zao-Sanders จาก Harvard Business Review เล่มเดือน ธันวาคม 2018
👨คุณพ่อขอเล่า :
ตัวผมนั้นได้พยายามบริหารเวลาของตัวเองมาตลอด
จัดทำรายการสิ่งที่ต้องทำ (To do list)อยู่เสมอ
และพยายามเอารายการแผนสิ่งที่ต้องจดทำใส่ลงในปฏิทิน จดแหลกละเอียดยิบ วิเคราะห์ผลลัพธ์และประเมินตัวเองอยู่ตลอดเวลาจนเป็นนิสัย
ลงมือทำตามรายการที่วางแผนเหล่านั้น
สำเร็จมาก็เยอะ ผิดหวังประสบความล้มเหลวมาก็ไม่น้อยเช่นกัน ส่วนใหญ่จะหนักไปทางล้มเหลวซะเป็นส่วนใหญ่ โดยผมก็ถามตัวเองมาตลอดว่าทำไม?
เราถึงทำตามตารางที่วางแผนเอาไว้ไม่สำเร็จสักที
ยิ่งพยายามมากขึ้นเท่าไหร่ ? ความสุข ความฝันก็ช่างดูห่างไกลออกไปทุกที....
จนถึงวันที่ผมได้มาพบกับภรรยาคู่ชีวิต
ผมจึงได้เรียนรู้ว่า....
ความสุขคืออะไร? เป้าหมายในชีวิตทำไปทำไม? เพื่อใคร?
ตารางTo do list ที่วางแผนไว้ในแต่ละวัน
ผมทำตามได้น้อยลงกว่าแต่ก่อนมาก
แต่สิ่งเล็กน้อยที่ได้ทำร่วมกับภรรยานั้น
กลับส่งผลต่อชีวิตและครอบครัวของเรามหาศาล
ทำให้เราประสบความสำเร็จมากกว่า
การพยายามทำตามรายการที่วางแผนไว้ในตาราง จนครบถ้วนทุกข้อเสียอีก
มานั่งคิดๆดูจึงทำให้เข้าใจได้ว่า....
เราไม่จำเป็นต้องทำงานทั้งหมดให้สำเร็จเสร็จสิ้นในวันเดียว ต่อให้เราเร่งทำให้งานสำเร็จเร็วมากเท่าไหร่ คุณภาพงานยิ่งตกลง ความเครียดยิ่งมากขึ้น
ผลลัพธ์ของงานที่ได้ไม่มีความละเอียดมากพอที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตเราได้
จะได้แต่ความสุขใจปลอมๆ ที่ได้ขีดฆ่างานที่เราทำเสร็จเร่งด่วนแต่ไม่สำคัญในแต่ละวัน
โดยหลงละเลยงานที่ไม่เร่งด่วนแต่สำคัญไป เช่น เรื่องดูแลสุขภาพ ดูแลครอบครัวเป็นต้น
ทักษะสิ่งที่ควรมาพร้อมๆกับการใช้เทคนิค Timeboxingก็คือ.... "การเรียงลำดับความสำคัญ"
เมื่อเรารู้ว่าสิ่งไหนควรทำก่อน ทำทีหลัง
งานไหนต้องทำให้สำเร็จทันที งานไหนทำไปเรื่อยๆโดยหวังผลความสำเร็จระยะยาว
ผลลัพธ์ที่ออกมา ทำให้ผมมีความสุขมากขึ้น
รู้จักปล่อยวาง และไม่มีอาการ burn out ท้อแท้ใจให้เห็นอีกแล้ว
ผมใช้ google calendar มาช่วยจัดการตารางงาน Timeboxing ให้ใช้ง่ายขึ้น วางแผนออนไลน์ดูได้ตลอดเวลาที่ต้องการเลยครับ 🙂
ในปัจจุบันผมให้ครอบครัว ภรรยาและลูก
สำคัญมาเป็นอันดับหนึ่งเหนือสิ่งอื่นใด
ทุกๆความฝันทุกๆสิ่งทุกอย่างที่ลงมือทำ
ก็เพื่อความสุขของแม่เมย์กับฟีนิกซ์ กราฟฟิก
เมื่อเรารู้ว่าสิ่งใดสำคัญ มีความยืดหยุ่นในแผนงานสูง
เนื่องจากผมไม่ได้ดูแลแต่ตัวเองแล้ว ต้องดูแลทุกๆคนในครอบครัว เวลาทั้งหมดในชีวิตจึงเป็นการถัวเฉลี่ยแบ่งปันเวลากันและกันของทุกๆคนในครอบครัว
บางเวลาผมต้องตั้งใจทำงาน
บางเวลาต้องเล่นสนุกสนานกับลูกรัก
บางเวลาต้องหวานซึ้ง ดูแลภรรยาที่รัก
บางเวลาต้องอยู่กับตัวเอง เพื่อพัฒนาจิตใจ
ควบคุมแผนงานที่วางไว้ด้วย "วินัย"
และปล่อยให้ทุกสิ่งทุกๆอย่างเป็นไปตามธรรมชาติ
ที่ควรจะเป็น
ถึงจะปล่อยวางแต่ไม่เคยเลิกล้มความตั้งใจ
สักวันนึงความฝันจะเป็นจริง
ตามสิ่งที่เราได้ตั้งใจลงมือทำนั่นเองครับ 👨👩👦👦❤
ช่องทางติดตามดูคลิปวีดีโอเพิ่มเติมทางเพจ FB. " Daddy Survivor "
ขอกำลังใจ ฝากติดตามด้วยนะครับ
ขอบคุณมากครับ 😀👪❤

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา