Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Spirits of Siam
•
ติดตาม
5 ต.ค. 2020 เวลา 13:37
#จันทร์เจ้าขาบทที่4ตอนที่11,
(5/10/2020)
สวัสดีครับ เพื่อนๆ
คืนวันจันทร์นี้ ขอส่งตอนใหม่ ให้เพื่อนๆได้อ่านเพลิดเพลินก่อนนอนกันนะครับ 😇❤️💙💚🎶🎵
สุขสันต์วันจันทร์ครับ
..
..
บทที่ 4 ขจรมาลา
ตอนที่ 11 ดารารัศมี(2)
#ณ.โลกวิญญาณไม่ไกลจากประตูบริเวณป่าช้าเก่าเวียงกุมกามเมืองเชียงใหม่อำเภอยางเนิ้ง(อ.สารภี)
เสียงร้องฮือ อย่างขัดใจจาก
เหล่านัต ต่อภาพความทรงจำของหมอผีหม่องวิน ที่ยังไม่สามารถให้เบาะแสหรือข้อมูลเพิ่มเติมได้มากขึ้นเท่าไหร่ ..
“ เช่นนี้แล้ว คุณหลวง..มีความเห็นประการใด หรือขอรับ..”
คุณหมอชอว์ ถอนหายใจพลางส่ายหน้า เอ่ยถามคุณหลวงอย่างอ่อนใจ..
คุณหลวงยิ้ม และพยักหน้าให้คุณหมอชอว์.. ก่อนที่จะลุกขึ้น ทูลขอต่อท่าน ท้าวเวสสุวรรณ ว่า..
“ กระผม ใคร่ขอความเมตตาจากท่านท้าวเวสสุวรรณ และพระวัยทัต ..โปรดช่วยดึงความทรงจำของเหล่าพยาน และหมอผีหม่องวิน ที่เห็นฆาตกรอีกครั้งหนึ่ง ด้วยเถิดขอรับ..”
ท่านท้าวเวสสุวรรณพยักหน้าอนุญาต แล้วจึงหันไปกล่าวกับพระวัยทัต ว่า..
“ขอให้เป็นไปตาม คุณหลวงปรารถนาเถิด..”
พระวัยทัตจึงวาดวนไม้เท้าจตุรอาชาขึ้นกลางอากาศอีกครั้งหนึ่ง ให้ปรากฏภาพความทรงจำ ..
ภาพแรก เป็นการร่ายรำในกองเพลิงที่เรือนคหบดี ของร่างไร้ศีรษะ ที่ช่างดูน่าสยดสยองยิ่งนัก.. เพราะทุกๆครั้งที่ร่างนั้นแกว่งดาบตัดไฟ ก็ปรากฏสีเขียวเป็นอัคคีมรกต.. เช่นเดียวกันกับเวลาที่กระทืบพื้นตามจังหวะการเหวี่ยงดาบ..
และเมื่อร่างนั้น เริ่มฟาดดาบหมุนฟันไวปานจักรผัน เข้าใส่ผู้เคราะห์ร้ายในกองเพลิงเหล่านั้น ชีวิตแล้วชีวิตเล่า ก็ถูกฟันให้ร่วงลง..สิ้นชีวิตในกองเพลิง..
จนกระทั่ง ร่างไร้ศีรษะนั้น ถือดาบที่เปื้อนเลือด ย่างเท้า ก้าวเข้ามาถึงตรงหน้าของเด็กชายลึกลับ..
ร่างนั้น ก็ฟันดาบลงตรงเชือกที่มัดเด็กชายให้ขาดอย่างรวดเร็ว จนเกิดอัคคีมรกต เป็นเส้นยาว.. แล้วร่างนั้นก็ค่อยๆเลือนหายไป..
จากนั้น ก็ตัดกลับมาที่ภาพการร่ายรำดาบที่ดูลึกลับ และชวนขนหัวลุกของเจ้าน้อยพรหมที่หน้าเรือน ของเจ้าอุปราช ..
ขณะที่อีกวงอากาศ ก็ปรากฏภาพความทรงจำของหมอผีหม่องวิน ที่มองการร่ายรำดาบของร่างไร้ศีรษะ ..
“...พรึง/...ป๊ะ/..../...ป๊ะ/..../
...พรึง/..../...พรึง”
เสียงคุณหลวงฮัม จับจังหวะ พร้อมกับ จ้องจังหวะการลงเท้าเยื้องย่าง ในท่ารำของร่างไร้ศีรษะ ในวงอากาศนี้..
“...พรึง/...ป๊ะ/..../...ป๊ะ/..../
...พรึง/..../...พรึง
นี่คือเพลงดาบพม่าโบราณ ที่ใช้จังหวะย่างเท้า ตาม
เสียงหน้าทับพม่าห้าท่อน..
จึงเห็นได้ชัดว่า ร่างไร้ศีรษะนี้ กำลังใช้เพลงดาบของพม่าในการร่ายรำ และปลิดชีพ ผู้อื่น..”
คุณหลวง เอ่ยขึ้นกับย่าสังไส้ และคุณหมอชอว์..
จากนั้นจึงหันไปจ้อง นับจังหวะการย่างเท้า ร่ายรำดาบของร่างเจ้าน้อยพรหม แล้ว กล่าวต่อว่า..
“ในขณะที่..เพลงดาบของเจ้าน้อยพรหม ย่างเท้าและสะบัดดาบรวดเร็ว ฟันได้คมและชัดเจน.. ตามจังหวะกลองหลวง กลองแอว ของพวกไทยอง..”
เมื่อคุณหลวงพูดเสร็จ จึงเงยหน้า ขึ้นมองท่านท้าวเวสสุวรรณ และคุณหนูฆฤณ..แล้วจึงสูดหายใจเข้าลึกครั้งหนึ่ง แล้วเอ่ยถามด้วยเสียงดังก้องกังวานว่า..
“ กระผมใคร่ขอถาม ..
นัตโยนบะเยง(เจ้าชายเมกุฏิ์) ผู้เชี่ยวชาญเพลงดาบคู่ ทั้งจากสำนักพระเจ้าบุเรงนอง และเพลงดาบแห่งล้านนาว่า ..ร่างไร้ศีรษะทั้งคู่ที่ปรากฏในความทรงจำทั้งสามนี้ เป็นผู้เดียวกันหรือไม่ ขอรับ..”
เจ้าชายเมกุฏิ์ ยังคงนิ่งเฉยมิได้ตอบคำถาม คุณหลวง ในทันที.. จนกระทั่ง คุณหนูฆฤณ จ้องมองเจ้าชายเมกุฏิ์ด้วยสายตาอยากรู้..
เจ้าชายเมกุฏิ์จึงอมยิ้มแล้วตอบว่า..
“จากเพลงดาบที่เห็น จึงกล่าวได้ว่า..ร่างไร้ศีรษะในกองเพลิง กับร่างไร้ศีรษะที่ปลิดชีพ หมอผีหม่องวิน คือ ร่างเดียวกัน และใช้เพลงดาบกะเหรี่ยง ..
จากสำนักตะคะญี ในเคล็ดวิชาการหมุนข้อมือเปลี่ยนการฟัน เป็นการเฉือนเข้าจุดสำคัญ..และเปลี่ยนการเฉือนเป็นการฟันเมื่อตั้งท่ารับดาบ..วงดาบหมุนไวนี้ทำให้ข้านึกถึง เพลงดาบบนหลังม้าของสีอ่องยิ่งนัก..
ส่วนเพลงดาบของร่างไร้ศีรษะ อีกร่างนั้น เป็นเพลงดาบที่ใช้การฟัน และการสับ ด้วยกำลังจากการบิดเอว อันเป็นเคล็ดวิชาดาบของอาณาจักรล้านนา..และที่สำคัญ จิตสังหารของร่างนี้เต็มไปด้วยความอาฆาตพยาบาท ..แต่ในขณะที่จิตสังหารของอีกร่างนั้น เต็มไปด้วยการปกป้องและคุ้มครอง มากกว่าการพยาบาท..”
เจ้าชายเมกุฏิ์พูดตอบ โดยไม่ได้มองคุณหลวงแม้แต่น้อย ..แต่กลับส่งสายตาหาคุณหนูฆฤณ..แล้วพูดว่า..
“ข้าคิดว่า.. ควรจะเรียกหม่องบองขึ้นให้การ ต่อจากนี้ นะ..ทิพย์ตะวัน..”
คุณหนูฆฤณ รู้สึกเขินอายกับดวงตาโศกสีน้ำตาลคู่นั้น ..จึงหันกลับไปพูดกับ
ท่านท้าวเวสสุวรรณ ว่า..
“ลูกเห็นด้วยกับ เหตุผลของนัตเจ้าชายเมกุฏิ์ นะเจ้าคะ.
ขอท่านพ่อโปรดอนุญาตให้ลูกเรียก วิญญาณหลงทางหม่องบองขึ้นให้การ ด้วยเถิดเจ้าค่ะ..”
ท่านท้าวเวสสุวรรณยิ้มอย่างเมตตา ให้คุณหนูฆฤณ แล้วเอ่ยว่า..
“ขอจงเป็นไปตามลูกปรารถนาเถิด..”
“จงนำวิญญาณหม่องบองขึ้นให้การ ณ.บัดนี้..”
ท่านท้าวเวสสุวรรณประกาศสั่งด้วยสิทธิอำนาจอีกครั้ง..
จบบทที่ 4 ตอนที่ 11
..
..
#เกร็ดเพิ่มเติม
#กลองหลวง
กลองหลวง มีพัฒนาการมาจากกลองแอว กลองหลวงเป็นกลองที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของชาวล้านนา นิยมตีในการแข่งขันความดังในการประชันเสียงเป็นเครื่องดนตรีอีกประเภทหนึ่งที่ใช้การตีเป็นการบอกจังหวะ ซึ่งมีความสลับซับซ้อนเริ่มตั้งแต่การทำจนถึงการตีประโคม กลองชนิดนี้เป็นเอกลักษณ์ที่สำคัญของชาวล้านนา โดยเฉพาะแถบบริเวณลุ่มน้ำปิงของจังหวัดลำพูนและเชียงใหม่ เป็นเครื่องดนตรีของชาวไทยอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งชาวไทยองในจังหวัดและเป็นที่นิยมแพร่หลายในเขตล้านนาโดยเฉพาะลำพูน เชียงใหม่
กลองหลวงสมัยโบราณประมาณ พ.ศ.๒๓๔๕-๒๔๒๗ ความกว้างของหน้ากลองประมาณ ๑๘-๑๙ นิ้ว มีความยาวประมาณ ๑๔๘ นิ้ว ใช้เกวียนเป็นพาหนะในการเคลื่อนย้าย
สวัสดี และขอจบเพียงเท่านี้
ขอบคุณครับ
ร้อยเรียงจันทร์เจ้าขา
(T.Mon)
5/10/2020
ข้อมูลสนับสนุนส่วนหนึ่ง:
สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดลำพูน
บันทึก
27
61
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
นิยายจันทร์เจ้าขา
27
61
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย