9 ต.ค. 2020 เวลา 11:47 • กีฬา
ความสุขผ่าน “เสียง” เรื่องราวที่คนฟัง “วิทยุ” จะเข้าใจดี
โดย บ้านช่างเขียน
1
​ถ้าลองถามคนที่ชื่นชอบการดูฟุตบอลว่า ให้เลือกนักพากย์ฟุตบอลที่คุณชื่นชอบมาสักหนึ่งคน ชื่อของ “น้าหัง” อัฐชพงษ์ สีมา, “พี่ฟลุ๊ค” ธีรยุทธ บัญหนองสา หรือรวมไปถึงนักพากย์รุ่นเก่าอย่าง “บิ๊กจ๊ะ” สาธิต กรีกุล, “พี่หนุ่ย” เอกราช เก่งทุกทาง และอีกมากมายหลายชื่อคงโผล่เข้ามาเป็นคำตอบของคำถามนี้ แต่สำหรับผมแล้ว บรรดาผู้เชี่ยวชาญด้านการใช้เสียงในการเพิ่มอรรถรสให้เกมฟุตบอลเหล่านี้ยังไม่ใช่ที่สุด ไม่ใช่เพราะว่าพวกเขาไม่เก่ง ไม่มีคาแรกเตอร์ที่เด่นชัด แต่เป็นเพราะว่าคนที่ผมชอบมากที่สุด คือคนที่ผมมีช่วงเวลาที่น่าจดจำกับพวกเขาด้วยเท่านั้นเอง
​ย้อนกลับไปช่วงที่เรียนประมาณ ม.ต้น ที่โรงเรียนมัธยมวัดเบญจมบพิตร ที่นี่เป็นสถานศึกษาของเด็กผู้ชาย (โรงเรียนชายล้วน) ที่หน้าตาดีสุดในย่านดุสิต (อันนี้หยอกครับ 5555) หนึ่งกิจกรรมที่เราชื่นชอบและทำด้วยกันบ่อยสุดก็คือ การเล่นฟุตบอล ไม่ได้ชอบธรรมดา เรียกได้ว่าชอบกันแบบบ้าคลั่ง เรามักใช้เวลาเล่นบอลตอนช่วงเช้าก่อนเข้าแถว หรือหลังจากกินข้าวเที่ยงเสร็จโดยที่ข้าวยังไม่ย่อยลงกระเพาะดี รวมไปถึงช่วงที่เราไม่ค่อยสนุกกับการเรียน (โดดเรียนนั่นแหละครับ) เราจะยอมถูกพ่อแม่บ่นว่าเสื้อนักเรียนที่พวกเขาอุตส่าห์หมักน้ำยาปรับผ้านุ่นจนหอมฟุ้ง และบรรจงจับจีบเสื้อ รีดจนเรียบร้อย แต่พอกลับบ้านมากลับมีแต่คราบเหงื่อที่ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าชุ่มแค่ไหน รวมไปถึงรอยยับยู่ยี่จากการถูกฉุดกระชากลากถู และล้มลุกคลุกคลานลงไปบนพื้น แต่นั่นไม่ได้ทำให้เรารู้สึกสะทกสะท้านเลยแม้แต่นิดเดียว
1
​นอกจากนี้ “การจับกลุ่มเพื่อพูดคุยเรื่องฟุตบอล” ก็เป็นอีกกิจกรรมที่เราทำบ่อยครั้งเช่นกัน ยิ่งในช่วงไหนที่มีคู่บอลที่เป็นกระแส เรื่องเล่ายิ่งมีมากขึ้น
​นั่นแหละครับจุดเริ่มต้นของเรื่องราว ด้วยความที่ผมอยู่ในครอบครัวที่ไม่ได้มีฐานะ ทำให้ไม่มีโทรทัศน์ไว้ดูฟุตบอล สิ่งเดียวที่พอจะทำให้ผมรู้เรื่องฟุตบอลมากที่สุด และสามารถนำไปพูดคุยกับเพื่อนได้ในตอนเช้าก็คือ การฟังฟุตบอลผ่านทาง “วิทยุ” โดยในทุกค่ำคืนที่รู้ว่ามีการแข่งขันฟุตบอลคู่ที่น่าสนใจ ผมมักจะเข้าไปเอ่ยปากกับพ่อเพื่อขอยืมโทรศัพท์ แล้วเข้าแอปพลิเคชันวิทยุ เปลี่ยนไปที่คลื่น FM.96 Sport Radio เพื่อฟังการบรรยายฟุตบอล และยิ่งถ้าคืนไหนมีรายชื่อผู้บรรยายเป็น 2 คนนี้ คืนนั้นจะเป็นการฟังที่ได้อรรถรสเป็นอย่างมาก
​“พี่คม” อธิคม ภูเก้าล้วน ถ้าพูดถึงพี่คม สโลแกนที่เหมาะกับตัวเขามากที่สุดคงหนีไม่พ้น “มันส์กว่าตาเห็น” ซึ่งเป็นสโลแกนที่ทาง FM.96 Sport Radio ใช้ทำโฆษณา ซึ่งทุกคนยังหาฟังได้ทาง Youtube (ชื่อคลิป SPOT Mouthsy 96 Sport Radio 30 Sec 16 9) ถ้าอ่านถึงตรงนี้แล้วคุณยังไม่ได้เปิดไปฟัง ผมจะเล่าให้ฟังต่อครับว่า มันส์กว่าตาเห็นเป็นยังไง ในทุกๆ จังหวะของการเข้าทำประตู จนกระทั่งจังหวะนั้นส่งผลให้เป็นประตู ถ้าเป็นการพากย์ฟุตบอลทั่วไป ก็จะใช้โทนเสียงที่มันปกติ ประมาณว่า “ซานติ การ์ซอร์ล่า เปิดเข้ามาหน้ากรอบเขตโทษ บอลถึงนาสรี่ ยิงเข้าไปแล้วครับ อาร์เซนอลขึ้นนำ” แต่ถ้าเป็นพี่คมพากย์ก็จะประมาณนี้ครับ “ซานติ การ์ซอร์ล่า โยนมาเสาแรก เข้าทางนาสรี่ ยิง! เรียบร้อยยยยยยยยย” ผมกำลังจะบอกว่า สิ่งที่ทำให้นักพากย์อย่างพี่คมแตกต่างจากคนอื่นก็คือ “อารมณ์ร่วมกับเกม” ซึ่งพี่เขามีมากกว่าคนอื่นๆ แล้วถ้าใครบอกว่าดูฟุตบอลหรือฟังบรรยายคู่ดึกแล้วจะรู้สึกง่วง คุณลองมาฟังดูครับ คำว่าง่วงตัดไปได้เลย ถ้าไม่ปิดเสียงคุณนอนไม่หลับแน่นอน
​ส่วนอีกหนึ่งคนที่ผมชื่นชอบไม่แพ้กันก็คือ “พี่นัท” วันชนะ ศรีจำปา สำหรับคำบรรยายสรรพคุณของผู้ชายคนนี้ก็คงจะประมาณว่า “อารมณ์ร่วมกับกับเกมเต็มที่ ความรู้เกี่ยวกับฟุตบอลที่มีก็เต็มเปี่ยม” ในเรื่องของอารมณ์ร่วมกับเกม พี่นัทคืออีกหนึ่งคนที่มีความมันส์มากพอสมควร ไม่ได้น้อยไปกว่าพี่คมเลย และอีกหนึ่งสิ่งที่พี่นัทได้เปรียบคนอื่นๆ และเป็นจุดเด่นของพี่เขาก็คือ ข้อมูลต่างๆ ที่นำมาเสนอให้ผู้ฟังได้รับรู้ เป็นอะไรที่เรารู้สึกว่ามันน่ารู้จริงๆ การันตีเรื่องความรู้ข้อนี้ได้ด้วยรางวัล “แฟนพันธุ์แท้นักเตะระดับโลก” ที่พี่เขาไปกวาดมาจากรายการแฟนพันธุ์แท้นั่นแหละครับ
​สิ่งที่พี่สองคนนี้มีเหมือนกันก็คือ “การใช้เสียง” มีไม่มากนักที่คนพากย์ฟุตบอลจะออกเสียงเรียกชื่อนักเตะได้แบบลื่นไหล ไม่สะดุด ยิ่งถ้าคนไหนเจอชื่อนักฟุตบอลที่เรียกยาก หรือว่ายาวเกินไป ก็จะมีอาการกระตุกให้เห็น แต่สำหรับไอดอลของผมคู่นี้ ผมแทบไม่เคยได้ยินอาการแบบนั้นเลย (แต่อาจจะมีในวันที่ผมไม่ได้ฟังก็ได้นะ 5555)
​ตัวผมเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเคยฟังพี่คมและพี่นัทพากย์บอลคู่กันบ้างหรือเปล่า แต่ถ้ามีโอกาส ผมก็อยากฟังสองคนนี้มานั่งพากย์ร่วมกันดูนะ มันคงเป็นอะไรที่สนุกและน่าติดตามเป็นอย่างมากสำหรับคนรักฟุตบอลอย่างเรา โดยเฉพาะเหล่าบรรดาแฟนบอลวิทยุที่ยังคงถามหา 2 คนนี้ว่าพี่แกไปไหน ทำไมไม่เห็นพากย์ฟุตบอลเลย
​เชื่อหรือเปล่าครับว่า ผมอินกับการพากย์ฟุตบอลของทั้งคู่มาจวบจนทุกวันนี้ ทุกครั้งที่มีโอกาสนั่งเล่นเกมฟุตบอลกับเพื่อน ผมมักจะแสดงท่าทางว่าตัวเองประดุจดั่งนักพากย์ชื่อดัง คอยบรรยายเกมให้เพื่อนได้ฟัง แม้ว่าในบางครั้งเพื่อนอาจจะมีอารมณ์รำคาญบ้างก็ตาม (รบกวนสมาธิในการเล่นของมันมั้ง 5555) แต่ผมบอกเลยครับว่าผมไม่สน เพราะผมอยากเป็นนักพากย์ฟุตบอลเหมือนกัน
​ทุกวันนี้แม้ไม่รู้ว่าจะไปหาฟังพี่สองคนนี้พากย์ฟุตบอลที่คลื่นวิทยุไหนบ้าง แต่ยังตามผลงานพวกเขาได้ในโลกออนไลน์ อย่างในรายของพี่นัท ล่าสุดที่ฟังพี่แกบรรยายฟุตบอล ก็คือตอนที่ขอบสนามไปจัดกิจกรรมร่วมกับ PAN ที่เปิดตัวรองเท้าฟุตซอลคู่ใหม่ ถึงแม้จะไม่ใช่การพากย์ฟุตบอลที่เป็นทางการแต่มันก็ทำให้เราคิดถึงช่วงเวลาเหล่านั้นขึ้นมาได้บ้าง และยังสามารถติดตามพี่นัทได้ผ่านทาง Facebook Fanpage “เดอะนัทซัดหมดแม็กซ์” รวมไปถึง “ขอบสนาม หามมาเล่า Live” ที่พี่นัทร่วมจัดรายการด้วย แนะนำให้ดูตอนไลฟ์สดนะครับ ลองฟังเสียงการเล่าข่าวของพี่เขาดู แล้วคุณจะรู้ว่าทำไมผมถึงชื่นชอบ
​ส่วนทางด้านพี่คม สามารถติดตามพี่เขาได้ผ่านทาง Facebook Fanpage “อารมณ์คมคาย” เช่นกันครับ แนะนำให้ลองฟังพี่เขาไลฟ์สดช่วงที่เล่าข่าว แล้วคุณจะหลงรักเสียงของพวกเขา
​ไม่แน่ว่าในอนาคตหากผมมีโอกาสได้เป็นผู้จัดรายการฟุตบอลสักหนึ่งรายการ แล้ววันนั้นพี่ทั้งสองคนยังมีแรงพอจะมานั่งตะเบ็งเสียงใส่ไมค์ ผมก็พร้อมจะอัญเชิญพวกเขามานั่งพากย์บอลให้แฟนๆ ได้ฟังกันอย่างแน่นอน แต่ตอนนี้ขอแค่นั่งเขียนรำลึกถึงความหลังก่อนแล้วกันนะครับ
​แล้วทุกคนล่ะครับ มีใครที่เป็นไอดอล หรือเป็นคนที่อยู่ในความทรงจำดีๆ บ้างหรือเปล่า ลองมาแชร์ประสบการณ์กันได้นะครับ ไม่แน่ว่าคนที่เราเขียนถึงเขาในบทความ อาจจะดีใจและก็คงภูมิใจไม่น้อยที่ได้รู้ว่ามีคนที่ชื่นชอบผลงานของเขาอยู่มากมายแค่ไหน
#เบญจมบพิตร #บอลไทย #ฟุตบอลไทย #วิทยุ #อารมณ์คมคาย #เล่นเป็นเรื่อง #PlayNowThailand
อัพเดตข่าวสารกีฬาก่อนใคร
พร้อมมีของรางวัลพิเศษให้ร่วมสนุกกันเป็นประจำ
ร่วมไลค์ ร่วมแชร์ Play Now Thailand 🇹🇭
ฝากติดตาม https://www.youtube.com/c/KhelNowThailand

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา