16 ต.ค. 2020 เวลา 11:30
จักรวาลเรื่องเล่าจากชมรมศิลป์ : #5
Time, Motion and Trend Line
กริ๊ง... กริ๊ง...
เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นตามเวลาที่ถูกตั้งไว้ทุกวัน ผมเอื้อมมือควานหาปุ่มปิดเสียงด้วยความงัวเงีย พร้อมลืมตาขึ้นมองไปรอบห้องที่มืดสลัวจนรู้สึกไม่อยากลุกจากเตียง อากาศที่เริ่มเย็นลงแบบนี้พระอาทิตย์ยังขี้เกียจและตื่นสายเลย กว่าพระอาทิตย์จะขึ้นก็ 7 โมงเช้า ทำไมผมต้องตื่นตั้งแต่ 06.30น ทุกเช้าด้วยนะ ผมบ่นในใจด้วยความรู้สึกอ่อนล้า...เมื่อคืนทำเอกสารเพื่อเข้าประชุมกว่าจะได้นอนเกือบตีสอง มึนหัวแบบนี้จะประชุมได้เรื่องหรือเปล่านะ...
ผมลุกขึ้นนั่งที่เตียงจนรู้สึกเริ่มหายงัวเงีย จึงก้าวเท้าลงจากเตียงอย่างช้าๆ เพื่อทำภารกิจส่วนตัวจนถึงเวลาที่ต้องออกจากห้องไปทำงาน
ถนนภายนอกสว่างแล้วแต่ยังมีหมอกบางๆ ปกคลุมอยู่ ถนนหนทางเริ่มคราคร่ำไปด้วยผู้คนที่เดินเต็มฟุตบาท ภาพเคยชินที่มองเห็นการเดินแบบต่างคนต่างเร่งรีบไม่สนใจใคร มุ่งหน้าไปในทิศทางเดียวกัน
โทนเสื้อสีเข้มๆ ดำบ้าง เทาบ้าง น้ำเงินดำบ้าง ที่เคลื่อนไหวไปมา ทำให้ดูเหมือนภาพซ้อนจนแยกไม่ออก เป็นภาพวิถีชีวิตแบบเดียวกันที่เกิดซ้ำๆ ในทุกวันทำงาน ผมก้าวเดินเข้าไปและค่อยๆ กลืนไปท่ามกลางฝูงชนเหล่านั้น
ทันทีที่ประตูสำนักงานปิดสนิท ภาพบรรยากาศพลุกพล่านภายนอกก็หายไป ทุกเช้าเราจะมีประชุมทีมงานร่วมกันก่อนแยกย้ายทำหน้าที่ของตัวเอง
หลังประชุมเสร็จผมแวะไปหาโรเบอร์โต้เพื่อขอแนะนำการวิเคราะห์ข้อมูลบางเรื่อง
"ว่าไงพีร์ วันนี้ดูหน้าตานายอ่อนโรยเหลือเกิน วันนี้วันศุกร์แล้ว เย็นนี้ไปหาอะไรแก้เหนื่อยกันดีกว่า"
โรเบอร์โต้ทักทายทันทีที่ผมเข้าไปในห้องของเขา แต่ตาของเขายังคงอยู่บนหน้าจอมอนิเตอร์ต่างๆ ต่อไป
ห้องทำงานของโรเบอร์โต้ช่างสมกับความเป็นคนอิตาลีเมืองแห่งศิลปะ นอกจากหน้าจอมอนิเตอร์แสดงข้อมูลที่มีอยู่หลายจอ ในห้องยังมีเสียงเพลงคลาสสิกคลอเบาๆ และมีภาพพิมพ์ของงานศิลปะแขวนบนผนังห้อง ทุกครั้งที่ผมมาคุยงานกับโรเบอร์โต้ ผมมักจะมองภาพพิมพ์บนผนังเหล่านี้ โรเบอร์โต้บอกว่าภาพส่วนใหญ่เป็นภาพทำซ้ำจากผลงานของศิลปินแนวโมเดิร์นอาร์ตที่เขาชื่นชอบ
Credit : school.stockcharts.com
ผมนั่งลงที่เก้าอี้ที่อยู่ด้านตรงข้าม และมองภาพบนผนังที่ด้านหลังโต๊ะของโรเบอร์โต้ไปพลางๆ ระหว่างรอโรเบอร์โต้เสร็จจากการดูข้อมูลบนจอมอนิเตอร์ ภาพพิมพ์ตรงหน้าเป็นภาพที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในห้องของเขา เป็นภาพที่ผมไม่เข้าใจแม้จะพยายามดูทุกครั้งที่เข้ามาในห้องนี้
สักพักใหญ่โรเบอร์โต้ก็เสร็จงานและเงยหน้ามองผมด้วยสีหน้าที่สบายๆ
"ร่างเปลือยเดินลงบันไดหมายเลข 2 (Nude Descending a Staircase, No. 2) ผลงานของมาเซล ดูชอง(Marcel Duchamp) ศิลปินฝรั่งเศสวาดเมื่อปีค.ศ. 1912"
เสียงโรเบอร์โต้ที่พูดขึ้นทำให้ผมละสายตาจากภาพหันมามองเขา แล้วหัวเราะเบาๆ
"ผมดูภาพนี้หลายครั้งแต่ไม่รู้ว่าภาพนี้สื่อความหมายอะไร"
โรเบอร์โต้จึงพูดต่อว่า "ภาพนี้เป็นศิลปะแบบโมเดิร์นอาร์ตแนวหนึ่งที่พัฒนาต่อมาจากแนวทางบาศกนิยม (Cubism) ของปิกาโซ (Pablo Picasso) เดิมดูชองนำภาพไปร่วมประกวดในนิทรรศการของศิลปินแนวบาศกนิยม ในฝรั่งเศสแต่ถูกปฎิเสธว่าไม่ใช่แนวทางบาศกนิยม ทำให้เขานำภาพไปจัดแสดงร่วมกับศิลปินแนวฟิวเจอร์ริสม์ (Futurism) ที่นิวยอร์คแทน ก็คงจะแถวๆ นี้ไงล่ะ"
ขอบคุณนะโรเบอร์โต้ แต่ผมก็ยังไม่เข้าใจความหมายของภาพอยู่ดี ผมคิดในใจแล้วพูดว่า "แล้วภาพนี้สื่อความหมายอะไร ภาพแนวนี้ทำความเข้าใจยากกว่าภาพแบบคลาสสิกเดิมจริงๆ"
โรเบอร์โต้ หัวเราะอย่างขบขันแล้วพูดว่า ""ภาพนี้คือภาพผู้หญิงเปลือยกายที่เดินลงจากบันได ดูชองประมวลภาพการเดินจากภาพถ่ายต่อเนื่องของช่างภาพคนหนึ่งแล้วปรับรูปทรงให้ง่ายแบบบาศกนิยม และให้มีเส้นสายที่ต่อเนื่องด้วยแนวการซ้ำๆ ของเส้นตามจังหวะการเดินลงบันได"
ฟังโรเบอร์โต้พูดถึงตรงนี้ ทำให้ผมนึกถึงภาพบรรยากาศที่ผมประสบทุกเช้าเลย ศิลปะแบบโมเดิร์นอาร์ตคือแนวทางที่สะท้อนสภาพความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นจากการปฎิวัติอุตสาหกรรม ซึ่งแนวคิดแบบเดิมไม่สามารถตอบหลักคิดของคนในยุคใหม่ได้นั่นเอง
Credit : school.stockcharts.com
"เราสร้างความเคลื่อนไหวในภาพนิ่งได้หลายวิธีนะ ตำแหน่งทิศทางของวัตถุ ท่าทางของแบบ หรือการสร้างฉากหลังแบบเส้นเบลอๆ ก็ทำให้รู้สึกถึงความเคลื่อนไหวเช่นกัน นายบอกว่าภาพนี้มาจากภาพถ่ายต่อเนื่อง คงต้องมีความหมายอะไรแน่ๆ" ผมแย้งโรเบอร์โต้จากความรู้ด้านการถ่ายภาพของตัวเอง
1
"วิธีที่นายพูดถึงสร้างการเคลื่อนไหวให้กับภาพได้จริง แต่ได้เพียงสื่อให้เรารู้สึกว่าจุดเด่นในภาพกำลังเคลื่อนไหว ถ้าเป็นความเคลื่อนไหวที่มีมิติต่างๆ หรือมีการจับจังหวะการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนเป็นช่วงๆ จะสามารถนำเราไปสู่ปลายทางหรือผลลัพธ์ได้ดีกว่านะ เป็นการนำหลักวิชาการมาประยุกต์ทำให้ศิลปะมีความหลากหลายด้วย นายน่าจะเคยเห็นภาพซ้อนที่ถ่ายต่อเนื่องเพื่อแสดงท่าทางการเล่นกีฬานะ อย่างเช่นภาพท่าตีกอล์ฟ ท่าเต้นต่างๆ ที่เหมือนเอาภาพวิดีโอทั้งเรื่องมารวมซ้อนกันในภาพเดียว" โรเบอร์โต้ตอบข้อสงสัยของผม
"ภาพนี้ของดูชองกลายเป็นต้นแบบสำคัญภาพหนึ่งของศิลปะแนวโมเดิร์นอาร์ตเลยนะ ดูชองบอกว่าเขาต้องการสื่อให้เห็นองค์ประกอบต่างๆในภาพที่สามารถสื่อถึงการเคลื่อนไหวทั้งหมดในภาพเดียว" จบประโยคอธิบายของโรเบอร์โต้ทำให้ผมพอจะเข้าใจความหมายของภาพนี้
Source : TheCollector - Giovanni Battista Piranesi
"อย่างนี้นี่เอง" ผมคิดตามสิ่งที่โรเบอร์โต้พูดจนลืมว่าผมจะมาหาเขาเพราะเรื่องอะไร จู่ๆ โรเบอร์โต้ก็พูดขึ้นว่า
"ลองเปลี่ยนภาพนี้เป็นข้อมูลการเงินดูสิ นายว่ามีอะไรเหมือนกันหรือเปล่า ผมว่าภาพนี้สะท้อนได้ดีเลยนะ "
ประโยคนี้ของโรเบอร์โต้ทำให้ผมสะดุดกับความคิดที่กำลังไหลไปตามจินตนาการของภาพบนผนังห้อง แล้วหัวเราะแบบชอบใจ
ไม่น่าเชื่อว่าคำตอบที่ผมต้องการจะอยู่ในภาพที่แขวนบนผนังหลังโต๊ะของโรเบอร์โต้ เป็นภาพพิมพ์ที่ผมดูมาหลายครั้งแต่ไม่เคยเข้าใจความหมายของภาพสักที จนโรเบอร์โต้ได้ช่วยไขให้เกิดความกระจ่างกับผม
Plate 14 of Piranesi's Prisons Souce : www.let.leidenuniv.nl
โรเบอร์โต้เห็นผมหัวเราะชอบใจเลยพูดต่อว่า "การวิเคราะห์กราฟเทคนิคก็คล้ายกับแนวทางของภาพนี้ที่เอาจังหวะการเคลื่อนของกราฟในแต่ละช่วงเวลามาวิเคราะห์เพื่อคาดการณ์การเคลื่อนไหวทิศทางราคาในอนาคต เพียงแต่ว่าอาจจะไม่สามารถคาดการณ์ได้ถูกต้อง 100% คลาดเคลื่อนกันได้ แต่ก็ช่วยให้ลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ถ้าไม่เกิดปัจจัยบิดเบือนต่างๆ ทั้งการการแทรกแซงราคา หรือข่าวร้ายๆ ต่างๆ"
"เหมือนการตีกอล์ฟที่แม้นายจะตีในท่าทางเดียวกันและตีถูกลูกในจุดเดียวกัน แต่ลูกกอล์ฟก็อาจไม่ไปตกที่ตำแหน่งเดียวกันเสมอ เพราะกระแสลม หรือสภาพสนามที่ต่างกันในการตีแต่ละครั้ง การตีบ่อยๆ เพื่อสร้างประสบการณ์ และการเรียนรู้ความเสี่ยงและผลของความเสี่ยงต่างๆ จะช่วยแก้ปัญหาเหล่านี้ได้บ้าง"
เริ่มต้นจากเรื่องศิลปะ การเงิน โรเบอร์โต้เริ่มไปถึงกีฬา ผมเปลี่ยนเรื่องคุยดีกว่า
"นายนี่เก่งจริงๆนะ โรเบอร์โต้ ไม่เสียทีที่เดินมาให้นายช่วย ขอบคุณมาก" ผมตอบโรเบอร์โต้พลางคิดว่าสมกับเป็นนักวิเคราะห์การลงทุนมือดีขององค์กรเลย
"อย่าลืมสิ..ผมเป็นคนอิตาเลี่ยนที่เติบโตมากับศิลปะ และผมก็เป็นนักวิเคราะห์การลงทุนที่ชำนาญการจำลองโมเดลคณิตศาสตร์นะ นี่คือคุณสมบัติความชำนาญทั้งศิลปะและวิทยาศาสตร์ที่คนอิตาลีแสนภูมิใจเลยล่ะ นายคงไม่แปลกใจนะว่าทำไมคนอิตาลีถึงสามารถสร้างสุดยอดซูเปอร์คาร์อย่างเฟอร์รารี่ (Ferrari) และ ลัมโบร์กีนี Lamborghini ที่เด่นทั้งรูปทรงและสมรรถนะได้พร้อมๆ กันนะ 555"
โรเบอร์โต้ยิ้มกว้างอย่างพอใจกับคำชมของผม และพูดถึงความเป็นชาวอิตาลีอย่างภาคภูมิใจ ผมยิ้มขำๆ กับน้ำเสียงที่เขาแกล้งใส่สำเนียงอิตาลีเข้าไปในประโยคเหล่านี้ จากเรื่องกีฬา ก็ต่อมาถึงเรื่องวิศวกรรมจนได้
"เข้าใจล่ะเพื่อน " ผมตอบ "เราควรดูแนวโน้มตั้งแต่จุดเริ่มต้นไปจนจุดเป้าหมาย เปรียบเหมือนผู้หญิงที่กำลังเดินลงบันไดจากซ้ายไปขวาในภาพ ถ้าเราดูที่จุดใดจุดหนึ่งของภาพผู้หญิงก็คงต้องดูว่ายังเดินอยู่บนช่วงบันไดหรือเปล่า"
"ลูกค้าคงไม่ชอบใจถ้านายจะบอกเขาว่ากราฟเป็นขาลงบันได นายควรเปรียบเทียบกับการขึ้นบันไดจะดีกว่านะ 555 " โรเบอร์โต้หยอดมุขเล็กๆ "และพีร์! นายต้องแน่ใจด้วยนะว่าภาพที่นายเห็นคือภาพผู้หญิงที่กำลังเดินบนบันไดในทิศทางการเดินที่ถูกต้อง"
"เพราะหลายครั้งบันไดที่เป็นบันไดเคลื่อนที่ได้ของแฮร์รี่ พอตเตอร์ที่เปลี่ยนทิศทางไปเรื่อยๆ" ประโยคนี้โรเบอร์โต้พูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจังขึ้น
Plate 14 of Piranesi's Prisons Souce : www.let.leidenuniv.nl
บันไดเคลื่อนที่ได้ของแฮร์รี่ ที่เจ เค โรว์ลิงได้แนวคิดจากบันไดในภาพเขียนของปิราเนซิ (Piranesi) นักโบราณคดีและศิลปินชาวอิตาลีในศตวรรษที่ 18 อย่างนั้นหรือ
การวิเคราะห์กราฟเหมือนบันไดเคลื่อนที่ได้จริงๆ เราคาดการณ์แนวโน้มที่เกิดซ้ำๆ กันได้ แต่ถ้ามีการแทรกแซงทางใดทางหนึ่งหรือเกิดเรื่องอะไรขึ้นมาระหว่างทางก็เหมือนบันไดเคลื่อนที่ออกไปจากจุดเดิมของมัน แบบนี้คงต้องอาศัยมือผู้เชี่ยวชาญ
"ผมว่ามันเป็นหน้าที่ของนายนะ โรเบอร์โต้ ในฐานะนักวิเคราะห์การลงทุน ที่จะบอกพวกเราว่าบันไดที่เรากำลังเดินเป็นบันไดเคลื่อนที่ได้หรือเปล่า และบันไดกำลังเคลื่อนไปที่ไหน" ผมตอบโรเบอร์โต้
"แน่นอนเพื่อน มันเป็นหน้าที่ของผมอยู่แล้ว ไม่ต้องห่วง ว่าแต่นายได้คำตอบสำหรับวันนี้แล้วสินะ" โรเบอร์โต้พูดอย่างอารมณ์ดี
Source : TheCollector - Giovanni Battista Piranesi
สมกับเป็นโรเบอร์โต้จริงๆ ที่ให้คำตอบผมโดยผมไม่ต้องถามอะไรทั้งสิ้น ผมกล่าวขอบคุณ พลางลุกจากเก้าอี้เพื่อจะกลับไปทำงานให้เสร็จตามกำหนดที่รับปากลูกค้าไว้ ก่อนออกจากห้อง ผมหันไปพูดกับโรเบอร์โต้ว่า
"เย็นนี้ ให้ผมเลี้ยงขอบคุณก็แล้วกันนะ ไปไหนกันดี?"
เย็นวันศุกร์ที่สมองสามารถปลดภาระหนักๆ ไปได้แบบนี้ช่างเป็นเย็นวันศุกร์ที่ยอดเยี่ยมจริงๆ
เรื่องสั้นนี้แต่งขึ้นเพื่อความเพลิดเพลินในการอ่านเท่านั้นครับ บางส่วนเป็นข้อมูลที่ค้นจากแหล่งต่างๆ และบางส่วนเป็นเรื่องที่สมมุติขึ้นเพื่อการดำเนินเรื่อง
โฆษณา