12 ต.ค. 2020 เวลา 13:40
#จันทร์เจ้าขาบทที่4ตอนที่14,
(12/10/2020)
สวัสดีครับ เพื่อนๆ
คืนวันจันทร์นี้ ขอส่งตอนสั้น ให้เพื่อนๆได้อ่านเพลิดเพลินก่อนนอนกันนะครับ 😇❤️💙💚🎶🎵
สุขสันต์วันจันทร์ครับ
..
..
บทที่ 4 ขจรมาลา
ตอนที่ 14 ดารารัศมี(5)
#ณ.โลกวิญญาณไม่ไกลจากประตูบริเวณป่าช้าเก่าเวียงกุมกามเมืองเชียงใหม่อำเภอยางเนิ้ง(อ.สารภี)
“ลูกฆฤณ ยังมีข้อสงสัยประการใด ในคดีนี้ อีกหรือไม่ลูกพ่อ..เพราะถ้าหากลูกพ่อไม่มีข้อสงสัยแล้ว..
พ่อจะขอนำเข้าสู่กระบวน
การตัดสินชำระความ ในขั้นสุดท้าย ณ.บัดนี้..”
ท่านท้าวเวสสุวรรณ เอ่ยถามคุณหนูฆฤณ และยิ้มอย่างเปี่ยมเมตตา..
คุณหนูฆฤณ จึงก้มลงกราบที่แขนของท่านท้าวเวสสุวรรณ อย่างสำนึกอย่างที่สุด..ในความรักและความเมตตา ที่ท่านท้าวฯ มีให้กับคุณฆฤณ และคณะ ในการให้คุณหนูฆฤณได้มีโอกาสไขข้อสงสัยหลายประการ
..ในคดีปริศนานี้..
“หนูฆฤณ ยังประกอบด้วยสติปัญญาและการมองเห็นอย่างจำกัด .. จึงเกรงว่าจะยังไม่สามารถไขปริศนาคดีนี้ได้อย่างครบถ้วน.. ขอท่านพ่อ ทรงโปรดเป็นผู้นำในการตัดสินคดีชี้ขาดนี้ ด้วยเถิด เจ้าค่ะ.. เพื่อหนู
ฆฤณ จะได้เรียนรู้สิ่งนี้ จากท่านพ่อ นะเจ้าคะ..”
คุณหนูฆฤณเอ่ยตอบ ท่าน
ท้าวเวสสุวรรณ ด้วยน้ำเสียงนอบน้อม อย่างที่สุด..
“ฮะฮะ ..ฮ่ะ ช่างเจรจานัก ลูกสาวพ่อ..”
ท่านท้าวฯ หัวเราะชอบใจ ในความช่างเจรจา และปฏิภาณไหวพริบ ของลูกสาวคนโปรด.. จากนั้นจึงหันไปแจ้งแก่พระวัยทัตว่า..
“ถ้าเช่นนั้น ..ขอท่านวัยทัตจงลงบันทึกคำตัดสินของข้าให้ครบถ้วนด้วยเถิด..
ในครั้งนี้ข้าขอสอนหลักธรรมในการตัดสินของโลกวิญญาณอันจะเกิดประโยชน์ในทางสติปัญญาและดวงตาธรรม แก่ลูกสาวข้า ในโอกาสต่อๆไป ด้วย.. ขอพระวัยทัตจงประกาศ ให้ทราบทั่วกัน ด้วยเถิด..”
พระวัยทัต หันกลับไปประกาศด้วยเสียงดังก้องกังวาล จนลานพิพากษาสั่นสะเทือน ด้วยสิทธิอำนาจนั้น..
“ขอเหล่าเทพ..ดวงวิญญาณต่างๆ..คณะลูกขุน..เจ้าหน้าที่ยักษ์ทุกตน ตลอดถึง พยาน และผู้ที่อยู่ในบริเวณลานพิพากษา จงอยู่ในความสงบ และตั้งใจฟังคำพิพากษาอันยุติธรรมและทรงเกียรติ จากท่านท้าวเวสสุวรรณ ณ. บัดนี้..”
ขณะนี้..บรรยากาศทั่วทั้งลานพิพากษา..ตกอยู่ในความเงียบ และการจดจ่อฟังพระดำรัสของท่านท้าวเวสสุวรรณ..
“ฟู่วววว..” เสียงหายใจดังยาว และเสียงกระบองยักษ์ที่ถูกยกกระแทกพื้น ให้หลุมนรกอเวจี และโลกันตนรกเปิดออก..ยิ่งทำให้เหล่าวิญญาณ และแม้กระทั่งนัตบางตน..ก็กลัวจนตัวสั่น
“โลกันตนรก คือสถานที่แรกในการลงทัณฑ์ ของหมอผีหม่องวิน และเหล่าผู้มีส่วนรู้เห็นในการก่อกรรมนี้..
โลกันตนรก
กรรมนี้เป็นกรรมหนัก เพราะเป็นการเบียดเบียน บ่อนทำลาย สร้างความแตกแยกในชาติ ..ด้วยว่าพวกเจ้านึกถึงแต่ประโยชน์เพียงน้อยนิดส่วนตน และ มัวเมาในลาภยศ ตัณหา จนปราศจากดวงตาแห่งความสัตย์จริง ..จนทำร้ายชาติบ้านเมืองของตนเองด้วยโลภะ โทสะ โมหะ..เหล่านั้น..
สัตว์นรกใด ที่ตั้งใจทำร้ายชาติบ้านเมือง โดยเจตนาหรือ โดยถูกยั่วยุ หรือเป็นผู้ปลุกปั่น ให้เกิดความแตกแยก ล้วนแต่จะมาเจอกันที่ โลกันตนรกทั้งสิ้น..
โลกันตนรก นั้นไม่มีอายุ เป็นการลงโทษที่พิเศษที่สุด ไม่มีระบุเวลาอายุขัยในการลงทัณฑ์..และเมื่อเสร็จจากขุมนรกนี้..ก็ต้องไปต่อที่ขุมอเวจีมหานรก ที่มีอายุอีก 1 กัป.. ซึ่งความหมายของ 1 กัป คือ..สมมติให้มีกล่องที่ กว้าง 1 โยชน์ ยาว 1 โยชน์ สูง 1 โยชน์ บรรจุเมล็ดผักกาดจนเต็ม เวลาผ่านไป 100 ปีนรก..จึงหยิบออก 1 เมล็ด จนกระทั่งหมดไม่มีเหลือ นับเป็น 1 กัป..
จงนำตัวพวกมันไปยังโลกันต
นรก ณ.บัดนี้ เทอญ..”
สิ้นเสียงคำตัดสิน ของท่าน
ท้าวเวสสุวรรณ.. เสียงขานรับยาวเป็นทอดๆ ของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในสยามและล้านนา ต่างเปล่งเสียงสาธุ พร้อมกัน..
“แต่.. แต่ๆ ข้าสร้างวัด ถวายทรัพย์ทะนุบำรุงพระศาสนา อยู่โดยตลอดนะขอรับ ท่านท้าวฯ ..
ทะทะท่านจะไม่ตรวจบุญกุศลขะขะข้า สักหน่อยเลยหรือ ขอรับ..”
เสียงของหมอผีหม่องวินร้องเสียงหลง เมื่อถูกเหล่ายักษ์ลากตรวน นำตัวจะไปโยนในโลกันตนรก..
“กรรมเจ้าหนักนัก..
หม่องวิน.. มิอาจตัดสินให้เป็นอื่นได้..
ส่วนการสร้างวัดทะนุบำรุงพระศาสนาโดยเอาหน้าของเจ้านั้น.. เจ้าก็ได้รับเกียรตินั้นหมดสิ้นตั้งแต่บนโลกมนุษย์แล้ว.. มิเหลือบุญกุศลใด ติดตัวเจ้ามาเลย.. จงอย่าได้เข้าใจผิด..เลยเจ้าหม่องวิน”
ท่านท้าวเวสสุวรรณ กล่าวตอบด้วยเสียงอันดัง พร้อมกระแทกกระบองยักษ์ลงกับพื้นอีกครั้ง..
ร่างของหมอผีหม่องวินและเหล่าวิญญาณผู้ติดตาม ก็ถูกปล่อยลงในปล่องหลุมนรก
โลกันตนรก..
เสียงโหยหวน ของหมอผีหม่องวินที่ค่อยๆกลายร่างเป็นสัตว์นรกช่างน่าสยดสยองยิ่งนัก..ร่างนั้นขยายตัวยืดยาว แขนยาวนั้นเล็กลีบ..มีเล็บสีดำงุ้มงอก ..ทิ่มแทงให้ดวงตามืดบอด ..ร่างนั่นพยายามไขว่คว้าหาที่เกาะ..ขณะที่ค่อยๆลอยละลิ่ว ตกลึกลงไปในขอบจักรวาลนรกนี้..และเสียงก็ค่อยๆ เงียบหายไปในที่สุด..
เจ้าอุบลวรรณา ที่ได้ฟังคำตัดสิน และได้เห็นภาพขุมนรกในการลงโทษต่อหน้า.. ก็ค่อยๆทรุดตัวนั่งเอามือทั้งสองอุดหู.. และมีอาการสั่นเทิ้มหวาดกลัวอยู่ตลอดเวลา..
“สำหรับเจ้าหม่องบอง..ข้าขอตัดสินเจ้า ดังนี้..”
..
..
#ณ.ประตูบริเวณป่าช้าเก่าเวียงกุมกามเมืองเชียงใหม่อำเภอยางเนิ้ง(อ.สารภี)
สมิงไพรหนุ่มรู้สึกหวิวคล้ายตกจากที่สูง จนต้องยกมือขึ้นมากุมที่หัวใจ..
“ศิษย์พี่..” สมิงไพรรำพึงกับตัวเอง แล้วเงยหน้าขึ้นมองหน้ามะตีฮะ พร้อมกับเอ่ยว่า
“เก็บมีดของเจ้าเสีย แล้วจงตามข้ามา มะตีฮะ ศิษย์รัก..
เราจะไปช่วยบิดาเจ้ากัน..”
คุณหนูกร มองหน้าที่เคร่งเครียด และสายตามุ่งมั่นของสมิงไพรหนุ่ม แล้วคิดในใจว่า..
“เพิ่งจะเคยเห็น พ่อสมิงไพรทำสีหน้าจริงจังแบบนี้ครั้งแรก.. เรื่องนี้คงจะเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย เป็นแน่..เลยนะเจ้าคะ..
แต่สายตาของพ่อสมิงไพรเวลามุ่งมั่นแบบนี้..ขอร้องเลยนะเจ้าคะ อย่าไปมองผู้หญิงคนไหนแบบนี้นะเจ้าคะ.. ละลายแน่ๆเจ้าค่ะ..”
1
ทันใดนั้น สมิงไพรหนุ่มก็หันหน้ามามองคุณหนูกร ด้วยสายตามุ่งมั่น และเป็นห่วง ..
ก่อนที่จะถามว่า
“คุณหนูกร จะไปด้วยกันกับกระผม หรือจะรออยู่ที่นี่กับผู้กองหนุ่มนะขอรับ..”
คุณหนูกร รู้สึกเหมือนตกอยู่ในภวังค์ครู่หนึ่ง ก่อนจะพลั้งตอบออกไปว่า..
“ใจละลายหมดกันพอดีแล้วเจ้าค่ะ..
เอ่อ..เอ่อ..ไปกับสมิงไพร
ท่าจะดีนะเจ้าคะ..”
1
สมิงไพรหนุ่มพยักหน้ายิ้มรับ ด้วยสายตาอบอุ่น ..
แล้วจึงอุ้มคุณหนูขึ้นหลัง ออกวิ่งนำหน้า..ไปอย่างรวดเร็ว..
มะตีฮะ อมยิ้มแล้วส่ายหน้าช้าๆ พร้อมกับหันไปพูดกับผู้กองหนุ่ม ว่า..
“ท่านว่ามั้ย ผู้กองหนุ่ม..
อาจารย์ข้า ยิ่งแก่ยิ่งแข็งแรง
เนาะ ..
แถมยังใช้วิชาถอดหัวใจ ..เอาหัวใจมาแบกไว้ข้างหลังอีก..ฮะฮะ..ฮ่ะ”
มะตีฮะพูดพลาง หัวเราะพลาง และหันไปทำท่าจะยกผู้กองขึ้นแบกข้างหลัง ท่าเดียวกับอาจารย์สมิงไพรหนุ่ม..
“เดี๋ยวๆ หยุดเดี๋ยวนี้เลย มะตีฮะ..ข้ายังไม่แก่..ไม่ต้องมาอุ้มข้า..”
ผู้กองหนุ่ม ยืดตัวยืนตรงเอ่ยห้ามมะตีฮะ..
“อ้อๆ ยังไม่แก่หรือเจ้าคะ
ถ้าอย่างนั้นวิ่งตามข้าให้ทันนะเจ้าคะ ...อะโบ้!!”
1
มะตีฮะพูดเสร็จ..ก็ออกวิ่งไปอย่างรวดเร็ว..ปล่อยให้ผู้กองหนุ่มยืนงง ..
“อะโบ้ คือ อะไรนะ มะตีฮะ..”
ผู้กองหนุ่มเริ่มออกวิ่งตามและตะโกนถามมะตีฮะ..
มะตีฮะเร่งฝีเท้าวิ่งขึ้น และตอบโดยไม่หันไปมองว่า..
“อ้อๆ อะโบ้ เป็นการให้
เกียรติน่ะเจ้าค่ะ..แปลว่า ปู่ทวดเจ้าค่ะ..
วิ่งตามข้าให้ทันนะเจ้าคะ อะโบ้.. ระวังสะดุดรากไม้ด้วยนะเจ้าคะ.. คิกคิกคิก..”
ผู้กองหนุ่มสะดุดรากไม้ตามคำอวยพร..หยุดกึกแทบจะในทันที..แล้วจึงจัดปืนขึ้นสะพายให้กระชับ ก่อนกัดฟันกรอดแล้วพูดกับตัวเองเบาๆ ว่า..
“ข้าจะวิ่งขึ้นนำเจ้าให้ดู เจ้าเด็กลาว..”
มะตีฮะที่วิ่งนำไปไกลแล้ว หันมาตะโกนกับผู้กองหนุ่มว่า..
“ข้าเป็นเด็กพม่าเจ้าค่ะ..อะโบ้รีบวิ่งเถิดเจ้าค่ะ อย่ามัวแต่พูดอยู่.. อาจารย์นำหน้าเราไปมากแล้วเจ้าค่ะ ..
คิกคิกคิก..”
ผู้กองหนุ่มพยักหน้าหมั่นเขี้ยว..แล้วเริ่มออกทะยานวิ่งราวกับม้าป่าที่ถูกปล่อย..
..
..
จบบทที่ 4 ตอนที่ 14
..
..
#เกร็ดเพิ่มเติม
#โลกันตนรกหนึ่งในนรก 457 ขุม
โลกันตนรก 1 ขุม
เป็น นรกขุมใหญ่อยู่นอกจักรวาล มีสภาพมืดมนยิ่งนัก สัตว์ที่ไปเกิดในโลกันตนรกนี้ มีร่างกายใหญ่โต เล็บมือเล็บเท้ายาวยิ่งนัก ต้องใช้เล็บมือเท้าเกาะอยู่ตามชายเชิงจักรวาล ห้อยโหนเหมือนค้างคาวห้อยหัวอยู่บนกิ่งไม้ ได้รับความทุกข์อันแสนสาหัสสัตว์ นรกในนี้เข้าใจว่าตนอยู่เพียงลำพัง เพราะมืดมนจนมองไม่เห็นเพื่อนสัตว์นรกด้วยกัน ตลอดเวลาห้อยโหนโยนตัวเปะปะไปด้วยความหิวโหย เมื่อใดไปโดนสัตว์นรกด้วยกัน ก็เข้าใจว่าเป็นอาหารรีบขวนขวายไขว่คว้าจับกุมกัน ต่างตนต่างก็จะตะครุบกันกินปล้ำฟัดกันจนกระทั่งเผลอปล่อยมือที่เกาะอยู่ เลยพลัดตกลงไปเบื้องล่างบริเวณเบื้องล่างในโลกันตนรกนั้นไม่ใช่พื้น ธรรมดา แต่เต็มไปด้วยน้ำกรดอันเย็นยะเยือกอย่างร้ายกาจยิ่งนัก ทันทีที่สัตว์นรกตกลงมา ร่างกายก็จะเปื่อยแหลกลงเพราะฤทธิ์น้ำกรดเย็นนั้นกัดเอา ได้รับความเจ็บปวดทุกข์ทรมานจนสิ้นใจตาย แล้วก็กลับเป็นตัวตนขึ้นมาเหมือนเก่า รู้สึกหนาวเย็นจับกระดูกจับขั้วหัวใจ รีบตะเกียกตะกายปีนป่ายขึ้นมาเกาะเชิงเขาจักรวาลด้วยความลำบากยากเข็ญ แล้วก็ห้อยโหนโยนตัวหาอาหารด้วยความหิวโหยต่อไปอีกตามเดิมเมื่อไขว่ คว้าไปเจอสัตว์นรกด้วยกัน ก็จะตะครุบกินกันเอง ต่อสู้จนตกลงบ่อน้ำกรดเบื้องล่าง ถึงแก่ความตาย แล้วก็กลับเป็นขึ้นมาตามเดิม วนเวียนไปมาเช่นนี้ จนกว่าจะสิ้นกรรม
สัตว์ นรกทั้งหลายที่ทำกรรมชั่วไว้มาก พอเสวยกรรมในมหานรกแล้ว หากกรรมยังไม่สิ้น ก็ต้องมาเสวยผลกรรมในอุสสุทนรก หากกรรมยังไม่สิ้นอีก ก็ต้องมาเสวยผลกรรมในยมโลกทั้ง 10 ที่แวดล้อมมหานรกนี้อยู่ ตามอำนาจของบาปกรรมที่ตนทำไว้
สวัสดี และขอจบเพียงเท่านี้
ขอบคุณครับ
ร้อยเรียงจันทร์เจ้าขา
(T.Mon)
12/10/2020

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา