23 ต.ค. 2020 เวลา 08:32 • หุ้น & เศรษฐกิจ
เพราะอะไร ช่วงโควิด ยอดขายเครื่องประดับเพชรพุ่งสูงขึ้นในสหรัฐฯ
วันนี้ขอนำเสนอสัญญาณความแบ่งแยกของเศรษฐกิจ ระหว่างกลุ่มที่มีและกลุ่มที่ไม่มีในช่วงของการแพร่ระบาดของไวรัส โดยผู้ที่ร่ำรวยกำลังซื้อเครื่องประดับราคาแพงมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นแหวนเพชร และสร้อยคอทองคำ
จากข้อมูลของ Edahn Golan Diamond Research & Data สำนักงานข้อมูลและการวิจัย เปิดเผยว่าการซื้อเครื่องประดับราคาแพงในสหรัฐฯพื้นตัวขึ้นในช่วงเดือนแรกๆของการแพร่ระบาด และเริ่มมีโมเมนตั้มเพิ่มมากขึ้นในช่วงฤดูร้อนของสหรัฐฯ ยอดขายเครื่องประดับราคาแพงเพิ่มสูงขึ้นเกือบ 10% มาอยู่ที่ 5.25 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในเดือน ส.ค. จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว
Signet Jewelers เจ้าของแบรนด์และผู้ดำเนินธุรกิจค้าปลีก Kay Jewelers and Zales กล่าวว่า ยอดขายเบื้องต้นของบริษัทในเดือนส.ค.สำหรับเครื่องประดับทุกชนิด ปรับตัวเพิ่มขึ้น 10.9% เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อน
ในขณะที่แบรนด์ Tiffany ซึ่งได้รับผลกระทบอย่างหนักจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่มายังร้านลดฮวบ กล่าวเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่ายอดขายในสหรัฐฯเดือนส.ค. และก.ย. ติดลบเป็นตัวเลขสองหลัก หรือ มากกว่า 10% ซึ่งปรับเพิ่มขึ้นตั้งแต่เดือน พ.ค. ที่สถานการณ์แย่กว่านี้
Tiffany ซึ่งตอนนี้กำลังต่อสู่ในชั้นศาลกับแบรนด์หรูชื่อดังจากฝรั่งเศสอย่าง LVMH เจ้าของแบรนด์กระเป๋า ไวน์ เครื่องประดับ และร้านค้าปลีก เครื่องหนัง เช่น Louis Vuitton, Céline, Givenchy และ Dior ในเรื่องข้อตกลงการควบรวมกิจการ ได้ระบุว่า คอลเลคชั่นเครื่องประดับเพชรและทองล่าสุดของรุ่น T1 นั้น มียอดขายแข็งแกร่ง
ทัง้นี้การกลับมาฟื้นตัวของอุตสาหกรรมเครื่องประดับ มาพร้อมๆกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯเริ่มไม่ไปไหน จากที่ก่อนหน้าเศรษฐกิจสหรัฐฯเร่งตัวแรง
นักเศรษฐศาสตร์บางราย กล่าวว่าการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจเป็นรูปตัวอักษร K (เค) ซึ่งหมายความว่าชาวอเมริกันที่มั่งคั่งที่สุดก็จะฟื้นตัวได้รวดเร็วสวนทางกับผู้คนชนชั้นรายได้ครัวเรือนปานกลางไปจนถึงต่ำ
นักวิเคราะห์ด้านเศรษฐกิจของ Deloitte กล่าวว่า การแพร่ระบาดของไวรัสได้ส่งผลกระทบต่อตลาดแรงงานในรูปแบบต่างกัน โดยชนชั้นที่มีรายได้ต่ำกว่าจะได้รับผลกระทบอย่างหนัก และพวกเขาเหล่านั้นก็ไม่ซื้อเครื่องประดับแน่นอน ในขณะที่ชนชั้นสูง ก็นั่งอยู่บนกองเงินกองทอง ของรายได้ที่ยังไม่ได้ใช้ และอัตราดอกเบี้ยเงินฝากในสหรัฐฯก็สูงมากในปัจจุบัน
ผู้ขายเครื่องประดับเห็นเหตุผลของการกลับมาของยอดขาย
รองประธานกรรมการบริหารของ De Beers บริษัทเหมืองเพชรที่ใหญ่ที่สุดในโลก กล่าวว่า ทุกๆตลาดในโลกนี้ คู่แข่งอันดับหนึ่งของอุตสาหกรรมเครื่องประดับคือ การท่องเที่ยว หากมีงานแต่งงาน ครบรอบงานแต่ง ไม่ว่าจะ 10 ปี 25 ปี งานวันเกิดที่สำคัญ ในบรรดาเรื่องโรแมนติคที่จะทำ คือ การท่องเที่ยว แต่ปัจจุบันนี้ การท่องเที่ยวหยุดชะงัก และเครื่องประดับเพชรก็ได้มีส่วนแบ่งในงบการท่องเที่ยวที่ไม่สามารถใช้จ่ายได้
ในสหรัฐฯ แบรนด์เครื่องประดับ Forevermark ของ De Beers นั้น มีการเติบโตเป็นตัวเลขสองหลักในแต่ละเดือนตั้งแต่เดือน ก.ค. เมื่อเทียบกับปีก่อน
ซีอีโอของห้าง Macy’s ได้ตั้งข้อสังเกตในที่ประชุมค้าปลีกของ Goldman Sachs เมื่อเดือน ก.ย. ว่าสินค้าประเภทสินค้าหรูนั้น เห็นการเติบโตของยอดขายอย่างที่ไม่เคยคาดมาก่อน ซึ่งเขามองว่ามีหลายทฤษฎี และหนึ่งในนั้นคือการมีลูกค้าที่ไม่สามารถเดินทางท่องเที่ยวได้ ดังนั้นงบการท่องเที่ยวเก็บเกี่ยวประสบการณ์ จึงมาใช้จ่ายกับผลิตภัณฑ์เพื่อปรนเปรอความต้องการของลูกค้าแทน
ห้างยักษ์ใหญ่ Macy's ได้เผยว่าช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้เห็นลูกค้ามาจับจ่ายสินค้าประเภทเครื่องประดับ เนื่องจากเครื่องประดับเป็นสินค้าที่มีมูลค่า
Signet Jewelers เองก็เห็นเทรนด์จากการซื้อแหวนหมั้น ประธานกรรมการ ร้านเครื่องประดับค้าปลีก Kay Jewelers and Zales กล่าวว่า เนื่องจากว่าหลายคู่ ไม่ได้ทำการหมั้นในสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ พวกเขาจึงลงทุนในแหวนหมั้นเพชรเม็ดใหญ่มากขึ้น
ผู้ค้าเครื่องประดับรายเล็กรายหนึ่งกล่าวว่า ตอนนี้สถานการณ์เริ่มดีขึ้นหลังจากที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงเมื่อช่วงต้นปีนี้ และห้างค้าปลีกเครื่องประดับหลายราย แม้กระทั่ง Van Cott Jewelers ซึ่งดำเนินธุรกิจมา 100 ปีใน นิวยอร์ค ก็ต้องปิดตัวลงเมื่อกลางเดือนมี.ค. ช่วงล็อคดาวน์เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโคโรน่าไวรัส
ธุรกิจร้าน Van Cott Jewelers กลับมาเปิดอีกครั้งในวันที่ 8 มิ.ย. โดย Birdie Levine เจ้าของร้านเครื่องประดับเก่าแก่นี้ และยังเป็นนักประเมินราคาอัญมณีและเครื่องประดับที่ได้การรับรอง (Certified Gemologist Appraiser) ได้สังเกตุเห็นเทรนด์การซื้อเครื่องประดับเพชร ทางเจ้าของร้าน Van Cot Jewelers กล่าวว่า ช่วงโควิด-19 ทำให้ร้านต้องปิดไปเกือบสามเดือน และทางร้านก็ขายได้แค่ตามข้างถนน สภาวะดังกล่าวส่งผลข้างเคียงอย่างแน่นอน จนกระทั่งเดือนก.ค. ได้เห็นยอดขายเพชรที่ขยับสูงขึ้น โดยสามารถขายเครื่องประดับเพชรราคา 20,000, 30,000, และ 40,000 ดอลลาร์สหรัฐ เป็นจำนวนมาก
Levine เจ้าของร้าน Van Cott Jewelers กล่าวว่าลูกค้าที่มาก็มีทั้งมาอัพเกรดเพชรที่อยู่ในเครื่องประดับของตนเอง อย่างพวกแหวนหมั้น หรือแหวนแต่งงาน หรือ ซื้อเครื่องประดับเพชรชิ้นใหม่ก็มี ผลก็คือทำให้ยอดขายโดยเฉลี่ย ตั้งแต่กลับมาเปิดร้าน สูงขึ้นมาก แม้ว่ายอดขายโดยรวมจะยังไม่เท่ากับช่วงปีก่อนก็ตาม
ทั้งนี้ Levine ยังคาดว่าเครื่องประดับเพชรจะขายดิบขายดีในช่วงวันหยุดพิเศษต่างๆ และตอนนี้ได้เตรียมการซื้อเพชรไว้เป็นจำนวนมากเพื่อเตรียมพร้อมรับความต้องการที่จะเพิ่มสูงขึ้นในอนาคต

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา