30 ต.ค. 2020 เวลา 14:42 • ไลฟ์สไตล์
สิ้นเดือน งานสำคัญงานหนึ่งก็คือการทำเงินเดือนค่ะ
ถึงจะเป็นโรงแรมเล็ก ๆ
แต่ส้มก็ทำสลิปเงินเดือนเป็นเรื่องเป็นราว
มีรายละเอียดทุกอย่างแบบโรงแรมใหญ่ ๆ เค้าเลยนะคะ
พวกแบบสลิปเงินเดือนนี่
ก็ดัดแปลงเอาจากสลิปเงินเดือนของตัวเอง
ตอนทำที่ Renaissance Zurich มาค่ะ
ส่วนการลงเวลาเข้าออก
ใช้การสแกนนิ้วเอา
ก่อนหน้านี้ แรกสุด เราใช้วิธีการลงสมุดค่ะ
คือเขียนเวลาเข้า เวลาออก
แต่ทำไปสักระยะ
การเขียนนี่ วัดความแม่นยำอะไรไม่ได้เลย
เคยมีครั้งนึง รู้แน่ๆ ว่าพนักงานคนนึงมาสายไป 10 นาที
แต่ก็เขียนลงสมุดตรงเวลา
เราก็เลยคิดว่า เราต้องหาตัวช่วยมาคุมเรื่องนี้แล้วแหละ
ก็เลยเป็นที่มาของการมีเครื่องสแกนลายนิ้วมือค่ะ
เจ้าเครื่องนี้อยู่กับเรามาหลายปี
ช่วยแก้ปัญหาการเขียนโกงเวลาได้ดีมาก 🤣
เพราะทุกคนต้องเอาลายนิ้วมือตัวเองมาสแกนเข้างานและออกงาน
ใครทำแทนก็ไม่ได้
สแกนตอนไหน ก็เวลานั้น
ที่เรือนชญาดล จะให้สายได้ 5 นาทีค่ะ
ถ้าสายเกิน 5 นาที จะโดนหักเงิน
ถ้าสายเกิน 5 นาที เกินสามครั้งต่อเดือน จะโดนตักเตือน
และจะโดนหักเงินด้วย
OT เกินเวลาได้เงินเพิ่มต่างหากค่ะ
เอาจริงๆ ไม่ได้อินกับการทำผิดแล้วหักเงินนะคะ
แต่รู้สึกว่า เป็นวิธีที่ได้ผลชะงัดสุดแล้ว
ทุกคนดูจะระวังกับการไม่ทำอะไรที่จะโดนหักเงิน
ซึ่งนับเป็นเรื่องดีอยู่เหมือนกัน
จำได้ว่าตอนนั้นซื้อเครื่องสแกนลายนิ้วมือมา
ในราคาประมาณ 4,990 บาทค่ะ
ถามย้อนไปหลายปีก่อน
ตอนนั้นคิดเยอะนะคะ เงินเกือบ 5,000 บาท
เราจำเป็นไหม ที่ต้องมีเครื่องสแกนลายนิ้วมือ
สำหรับโรงแรมที่มีพนักงานแค่ 4-5 คน
แต่ตอนนั้นก็มองค่ะว่าเป็นการลงทุนระยะยาว
ซื้อครั้งเดียวแลกกับการทำงานที่เป็นระบบ
และความถูกต้องของเวลาในการทำงาน
เราไม่ต้องมากังวลว่า
พนักงานจะลงเวลาตามจริงไหม ยังไง
เพราะเครื่องจะเป็นคนบอกเรา
ตอนสิ้นเดือนก็มีรายงานเป็น excel บอกเราเลย
ว่าใครเข้างานสาย ใครทำ OT ใครลากี่วัน
เรียกได้ว่า เราก็ทำงานได้ง่ายขึ้นค่ะ
ผ่านมาหลายปีแล้ว
ขอบคุณเจ้าเครื่องสแกนนิ้วที่ช่วยกันทำงานมา
รู้สึกว่าตัดสินใจไม่ผิดที่ซื้อมา
เป็นการใช้เงินที่คุ้มค่ามาก ๆ
ในฐานะเจ้าของโรงแรม
การตัดสินใจเป็นเรื่องสำคัญ
หลายต่อหลายครั้ง เราก็ตัดสินใจผิด
แต่หลายๆ ครั้ง เราก็ตัดสินใจได้ถูกเหมือนกัน
และเจ้าเครื่องสแกนลายนิ้วมือ
ก็เป็นหนึ่งในเรื่องของการตัดสินใจถูกค่ะ 😊
30.10.20
#ChayadolDaily #บันทึกจากเรือนชญาดล
โฆษณา