2 พ.ย. 2020 เวลา 14:30 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
Forbes คาดการณ์ 5 เทรนด์ใหญ่คลาวด์ 2021
ในช่วงที่ผ่านมาของวิกฤติโควิด 19 ทำให้อัตราการเติบโตของตลาดบริการคลาวด์พุ่งสูงขึ้นอย่างก้าวกระโดด
ทั้งยังมีแนวโน้มว่าจะเติบโตขึ้นอีกเป็นอย่างมากเมื่อ New Normal หรือวิถีใหม่ของผู้คนทั่วโลกนั้นหันมาใช้เทคโนโลยี รวมทั้งดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ผ่านระบบออนไลน์มากขึ้น ซึ่งหัวใจสำคัญของวิถีเหล่านี้คือ คลาวด์
นิตยสารฟอร์บส์จึงคาดการณ์ 5 แนวโน้มใหญ่ที่จะเกิดขึ้นในปี 2021 ซึ่งที่น่าจับตามองที่สุดคือแนวโน้มในการปรับเปลี่ยนจากการให้บริการคลาวด์แบบครบวงจร สู่รูปแบบมัลติคลาวด์
Source: demaerre, edit via Canva Pro
1. มัลติคลาวด์สู่การสลายทำนบหว่างผู้ให้บริการ
ปัจจุบันผู้ให้บริการคลาวด์สาธารณะรายใหญ่เช่น Amazon, Microsoft, Google และอื่น ๆ มีการให้บริการแบบครบวงจร ซึ่งครอบคลุมความต้องการทั้งระบบคลาวด์ ข้อมูล และการประมวลผลทั้งหมดขององค์กร
แต่ในทางปฏิบัติ ด้วยข้อกำหนดสำหรับโครงสร้างพื้นฐานที่ต้องมีการปรับใช้ในหลายรูปแบบ อุตสาหกรรมจึงกำลังหันไปใช้สภาพแวดล้อมแบบไฮบริด หรือมัลติคลาวด์มากขึ้น
นั่นหมายความว่ามีการเรียกร้องให้ผู้ให้บริการรายใหญ่ทั้งหลายสร้างสะพานเชื่อมระหว่างแพลตฟอร์ม ซึ่งสวนทางกับรูปแบบธุรกิจที่ขึ้นอยู่กับความสามารถในการเพิ่มความจุของระบบคลาวด์ที่มากขึ้น รวมถึงบริการเพิ่มเติมตามขนาองค์กรของลูกค้า
การใช้แนวทางการให้บริการร่วมกันมากขึ้น ไม่เพียงแต่ช่วยให้ลูกค้าสามารถใช้ประโยชน์จากเทรนด์มัลติคลาวด์ที่เติบโตอย่างรวดเร็วได้มากกว่าเดิม ยังเป็นประโยชน์ต่อองค์กรที่ต้องการแชร์ริ่งและเข้าถึงข้อมูลคู่ค้าในซัพพลายเชน ซึ่งทั้งหมดอาจทำงานในแอปพลิเคชันรวมทั้งมาตรฐานข้อมูลที่หลากหลาย
นอกจากนี้ยังเป็นพื้นที่ที่เรามีแนวโน้มได้เห็นระดับนวัตกรรมที่เพิ่มขึ้นจากการสร้างบริการที่ทำให้ขั้นตอนการดำเนินงานระหว่างแพลตฟอร์มคลาวด์สาธารณะต่าง ๆ ง่ายยิ่งขึ้น
Source: Syda Productions, edit via Canva Pro
2. AI จะปรับปรุงประสิทธิภาพและความเร็วของระบบประมวลผลคลาวด์
ตราบที่ระบบคลาวด์ดำเนินไป AI คือตัวขับเคลื่อนหลักในหลาย ๆ ทาง ที่สามารถคาดหวังได้ว่าเทคโนโลยีจะถูกปรับให้เข้ากับความต้องการของเราตลอดปี 2021
แพลตฟอร์มแบบบริการบนคลาวด์ช่วยให้ไม่ว่าผู้ใช้จะมีงบมีงบประมาณเท่าไหร่ หรือมีทักษะความสามารถระดับไหน ก็สามารถเข้าถึงฟังก์ชันการเรียนรู้ของเครื่องได้ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นเครื่องมือจดจำภาพ การประมวลผลภาษา รวมไปถึงเครื่องมือแนะนำ
คลาวด์จะยังคงอนุญาตให้ชุดเครื่องมือหมุนเวียนเหล่านี้ถูกนำไปใช้อย่างกว้างขวางมากขึ้น โดยองค์กรทุกขนาดหรือแม้แต่ทุกสาขา ซึ่งจะนำไปสู่การเพิ่มผลผลิตและประสิทธิภาพ
แมชชีนเลิร์นนิงยังมีส่วนสำคัญในกระบวนการโลจิสติกส์ ที่ทำให้ศูนย์ข้อมูลระบบคลาวด์ทำงานได้ ระบบระบายความร้อน เครือข่ายฮาร์ดแวร์ และการใช้พลังงานในสภาพแวดล้อมที่ละเอียดอ่อนและราคาแพงเหล่านี้สามารถตรวจสอบรวมทั้งจัดการได้โดยอัลกอริทึม AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมให้เหลือน้อยที่สุด
การวิจัยและพัฒนาในสาขานี้มีแนวโน้มที่จะนำไปสู่ความก้าวหน้าใหม่ ๆ ในด้านความเร็วและประสิทธิภาพของศูนย์ข้อมูล
Source: demaerre, edit via Canva Pro
3. เล่นเกมผ่านระบบคลาวด์มากขึ้น
เช่นเดียวกับการดูหนัง ฟังเพลงบนคลาวด์
ล่าสุด Amazon เข้าร่วมกับ บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีและ บริษัทสตาร์ทอัพที่นำเสนอแพลตฟอร์มสำหรับการเล่นเกมบนคลาวด์ทำนองเดียวกับการสตรีมเพลงและวิดีโอ
ก่อนหน้านี้เหล่าผู้ให้บริการเกมบนคลาวด์ให้คำมั่นว่าจะปฏิวัติวิธีที่เราบริโภคสื่อบันเทิง โดยเสนอการเข้าถึงเกมจำนวนมากที่สามารถเล่นได้ทันทีเมื่อสมัครสมาชิกรายเดือน
ในปี 2020 Google, Microsoft และ Nvidia เพิ่งเปิดให้บริการสตรีมเกม ในขณะที่บริการของ Sony ดำเนินมาหลายปีแล้ว แม้ว่าคอนโซล Xbox และ Playstation จะยังคงถูกพัฒนา แต่ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมก็คาดการณ์ว่า วันที่ต้องใช้ฮาร์ดแวร์ใหม่หลายร้อยตัวทุก ๆ สองสามปีเพื่อให้อยู่ในระดับแนวหน้าของวงการเกมอาจใกล้เข้ามาแล้ว
Source: Syda Productions, edit via Canva Pro
4. โซลูชันระบบคลาวด์แบบไฮบริดและในองค์กรได้รับความนิยมมากขึ้น
การเลือกระหว่างสภาพแวดล้อมคลาวด์สาธารณะ ส่วนตัว หรือไฮบริด ได้พิสูจน์แล้วว่าเป็นเรื่องท้าทายสำหรับบางองค์กร แต่ละทางมีข้อดีและข้อเสียทั้งในเรื่องของความยืดหยุ่น ประสิทธิภาพ ความปลอดภัย และการปฏิบัติตามข้อกำหนด
แต่เมื่อ ecosystem ของคลาวด์เติบโตเต็มที่ หลายคนพบว่าไม่มีวิธีแก้ปัญหาใดที่เหมาะกับทุกอย่าง ดังนั้นสภาพแวดล้อมแบบไฮบริดหรือมัลติคลาวด์ที่ผู้ใช้เลือก ทำนองเดียวกับการเลือกเฉพาะข้อเสนอบริการที่เหมาะกับความต้องการในแต่ละส่วน ทั้งหมดที่กล่าวมานั้นได้รับความนิยมมากขึ้น จนบีบผู้ให้บริการต้องเริ่มประเมินรูปแบบการส่งมอบบริการของตนใหม่
ยกตัวอย่างเช่น Amazon และ Google เป็นผู้นำตลาดที่อาศัยการขายพื้นที่ของลูกค้าบนแพลตฟอร์มคลาวด์สาธารณะ ในขณะที่ Microsoft และ IBM มีความยืดหยุ่นมากขึ้นด้วยการช่วยให้ผู้ใช้สามารถปรับใช้เครื่องมือและเทคโนโลยีคลาวด์ในพื้นที่ที่มีอยู่ในเครือข่ายองค์กร
ตอนนี้ดูเหมือนว่าผู้ให้บริการเหล่านี้เริ่มตื่นตัวกับความต้องการในแพลตฟอร์ม รวมทั้งแนวทางที่แตกต่างกันภายในองค์กร โดยอาจใช้ระบบคลาวด์สาธารณะเพื่อจัดส่งคอนเทนต์ แต่ใช้โซลูชันส่วนตัวหรือในองค์กรสำหรับจัดเก็บและประมวลผลข้อมูลลูกค้าและข้อมูลอื่น ๆ ที่ต้องอยู่ภายใต้การกำกับดูแล
นอกจากนี้ยังมีความต้องการที่เพิ่มขึ้นสำหรับพื้นที่ระบบคลาวด์แบบ "bare metal" ซึ่งเป็นพื้นที่จัดเก็บข้อมูลดิบ และความต้องการพลังในการประมวลผลที่ธุรกิจสามารถ "ยกและเปลี่ยน" ระบบที่มีอยู่ไปยังระบบคลาวด์ได้โดยไม่ต้องดัดแปลงให้ทำงานบนซอฟต์แวร์หรือบริการที่ติดตั้งไว้ล่วงหน้า
ความจำเป็นในการผสานความต้องการของผู้ใช้เหล่านี้ จะเป็นแรงผลักดันเบื้องหลังทิศทางที่บริการคลาวด์จะพัฒนาไปตลอดปี 2021
Source: chombosan, edit via Canva Pro
5. หลายคนจะทำงานบน Virtual Cloud Desktops
เวิร์กสเตชันจะถูกส่งมาในรูปแบบบริการคลาวด์ที่มีการจัดการหน้าจอแล็ปท็อปหรือเดสก์ท็อปที่เราทำงาน ซึ่งหมายความว่าองค์กรจะได้ประโยชน์จากการสมัครสมาชิกแบบรายชั่วโมงสำหรับเวลาที่พนักงานใช้ในการทำงานที่เครื่อง โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการอัปเดตฮาร์ดแวร์ อีกทั้งยังไม่จำเป็นต้องทิ้งเทคโนโลยีอย่างซ้ำซ้อน
โดยในทางปฏิบัติ การอัพเดตเทคโนโลยีซิงโครไนซ์สามารถเพิ่มประสิทธิภาพให้กับทีม นอกจากนี้ยังมีประโยชน์ด้านความปลอดภัยเนื่องจากอุปกรณ์ทั้งหมดสามารถจัดการได้แบบรวมศูนย์
แทนที่จะต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าทุกคนในเครือข่ายปฏิบัติตามแนวทางปฏิบัติอย่างดีที่สุดหรือไม่ เมื่อมีผู้เข้าร่วมหรือออกจากบริษัท ค่าใช้จ่ายจะปรับตัวตามจำนวนชั่วโมงการใช้แพลตฟอร์มที่เพิ่มขึ้นหรือลดลง ฟังก์ชันการทำงานที่ยืดหยุ่นนี้หมายความว่าบริการเดสก์ท็อปเสมือนมีแนวโน้มที่จะได้รับความนิยมมากขึ้นในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา