Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
อยากบอก
•
ติดตาม
5 พ.ย. 2020 เวลา 03:00 • หนังสือ
✔️❌ความเชื่อคือเข็มทิศ ชีวิตเป็นของเรา
***ไม่มีชะตากรรมกำหนดชีวิต
มีแต่ชะตาชีวิตในกำมือเรา
หนุ่มเมืองจันท์
📖อีกเล่มที่ประทับใจให้มุมมองดีๆ อีกเล่มหนึ่ง
🤗"ไม่มี" แต่ "มี"
วันนี้ "กล้อง" กลายเป็น "ตาที่สาม" ของ "นักเดินทาง"และเป็น "ดวงตา" แห่งความทรงจำ
ผมไม่ค่อยเห็นนักเดินทางมืออาชีพคนไหนไม่พกกล้อง อย่างน้อยที่สุดก็กล้องจากโทรศัพท์มือถือ
สมัยก่อนที่โลกของการถ่ายรูปยังใช้"ฟิล์ม"
ยังมีฟิล์มโกดัก-ฟูจิ เป็น "ยักษ์ใหญ่" อยู่ในโลกนี้ การถ่ายรูปเป็นของแพงครับ ต้องคิดทุกครั้งก่อนแชะ เพราะคำฟิล์มก็แพง ค่าอัดรูปก็แพง
แต่ทันทีที่เกิดกล้องดิจิตอลขึ้นมา โลกของการถ่ายรูปก็เปลี่ยนไป การถ่ายรูปกลายเป็นของถูก
คนมีกล้องไม่ต้องคิดมาก เจออะไรก็แชะ
เมมโมรี่เต็มก็ถ่ายเข้าเครื่องคอมพิวเตอร์
ทุกอย่างดูง่ายไปหมด
การถ่ายรูปและโพสต์ผ่านโชเชียลมีเดียให้คนอื่นได้ชื่นชมกลายเป็นวัฒนธรรมของคนรุ่นใหม่ ไม่ใช่แค่ภาพตัวเอง ทุกคนถ่ายรูปทุกอย่างที่ผ่านตา กินอาหารก็ถ่ายรูป เจอภาพอะไรแปลกๆ ก็แชะ ยิ่งไปเที่ยว ยิ่งแชะอย่างถี่ยิบ ไม่แปลกที่การไปเที่ยวทุกครั้ง เราจะมีรูปสวยๆ อยู่ในกล้องเต็มไปหมด
เป็น "ภาพแห่งความทรงจำ" ทั้งรูปตัวเรากับเพื่อน รูปสถานที่ท่องเที่ยวและอื่นๆ อีกมากมาย
เห็นคนถ่ายรูปเยอะๆ แล้ว บางครั้งผมก็สงสัยว่านิยาม คำว่า"ท่องเที่ยว" วันนี้ได้เปลี่ยนไปแล้ว
ถ้าแบ่งยุค อาจต้องเป็น ๒ ช่วงเวลา
ยุคก่อนกล้องดิจิตอลและยุคหลังกล้องดิจิตอล
ในอดีตที่ไม่มีกล้องดิจิตอล -ไอหมอก" ยามเช้า คือความอ่อนละมุนของธรรมชาติ เรามองด้วยตา ซึมซับความรู้สึกด้วยใจ
แต่วันนี้ -ไอหมอก" กลายเป็นฉากที่งดงามผ่านเลนส์ของกล้องถ่ายรูป เห็น "ไอหมอก" ปั๊บ คิดถึงการถ่ายรูปก่อนเลย ใช้ดวงตากับเลนส์ มากกว่าการสัมผัสด้วยใจ
บางครั้งผมเห็นนักเดินทางที่มองหาแต่มุมสวยๆ เพื่อถ่ายรูป ผมนึกตั้งคำถามในใจ
"ภาพแห่งความทรงจำ ที่เขาเก็บไว้ในเมมโมรี่ของกล้อง เขาจำ "ภาพ" ได้ แต่จำ "ความรู้สึก" ในวินาทีนั้นได้หรือเปล่า
ผมชัดเจนกับคำถามนี้มากขึ้นเมื่อได้เข้าไปในมิวเซียมของ "จิบลิ" สุดยอดสตูดิโอแอนิเมชั่นของญี่ปุ่น "ฮายาโอะ มิยาซากิ" นักฝันแห่งตะวันออก เป็นคนก่อตั้งสดูติโอแห่งนี้ขึ้นมา มิวเซียมนี้ห้ามถ่ายรูป ตามปกติผมไม่ได้ชอบถ่ายรูปมากนัก เวลาไปเที่ยวก็ถ่ายรูปบ้างแต่น้อยมาก
ผมมองภาพต่างๆ ด้วย "ตา" มากกว่ามองผ่าน "เลนส์" ถ้าจะเก็บภาพบ้างก็เพราะต้องเอามาใช้งาน แต่ที่นี่ห้ามถ่ายรูปเลย ในมิวเซียม มีทั้งโต๊ะทำงานของ "มิยาซากิ ภาพร่างแอนิเมชั่น อุปกรณ์ต่างๆ มากมาย
จัดวางได้อย่างนำสนใจยิ่ง
เมื่อถ่ายรูปไม่ได้ ผมก็เดินดูแต่ละจุดอย่างละเอียด เดินช้าๆ ค่อยๆ ดูแต่ละจุด ยิ่งดูละเอียด ยิ่งเห็นอะไรมากกว่าเดินไปถ่ายรูปไป ยังจำภาพดินสอที่เขาใช้วาตรูปจนเหลือสั้นๆ "มิยาชากิ" ประหยัดถึงขั้นที่เอากันดินสอ ๒ ด้านมาต่อเชื่อมกัน เพื่อให้ด้ามดินสอยาวพอที่จะเขียนได้ ภาพเคลื่อนไหวของม้าที่เป็นต้นแบบในการร่างภาพแอนิเมชั่น ภาพท้องฟ้าที่สวย...สวยมาก เพราะหนึ่งในทีมงานของเขาชอบนอนมองท้องฟ้า
การห้ามถ่ายรูปทำให้ "ดวงตาที่ ๓" ไม่สามารถบรรจุความทรงจำลงในเมมโมรี่ได้
ผมจึงต้องใช้ตา ๒ ดวง และเมมโมรี่ในหัวในการจดจำเรื่องราวทั้งหมด เป็นห้วงเวลาที่ดีมากเลยครับ เพราะไม่ต้องพะวงกับการถ่ายรูป ไม่ต้องหามุมกล้อง
ผมเดินชมอย่างช้าๆ มองทุกสิ่งอย่างละเมียดขึ้น ลองคิดแทนทีมงาน "จิบลิ"และจินตนาการต่ออย่างสนุกสนาน ใช้ดวงตาและความรู้สึกนำทาง ผมเพิ่งรู้ว่าการไม่มี "กล้อง" ก็มีข้อดี แม้ภาพในความทรงจำหลังการเดินทางอาจไม่ชัดเหมือนภาพจากกล้อง แต่ภาพใน "ความรู้สึก" กลับชัดเจนกว่าและยาวนานกว่า
👀ลองมาใช้ตาดูสิ่งสวยงามแทนกล้องดูกัน
จากหนังสือ...
ความเชื่อคือเข็มทิศ ชีวิตเป็นของเรา
หนุ่มเมืองจันท์
ความเชื่อคือเข็มทิศ ชีวิตเป็นของเรา
บันทึก
1
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
คลังความรู้
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย