12 พ.ย. 2020 เวลา 13:32 • ความคิดเห็น
เดือนนี้คือเดือนพฤศจิกายน ทำให้ผมนึกถึงเพื่อนสมัยมัธยมคนหนึ่ง
เพื่อนผมคนนี้ชื่อ “รุตม์” เป็นเพื่อนสมัยมัธยมปลาย และเคยอยู่ห้องเดียวกันมาก่อน
ไอ้รุตม์เป็นคนเก่ง จัดว่าเป็นคนหัวดีคนหนึ่ง
ด้วยความที่สมัยมัธยมปลาย ผมเรียนสายศิลป์ภาษา 90% ของนักเรียนในห้องคือผู้หญิง มีนักเรียนชายไม่ถึง 10 คน
ผมกับไอ้รุตม์นั้นตอนม.4 อยู่คนละห้อง เพิ่งจะได้มาอยู่ห้องเดียวกันตอนม.5
ผมกับไอ้รุตม์ไม่ได้สนิทกันมาก มีกลุ่มเพื่อนคนละกลุ่ม แต่ด้วยความที่เป็นผู้ชาย ซึ่งในห้องมีอยู่น้อยมาก ทำให้ผมกับไอ้รุตม์ก็รู้จักกันและถึงแม้จะไม่ได้สนิท แต่ก็ได้ใกล้ชิดกัน เวลาไปเรียนรด. ก็ไปพร้อมมันกับเพื่อนคนอื่นๆ
ไอ้รุตม์เป็นคนนิสัยดี มีความมุ่งมั่น และทำให้ผมทึ่งในตัวมันหลายๆ อย่าง
ครั้งหนึ่งขณะไปเรียนรด. ผมขี้เกียจฝึก เลยตั้งใจจะแกล้งไม่สบาย เพื่อจะเข้าไปอู้ (ยอมรับตรงๆ เลยครับ) บังเอิญผมยืนอยู่ข้างมันพอดี เลยชวนมันไปอู้ด้วยกัน
ด้วยความที่ช่วงนั้นกำลังใกล้เอ็นทรานซ์ ประเด็นที่หลายคนพูดคุย จึงไม่พ้นเรื่องของคณะที่อยากเข้า ซึ่งไอ้รุตม์ก็ได้พูดกับผมประโยคหนึ่ง ซึ่งผมยังจำได้จนถึงทุกวันนี้ แม้เวลาจะผ่านมานานเกิน 10 ปีแล้วก็ตาม
“กูจะเข้านิติจุฬาด้วยเลขยาก”
ต้องบอกก่อนว่าสมัยผม การสอบเอ็นทรานซ์คือระบบ Anet Onet มีการเลือกว่าจะใช้คะแนนอะไรยื่น
ผมยังขำมันแล้วตอบมันไป (ภาษาเพื่อนนะครับ)
“มึงบ้าหรือเปล่าเนี่ย ถ้ามึงจะใช้เลขยากยื่น แล้วมึงมาเรียนสายศิลป์ทำเหี้_อะไร”
1
“เออ เดี๋ยวมึงดูกู”
คือคำตอบของมัน
หลังจากนั้นมันก็บอกใครต่อใครว่ามันจะเอ็นเข้านิติจุฬาด้วยเลขยาก ผมก็ได้แต่ขำๆ
ปรากฎว่ามันทำได้จริงๆ ครับ ผมยังต้องยอมรับว่ามันเก่งจริงๆ
แต่ปรากฎว่าหลังจากที่มันรู้ผลสอบเพียงแค่วันเดียว ก็พบว่ามันเป็นมะเร็งกระดูก
ผมจำได้แม่นว่าสมัยเรียนกับมัน เห็นมันปวดขาบ่อยๆ และมักจะพันผ้าที่ขา
ทุกคนได้แต่เป็นห่วงมัน ผมซึ่งในเวลานั้นเข้ามหาวิทยาลัยแล้ว กำลังมีเพื่อนใหม่ๆ สนุกกับสังคมใหม่ๆ ไม่ค่อยได้เจอเพื่อนเก่าๆ แต่ก็ยังคงติดตามข่าวของมันอยู่เสมอ
ไอ้รุตม์อาการทรุดลงเรื่อยๆ และเรื่องราวของมันก็ได้ออกรายการเจาะใจ (พ.ศ.2551)
วันหนึ่ง ผมว่าง จึงไปเยี่ยมมัน ยังจำถึงแววตาที่มุ่งมั่นและต้องการจะกลับไปใช้ชีวิตนักศึกษาของมันได้อย่างดี
วันนั้นผมไม่ได้คุยอะไรกับมันมาก บอกแค่ให้มันสู้ และผมจะกลับมาเยี่ยมอีก
หลังจากนั้นไม่กี่วัน ก่อนหกโมงเช้า มีสายจากเพื่อนสมัยมัธยมคนหนึ่งโทรมาหาผม ทำให้ผมนึกสังหรณ์ใจ เพราะอยู่ๆ เพื่อนคนนี้ ซึ่งไม่ค่อยได้คุยเท่าไร กลับโทรหาผมตั้งแต่ก่อนหกโมงเช้า
เมื่อผมรับสาย เพื่อนก็ได้บอกว่า “ไอ้รุตม์ไปแล้ว”
ใจผมหล่นวูบ นึกว่าเพิ่งเจอกับมันเมื่อไม่นานนี้ และก็ยังหวังว่ามันจะดีขึ้น
บ้านไอ้รุตม์อยู่จังหวัดจันทบุรี เย็นวันนั้น หลังเลิกเรียน ผมนัดกับเพื่อน นั่งรถตู้ไปจันทบุรีเพื่อร่วมงานศพมัน
ได้เห็นความเศร้าในงานศพมัน ได้เห็นพ่อแม่มันที่เศร้า แต่ต้องยิ้มแย้ม ต้อนรับแขก
ก่อนกลับ ได้มีการนำสมุดที่ให้เขียนคำไว้อาลัยให้ไอ้รุตม์
ถึงแม้เวลาจะผ่านมานานถึง 12 ปี (พ.ศ.2551) แต่ผมยังจำข้อความที่เขียนลงในสมุดนั้นได้อย่างดี
“กูจะเข้านิติจุฬาด้วยเลขยาก” กูยังจำประโยคนี้ได้อย่างดี และคงจำไปตลอดชีวิต ถ้าชาติหน้ามีจริงขอให้ได้เจอกันอีก”
มีเรื่องแปลกๆ เกิดขึ้นขณะเดินทางกลับ ปรากฎว่ารถตู้ที่ผมเดินทาง ได้เกิดดับ
ขณะที่ลงมายืนรอซ่อมรถ ผมได้คิดถึงไอ้รุตม์ และพูดกับมันในใจ
1
“ไอ้รุตม์ พรุ่งนี้กูมีเรียนเช้า วิชานี้กูโดดครบแล้ว กูขาดอีกไม่ได้แล้ว ไม่อย่างนั้นกูไม่มีสิทธิสอบ วันนี้กูมาส่งมึง แต่มึงก็ช่วยให้กูกลับบ้านได้อย่างปลอดภัยเถอะ”
คิดจบปุ๊บ ปรากฎว่ารถก็สตาร์ทติดทันที ซึ่งก็นับว่าเป็นเรื่องที่แปลกอยู่เหมือนกัน
ถ้าวันนี้ไอ้รุตม์ยังมีชีวิตอยู่ มันจะมีอายุเท่ากับผม (31 ปี) มันคงเป็นผู้พิพากษาหรือทนายความ และอาจจะมีครอบครัวไปแล้ว
ที่ผมเขียนเรื่องของมัน เพราะผมนึกได้ว่าเดือนนี้ครบรอบการจากไปของมันครบ 12 ปี
อาจจะนอกเรื่องไปบ้าง คงไม่ว่ากันนะครับ
โฆษณา