13 พ.ย. 2020 เวลา 05:08 • ประวัติศาสตร์
“การปฏิวัติอเมริกา (American Revolution)”
“การปฏิวัติอเมริกา (American Revolution)” เป็นเหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นในสมัยศตวรรษที่ 18 และเป็นปฐมฤกษ์ของความยิ่งใหญ่ของสหรัฐอเมริกาในเวลาต่อมา
3
ชาวอาณานิคมกลุ่มแรกเดินทางมายังสหรัฐอเมริกาในสมัยศตวรรษที่ 17 และต้องก่อร่างสร้างประเทศอย่างโดดเดี่ยว
3
พวกเขาต้องเลือกผู้นำเอง ต้องแก้ปัญหาเอง สหราชอาณาจักรซึ่งเป็นเหมือนประเทศแม่ ก็ไม่ได้ให้ความสนใจที่จะช่วยเหลืออะไรซักเท่าไร
4
ในช่วงกลางศตวรรษที่ 18 อังกฤษได้รบกับฝรั่งเศสและประสบชัยชนะ แต่ถึงจะชนะ ก็เป็นชัยชนะที่มีราคาแพง อังกฤษต้องใช้งบประมาณไปกับการสงครามเยอะมาก
1
อังกฤษคิดว่าชาวอาณานิคมอเมริกาควรจะต้องจ่ายค่าทำสงครามนี้ด้วย
สงครามระหว่างอังกฤษและฝรั่งเศส
ชาวอาณานิคมต่างรู้สึกโกรธแค้นและไม่พอใจ พวกเขาต้องมาจ่ายภาษีในสงครามที่ตนไม่ได้ก่อ และยังถูกสั่งห้ามไม่ให้เข้าไปตั้งรกรากในดินแดนบางส่วน เนื่องจากเป็นบริเวณที่ถูกจัดไว้ให้พวกอินเดียนแดง และอังกฤษก็อยากจะเอาใจพวกอินเดียนแดง ไม่อยากให้อินเดียนแดงโกรธ
ภายหลังสงครามกับฝรั่งเศสจบลง อังกฤษก็เริ่มจะขูดรีดภาษีจากชาวอาณานิคม
ได้มีการออกพระราชบัญญัติสแตมป์ (Stamp Act) ซึ่งจะมีการเก็บภาษีจากกระดาษต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเอกสารหรือหนังสือพิมพ์ จะถูกเก็บภาษี ทำให้ชาวอาณานิคมไม่พอใจอย่างมาก
ไม่เพียงเท่านั้น ชาวอาณานิคมยังไม่สามารถมีผู้แทนในสภาของอังกฤษ ทำให้พวกตนเหมือนโดดเดี่ยว ไม่มีสิทธิมีเสียง อังกฤษสั่งอะไรก็ต้องทำ
1
ชาวอาณานิคมเชื่อว่าพวกตนมีสิทธิมีเสียง และควรจะได้รับความยุติธรรมมากกว่านี้
พระราชบัญญัติสแตมป์ (Stamp Act)
ในเวลาต่อมา อังกฤษได้ส่งทหารเข้ามาควบคุมความเรียบร้อยในอาณานิคมอเมริกา และได้มีการยอมเลิกภาษีหลายอย่าง หากแต่มีอยู่อย่างหนึ่งที่ยังไม่ถูกยกเลิก
นั่นคือ “ภาษีชา”
ค.ศ.1773 (พ.ศ.2316) ชาวอาณานิคมกลุ่มหนึ่งได้ปลอมตัวเป็นอินเดียนแดง และได้บุกขึ้นไปบนเรืออังกฤษ และเทใบชาจำนวนมาก ทิ้งลงในแม่น้ำข้างท่าเรือบอสตัน
เหตุการณ์นี้คือเหตุการณ์ “งานเลี้ยงน้ำชาที่บอสตัน (Boston Tea Party)” (ผมเคยเขียนเรื่องนี้เป็นซีรีส์เช่นเดียวกันครับ)
งานเลี้ยงน้ำชาที่บอสตัน (Boston Tea Party)
ภายหลังจากเหตุการณ์นี้ ความสัมพันธ์ระหว่างอังกฤษและชาวอาณานิคมก็มีแต่แย่ลงเรื่อยๆ ชาวอาณานิคมเริ่มจะทำการต่อต้านสินค้าที่อังกฤษนำเข้ามาจำหน่าย
1
ค.ศ.1775 (พ.ศ.2318) ชาวอาณานิคมรู้สึกว่าพวกตนทนมามากพอแล้ว ถึงเวลาที่ต้องต่อสู้
1
กองทัพอเมริกันได้เริ่มสงครามแรกที่เล็กซิงตัน แมสซาชูเซตส์ ก่อนที่อีกไม่กี่เดือนต่อมา กองทัพอเมริกันจึงได้มีผู้นำคนสำคัญ คือ “จอร์จ วอชิงตัน (George Washington)”
1
จอร์จ วอชิงตัน (George Washington)
แต่ถึงอย่างนั้น ชาวอาณานิคมก็ยังไม่มีความพร้อมในการทำสงคราม พวกเขายังอยู่กันอย่างกระจัดกระจาย แถมยังไม่มีรัฐบาลกลางเป็นของตนเอง
5
เมื่อสงครามเริ่มปะทุขึ้น อาณานิคมทั้ง 13 แห่งจึงได้ร่วมกันตั้งสภาแห่งชาติ
ในเวลาไม่ช้า ชาวอาณานิคมต่างก็เริ่มจะคิดได้ว่าพวกตนไม่สามารถจะหวังอะไรกับอังกฤษได้ พวกตนต้องการจะปกครองตนเอง
4 กรกฎาคม ค.ศ.1776 (พ.ศ.2319) ได้มีการเซ็นรับรองคำประกาศอิสรภาพ ทำให้ชาวอาณานิคมเป็นอิสระ
3
การเซ็นรับรองคำประกาศอิสรภาพ
อังกฤษเองก็ไม่ยอมปล่อยอเมริกาไปง่ายๆ ได้มีการทำสงครามกับอเมริกาบ่อยครั้งและก็ชนะ เนื่องจากอังกฤษมีอาวุธและเสบียงมากกว่า
กองทัพของวอชิงตันนั้นอ่อนแอ ยิ่งในฤดูหนาว เสบียงก็แทบไม่มี ทหารต่างล้มป่วย แต่ภายหลังก็สามารถพลิกกลับมาเอาชนะอังกฤษได้
กองทัพของวอชิงตัน
ในช่วงปีท้ายๆ สงครามได้เกิดขึ้นที่ภาคเหนือเป็นสำคัญ แต่ในที่สุด อังกฤษก็ต้องยอมแพ้และเซ็นสนธิสัญญาสันติภาพกับสหรัฐอเมริกาที่ปารีส
ในการปฏิวัติ ต่อสู้เพื่ออิสรภาพนี้ ทหารอเมริกันล้มตายกว่า 7,000 คน แต่การต่อสู้นี้ก็นับว่าคุ้มค่า
1
หากไม่ลุกขึ้นสู้ สหรัฐอเมริกาคงยังต้องนอบน้อมต่ออังกฤษ ไม่มีอิสรภาพ และคงไม่ได้กลายเป็นชาติที่ทรงอำนาจดังเช่นทุกวันนี้
โฆษณา