21 พ.ย. 2020 เวลา 13:45 • ปรัชญา
# ความล้มเหลวของ วอล์ท ดิสนีย์ Past 2
ยิ่งคุณชอบตัวเองมากเท่าไหร่ คุณก็จะเหมือนคนอื่นน้อยลงเท่านั้น และนั่นทำให้คุณมีเอกลักษณ์ เพราะบางทีมันก็สนุกเหมือนกัน ที่ได้ทำในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ให้เป็นไปได้ขึ้นมา อ่านเรื่องราวต่อไปนี้แล้วคุณจะเข้าใจ
การเดินทาง
หลังจากมาถึง ฮอลลีวูด วอล์ท ก็ได้พบกับ รอยพี่ชายของเขาอีกครั้ง หลังจากหลายขาดจากการรักษาวัณโรคพวกเขาจึงรวบรวมเงินทุนที่มีทั้งหมด เพื่อตั้งร้านค้าเล็ก ๆ ในโรงรถของลุงพวกเขา ที่ฮอลลีวูด ด้วยกัน
ซึ่งที่นั่น วอล์ท ก็ได้พยายามขายซีรีส์ Alice in Cartoonland ของเขาหลังจากที่ทำเสร็จ แต่เขาก็ถูกปฏิเสธครั้งแล้วครั้งเล่า จนกระทั่งพวกเขาได้ทราบข่าวว่า Margaret J.Winkler ผู้จัดจำหน่ายการ์ตูนในนิวยอร์ก กำลังมองหาซีรีส์ใหม่ และได้ตอบรับชีรี่ย์ Alice ของ วอล์ทเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
วอล์ท และ รอย ที่ได้ทราบเช่นนั้น พวกเขาก็ดีใจเป็นอย่างมาก พวกเขาจึงย้ายไปอยู่ห้องเช่าเล็ก ๆ ที่ด้านหลังของสำนักงานอสังหาริมทรัพย์แห่งหนึ่ง ซึ่ง วอล์ท ได้รับหน้าที่ทำแอนิเมชั่น ในขณะที่ รอย ทำหน้าที่ถ่ายภาพต่าง ๆ โดยใช้กล้องมือสอง
คู่คิด คู่สร้าง
จากนั้นพวกเขาก็จ้างหญิงสาวสองคน มาเพื่อเป็นแบบในการวาดภาพเซลลูลอย ถึงแม้ในห้องเช่าจะมีพื้นที่จำกัดและขาดพนักงาน แต่ประตูห้องที่เขียนไว้ว่า “ Disney Bros. Studio” ก็เป็นความภาคภูมิใจ และแรงผลักดันให้ วอล์ท ทำงานต่อไปได้
โดยซีรีส์เรื่อง Alice ของ วอล์ท ก็ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี จึงทำให้สตูดิโอของทั้งสองคน สามารถจ้างนักทำอนิเมชั่นได้มากขึ้น ซึ่งหลังจากนั้น วอล์ท ก็ได้แต่งงาน
ซึ่งหลังจากนั้น สตูดิโอของ วอล์ท และพี่ชาย ก็ต้องการสร้าง อนิเมชั่น ชิ้นใหม่เพิ่มเติมอีก จึงทำให้ทั้งสองคนต้องอุทิศเวลาทั้งหมด เพื่อสร้างตัวละครที่เรียกว่า Oswald the Lucky Rabbit ขึ้นมา
Image: Oswald the Lucky Rabbit. Credit: Inverse
และทุกอย่างก็ดูเหมือนว่าจะเป็นไปได้ด้วยดีสำหรับสตูดิโอแห่งนี้ จนกระทั่ง 5 ปีต่อมา ขณะที่ วอล์ท กำลังพยายามเจรจาเรื่องค่าธรรมเนียมที่สูงขึ้นสำหรับการสร้างซีรีส์ Oswald อยู่นั้นเอง
1
Winkler และสามีของเธอ ก็ได้วางแผนและแย่งชิงพนักงานที่ดีที่สุดของ วอล์ท ไป อีกทั้งพวกเขายังทำให้อนิเมชั่นของ วอล์ท กลายเป็นของตัวเองอีกด้วย และด้วยเหตุที่พวกเขาได้ขโมยสิทธิ์ของ Oswald the Lucky Rabbit ไป
วอล์ท จึงต้องเลือกระหว่าง การลดย่อนค่าธรรมเนียมหรือจะออกจากสตูดิโอไป ซึ่ง วอล์ท ก็ได้เลือกที่จะจากไปพร้อมกับ นักทำอนิเมชั่น ผู้ภักดีอย่าง Ub เพื่อนรักของเขา
เพื่อนที่อยู่เคียงข้าง
ซึ่งในช่วงนั้น วอล์ท อายุได้ 27 ปี และอยู่ระหว่างการเดินทาง ซึ่งในขณะที่เขามองออกไปนอกหน้าต่างด้วยแววตาที่ว่างเปล่าบนรถไฟที่กำลังแล่นไปยัง ฮอลลีวูด เขาได้แต่ครุ่นคิดถึงหายนะรอบด้านที่เกิดขึ้นกับ บริษัท ของเขา ตลอดนะยะเวลาที่ผ่าน
แต่ในชั่ววินาทีนั้นเอง ความคิดหนึ่งก็ได้ก่อตัวขึ้นมาภายในจิตใจที่ไม่สงบนั้นของเขา วอล์ท จึงรีบหยิบกระดาษขึ้นมา เพื่อจดบันทึก และร่างไอเดียของเขาลงบนกระดาษด้วยแรงบันดาลใจใหม่ที่เปลี่ยมล้น
ซึ่งหลังจากความคิดนั้นจบลง เขาก็ได้ตัวการ์ตูนใหม่ที่มีชื่อว่า มอร์ติเมอร์เมาส์ ซึ่งต่อมาได้ถูกเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น "มิกกี้เมาส์" โดยภรรยาของ วอล์ท ได้กล่าวถึงตัวละครนี้ไว้ว่า “ตัวละครนี้มีความพิเศษเป็นอย่างมาก เนื่องจากเขาเป็นคนชอบผจญภัยและมองโลกในแง่ดี - เหมือนกับตัวของ วอล์ท ดิสนีย์เองไม่มีผิด”
ความคิดของคนที่มองจากอีกด้านหนึ่ง
แม้ในช่วงแรกที่ วอล์ท ได้ร่างภาพของ มิกกี้ ออกมานั้นค่อนข้างแย่มาก แต่ด้วยความช่วยเหลือจาก Ub ผู้ซึ่งปรับแต่งรูปลักษณ์ของมิกกี้ให้จึงทำให้ทุกอย่างดูดีมากยิ่งขึ้น ในขณะที่ วอล์ท ก็ได้กำหนดบทบาทของตัวละครของเขาไปพร้อม ๆ กัน
ซึ่ง มิกกี้เมาส์ ปรากฏตัว ครั้งแรกใน Plane Crazy และThe Gallopin 'Gaucho เป็นภาพยนตร์ที่ไม่มีเสียงทั้งสองเรื่อง แต่ถึงจะได้นำไปใช้ตัวละครนี้ก็ยะงไม่ได้ถูกเผยแพร่ออกไป วอล์ท ที่เคยชินกับความล้มเหลว จึงวางแผนการเดินหน้าไป
วอล์ท และทีมงานของเขาจึงตัดสินใจที่จะรวบรวมเสียง syncronized แบบสั้น ๆ โดยมีบริษัท Ub รับผิดชอบด้านแอนิเมชั่นให้ และ วอล์ท ได้ใช้เสียงของเขาเองในฐานะ Mickey's ซึ่งเป็นการ์ตูนเสียงเรื่องแรกที่เปิดฉายโรงละคร NY Colon ในปี 1928
Image: Mickey Mouse cartoons. Credit: Cartoon Brew
หลังจากที่ถูกฉายออกไป ความนิยมและบทวิจารณ์ในทางที่ดี ก็เกิดขึ้นมากมายเกินกว่าที่ วอล์ท คาดหมายไว้ จึงทำให้ตัวการ์ตูน มิกกี้เมาส์ เริ่มโด่งดังมากขึ้นเรื่อย ๆ นับจากนั้นมา
และด้วยเหตุนี้ สตูดิโอ และกลุ่มผลิตภาพยนตร์ หลายเจ้า ก็เริ่มเข้ามาขอทำข้อตกลง และทำสัญญากับ วอล์ท มากขึ้นเรื่อย ๆ แต่ด้วยประสบการณ์ที่ผ่านมา วอล์ท จึงรักษาสิทธิ์ต่าง ๆ ของตัวละคร มิกกี้ ที่มีค่าของเขาไว้อย่างดีและรอบครอบ
วอล์ท ได้ก่อตั้ง ดิสนีย์สตูดิโอ ร่วมกับทีมที่หลงใหลในแนวทางเดียวกันกับเขา และเริ่มสร้างซีรีส์การ์ตูนเสียง แอนิเมชั่นตลกขบขัน จึงทำให้ตัวละครที่น่ารักของพวกเขา ก็ค่อย ๆ ออกฉายในรายการโทรทัศน์ไปทั่วประเทศ
กำลังโด่งดัง
หลังจาก 6 ปี ของการสร้างอนิเมชั่น ที่ประสบความสำเร็จ วอล์ท ดิสนีย์ จึงได้ประกาศการสร้างอนิเมชั่น ความยาวเต็มเรื่องครั้งแรก ในชื่อเรื่องว่า สโนว์ไวท์กับคนแคระทั้งเจ็ด ซึ่งทุกคนที่ได้ฟังเช่นนั้น ก็ต่างคิดว่ามันเป็นความคิดที่ผิดมหันต์ รวมไปถึงภรรยาและพี่ชายของเขาด้วย ที่พยายามที่จะพูดให้เขาหยุดความคิดนี้เช่นกัน
แต่ด้วยความตั้งใจที่แนวแน่ วอล์ท จึงตัดสินใจกู้เงินจากธนาคารหลายแห่ง และใช้เวลาสามปีในการสร้างการ์ตูนเรื่องนี้ต่อไป ตามวิสัยทัศน์ของเขาเอง แม้ว่าทีมงานของเขาทุกคน จะคิดว่าอนิเมชั่นเรื่องนี้จะ "ทำลายดิสนีย์สตูดิโอ" ก็ตาม
วอล์ท ดิสนีย์ ได้ความพยายามสร้าง จนทำให้ในปี 1937 การ์ตูนเรื่องนี้ก็กลายเป็นการ์ตูนที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดแห่งปี และได้รับรางวัลมากมาย จนนำมาซึ่งกำไรมหาศาลที่สามารถชำระเงินกู้จากธนาคารทุกแห่งได้เกือบครึ่ง
การเติบโต
หลายปีต่อมา Disney Studios ก็ได้สร้างภาพยนตร์แอนิเมชั่นยอดนิยมและนำเสนอตัวละครที่เป็นเอกลักษณ์ออกมาอีกมากมาย แต่ วอล์ท ที่เป็น นักฝันและชายผู้บ้างาน จึงทำให้จิตใจของเขาเต็มไปด้วยความคิด และความทะเยอทะยานมากขึ้นเรื่อย ๆ
แม้ว่าวอล์ท ดิสนีย์ จะเป็นผู้ชายที่บ้างานและยุ่งมาก แต่เขาก็ให้ความสำคัญกับครอบครัวเป็นอันดับแรกเสมอ เขามักจะใช้เวลาว่างในวันเสาร์ อยู่ลูกสาวสองคนของเขา ไดแอนและชารอน ดิสนีย์ โดยเขาจะพาสาว ๆ ออกไปข้างนอกทั้งวัน นั่งกินถั่วลิสงพลางดูสาว ๆ ของเขานั่งอยู่บนม้าหมุน
ซึ่งในระหว่างที่ดูอยู่นั้นเอง ความคิดหนึ่งก็เกิดขึ้นว่า “เขาอยากจะสร้างสวนสนุก ที่จะทำให้ผู้ปกครองและเด็ก สามารถมีสนุกร่วมกันได้ โดยมันจะต้องเป็นสถานที่ ที่ผู้คนทุกวัยสามารถสำรวจและเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์อันน่าอัศจรรย์ได้”
ไอเดียใหม่
จึงทำให้ในปี 1954 ดิสนีย์แลนด์แห่งแรกก็ได้เปิดทำการ โดยมีสาธารณชนหลายพันคนที่รอคอยหลังใหลกันเข้ามา แม้จะมีตั๋วปลอมและปัญหาทางเทคนิคมากมาย แต่ดิสนีย์แลนด์ ก็ประสบความสำเร็จ และกลายเป็นที่รู้จักในฐานะ สถานที่ที่เต็มไปด้วยความมหัศจรรย์อย่างแท้จริง
กระทั่ง วอล์ท อายุ 50 ปี ความฝันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขาก็เป็นจริงมากขึ้นเรื่อย ๆ เขาสามารถสร้าง บริษัท แอนิเมชั่นที่เฟื่องฟู
มีตัวละครที่เป็นที่รักของคนมากมาย และผลงานของเขาก็ได้ข้ามไปแสดงยังประเทศต่าง ๆ มากมาย เขาพลิกโฉมวงการบันเทิงได้สำเร็จ และสร้างความสุขให้กับผู้คนทุกวัยได้ด้วยวิสัยทัศน์ที่ไม่ธรรมดา
ความฝันที่เป็นจริง
แต่ไม่นาน ก่อนที่ วอล์ท จะทำเริ่มแผนการสร้างสวนสนุกแห่งใหม่ได้สำเร็จ นิสัยที่ชอบสูบบุหรี่ของเขาก็ส่งผลกระทบอย่างรุ่นแรง จนทำให้ปี 1966 วอล์ท ดิสนีย์ เสียชีวิตลงอย่างสงบด้วยโรคมะเร็งปอด
และแม้ว่าหน้าที่ รวมไปถึงความฝันของเขาจะยังไม่เสร็จสิ้น พี่ชายของเขา รอย ก็ยังคงทำงาน และจัดการต่อให้ จนกระทั่งในปี 1971 สวนสนุกอีกแห่งก็เปิดทำการ ภายใต้ชื่อ วอลท์ ดิสนีย์เวิลด์
ไม่ว่าเขาจะเสียชีวิตไปแล้วกี่ปี แต่ วอล์ท ดิสนีย์ก็ยังคงเป็นตัวตั้งตัวตีในประวัติศาสตร์ของแอนิเมชั่น
Walt Disney works on a sketch at his drawing table for Laugh-O-Gram Films. [Courtesy of the Baron Missakian Collection, University of Missouri-Kansas City]
และแม้ว่าชื่อเสียงของเขาจะเปลี่ยนไปในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แต่เขาก็ยังคงเป็นที่รู้จักในฐานะสมบัติประจำชาติของสหรัฐฯ และเป็นผู้มีอิทธิพลทางวัฒนธรรมไปทั่วโลก ด้วยวิสัยทัศน์และการแสวงหาความฝันอย่างไม่ย่อท้อ
โดยปัจจุบันสิ่งที่ วอล์ท สร้างก็ยังคงมีอยู่ให้คนรุ่นหลัง ได้เห็นและจดจำตัวละครต่าง ๆ ของเขาได้
จากสถิติที่น่าประทับใจ จากการคว้ารางวัลออสการ์ 22 รางวัล และในปัจจุบันก็ยังไม่มีใครสามารถเอาชนะได้
ความภาคภูมิใจของ วอล์ท ดีสนีย์
หากวอลต์ดิสนีย์ยังมีชีวิตอยู่ในวันนี้เขาคงจะทำให้คุณมั่นใจได้ว่า
“ประสบการณ์อาจไม่ใช่ทั้งหมดของเส้นทางสู่ความสำเร็จ เพราะความสำเร็จของคุณเกือบทั้งหมดจะขึ้นอยู่กับความทุ่มเท
และความตั้งใจที่จะพากเพียรลงมือทำมันเสียมากกว่า จึงทำให้บางครั้งกุญแจที่สำคัญ จึงมักจะอยู่ในฝันกลางวันที่คุณคาดไม่ถึงที่สุด หากคุณมีฝันคุณต้องทำมันให้ได้นั้นเอง”
ดังที่ วอล์ท ดีสนีย์ กล่าวไว้ว่า “ความฝันทั้งหมดของเราสามารถเป็นจริงได้หากเรามีความกล้าที่จะไล่ตามมัน”
……...ขอบคุณที่ติดตามจนจบนะคะ………...
อ่านบทความเรื่องเล่าจากดาวนี้เพิ่มเติมได้ที่
หากชื่นชอบก็อย่าลืมกด Like กด Share เพื่อเป็นกำลังใจให้กันด้วยนะคะ สามารถแชร์แนวคิด มุมมองดีๆได้ใน Comments นี้เลย 😄

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา