22 พ.ย. 2020 เวลา 13:45 • ปรัชญา
# สถานะต่ำกว่าศูนย์ ของ เจเค โรลลิ่ง
เพราะความฝันและความเชื่อมั่น เป็นสิ่งที่จำเป็นของมนุษย์ เพราะสิ่งที่น่ากลัวที่สุดอาจไม่ใช่ความจน แต่อาจเป็นความล้มเหลวซ้ำ ๆ เสียมากกว่า อ่านเรื่องราวต่อไปนี้แล้วคุณจะเข้าใจ
ชีวิตที่เกือบจะสุขสมบูรณ์
Joanne “JK” Rowling เป็นมหาเศรษฐีคนแรกที่มีแหล่งรายได้หลัก มาจากงานเขียน เธอเขียนหนังสือชุด Harry Potter ที่ได้รับรางวัลมากมาย และขายได้หลายล้านเล่มต่อรอบการผลิต ปัจจุบันเธอเป็นนักเขียนที่มีชื่อเสียงระดับโลก แม้ว่าช่วงชีวิตของเธอที่ผ่านมา จะเหมือนวงล้อ ที่มีขึ้น ๆ ลง ๆ อยู่เสมอก็ตาม
Joanne “JK” Rowling เกิดเมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 1965 ที่โรงพยาบาล Yate General ใกล้เมือง Bristol ซึ่งเธอเติบโตที่เมือง Gloucestershire ในอังกฤษ และใน Chepstow เมือง Gwent ทางตะวันออกเฉียงใต้ของ Wales
โดยพ่อของเธอ ปีเตอร์ ทำงานเป็นวิศวกรอากาศยานที่โรงงานโรลส์รอยซ์ ใน บริสตอล ส่วน แอนน์ แม่ของเธอเป็นช่างเทคนิคด้านวิทยาศาสตร์ ในแผนกเคมีที่ Wyedean Comprehensive
ครอบครัวที่น่ารัก
เธอเติบโตมาอย่างดี และเข้าเรียนในโรงเรียนประถมที่ St. Michael's ใน Winterbourne เธอเข้าเรียนมัธยมที่ Wyedean School และเรียนมหาวิทยาลัยที่ Exeter University ซึ่งเธอเรียนเอกวรรณคดีฝรั่งเศสและวรรณกรรมคลาสสิก
เธอเติบโตมาด้วยความรักและความชื่นชอบในการอ่าน เธอมักจะมกตัวอยู่ในห้องสมุดเป็นประจำเพื่ออ่านและเรียนรู้เกี่ยวกับภาษาต่าง ๆ จนเธอเริ่มหัดเขียนวรรณกรรมได้ในวัยเพียง 6 ขวบ ซึ่งเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับกระต่ายชื่อ 'Rabbit'
และเมื่อเธออายุ 11 ปี เธอก็ได้เขียนนวนิยายเรื่องแรกเกี่ยวกับเพชรต้องคำสาปเจ็ดเม็ด และชีวิตของคนที่ครอบครอง ตั้งแต่นั้นเธอก็ไม่เคยหยุดเขียนอีกเลย เธอชอบเขียนในแนวแฟนตาซีของเด็ก ๆ เป็นพิเศษและผลงานส่วนใหญ่ของเธอก็เป็นลักษณะเช่นนั้นมาโดยตลอด
จุดเริ่มต้นของงานเขียน
แต่แล้วในช่วงที่ โรลลิ่ง เริ่มเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น แอนน์ แม่ของเธอ ก็ป่วยเป็นโรคระบบประสาทส่วนกลางเสื่อม จึงเป็นเหตุให้ความหดหู่ในชีวิตเริ่มคืบคานเข้ามา โดยเริ่มต้นจากปัญหาครอบครัว ที่ทำให้เกิดความแตกแยกระหว่างเธอกับพ่อ และยังคงเป็นเช่นนั้นอยู่จนถึงปัจจุบัน
หลังจากนั้น ในปี 1990 แม่ของเธอก็เสียชีวิตลง ด้วยอาการป่วยระยะสุดท้าย และ โรลลิ่ง ที่ยังคงเศร้าและยอมรับความจริงนี้ไม่ได้ เธอจึงเริ่มออกเดินทางเพื่อแสวงหาโอกาสใหม่ ๆ ในต่างแดน จนเธอไปจบลงที่โปรตุเกส
เธอทำอาชีพ เป็นครูสอนภาษาอังกฤษ ให้กับคนท้องถิ่นในระแวกนั้นเพื่อใช้เป็นภาษาที่สอง จึงเป็นเหตุให้เธอได้พบกับ Jorge Arantes นักข่าวรายการโทรทัศน์ ซึ่งต่อมา Jorge ก็กลายเป็นสามีของเธอ
ความสุขแรกเริ่มกับรักที่เกือบจะสมบูรณ์
แต่อย่างไรก็ตามความสัมพันธ์นี้ก็มีอายุไขที่แสนสั้น เนื่องจากว่าหลังจาก โรลลิ่ง ให้กำเนิด เจสสิก้า อิซาเบล ลูกสาวคนเดียวของทั้งสอง ได้เพียงสามปี การแต่งงานของพวกเขาก็ต้องสิ้นสุดลงด้วยการหย่าร้าง
1
โรลลิ่ง ที่แคว้งคว้างไร้ซึ่งจุดพักพิง เธอจึงตัดสินใจเดินทางกลับไปที่ เอดินบะระ เพื่ออาศัยอยู่ใกล้ ๆ กับพี่สาวของเธอ แต่เนื่องจากว่าในตอนนี้เธอไม่มีรายได้ใด ๆ เลย เธอจึงต้องอาศัยเงินสวัสดิ์การช่วยเหลือจากรัฐบาลเป็นหลัก เพื่อดำรงชีพ
ซึ่งเงินที่ได้รับมานั้น ก็น้อยมากจนแทบที่จะไม่พอเลี้ยงดูลูกสาวของเธอได้ เธอรู้สึกหดหู่จากความสัมพันธ์ที่ย่ำแย่ และความยากลำบากในการเลี้ยงดูเด็กหญิงตัวน้อยเพียงลำพัง จึงทำให้เธอครุ่นคิดถึงการฆ่าตัวตายหลายครั้งในช่วงเวลานั้น
หลังจากการหดหู่และสิ้นหวัง
แต่เธอก็เอาชนะมันได้ เพราะตลอดหลายปีที่ผ่านความชอบเพียงสิ่งเดียวที่ยังคงเป็นแรงผลักดันให้เธอมีชีวตอยู่ได้ นั่นก็คือความรักในภาษาอังกฤษและความชอบในงานเขียนวรรณคดีของเธอ
โดยความคิดเกี่ยวกับแฮร์รี่พอตเตอร์ เกิดขึ้นในขณะที่เธออยู่บนรถไฟที่นั่งจากแมนเชสเตอร์ไปลอนดอน ในขณะที้นั่งเหม่อลอย จู่ ๆ เธอก็เกิดความคิดขึ้นมาได้ว่า “รถไฟขบวนนี้ จะพาเด็กน้อยไปยังดินแดนแห่งจินตนาการ ที่ซึ่งทำให้พวกเขามีพลังพิเศษและมีการผจญภัยมากมายรอพวกเขาอยู่”
และหลังจากที่เธอคิดได้เช่นนั้น เธอก็เริ่มทำการจดบรรทึกและโน๊ตรายละเอียดรวมถึงเนื้อหาทั้งหมดที่เธอคิดได้ลงในเศษกระดาษเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เธอมีติดตัว ณ เวลานั้น
ประกายฝันอันน้อยนิด
เจ.เค. โรว์ลิ่ง เขียนหนังสือเล่มแรกของชุดแฮร์รี่พอตเตอร์ ตลอดระยะเวลา 6 ปี เธอเริ่มต้นเขียนได้ไม่นานก่อนที่แม่ของเธอจะจากไป เธอเขียนในระหว่างที่เธอต้องพบเจอกับรักที่สิ้นหวังในโปรตุเกส เธอเขียนหลังจากที่เธอหย่าร้างและทำให้เธอต้องเดินทางกลับไปอยู่ที่ อังกฤษ
เธอเขียนในขณะที่ มีเด็กสาวตัวน้อยคอยก่อกวนและรอคอยอาหารลงท้อง และด้วยเหตุนี้เธอจึงยิ่งตั้งใจที่จะทำมันให้เสร็จ แม้ว่า โรว์ลิ่ง จะใช้ส่วนมากในการเขียนหนังสือที่ร้านกาแฟ ในละแวกใกล้เคียงมากเสียจนทำให้ สาวน้อย เจสสิก้า วิ่งเล่นได้ไม่สะดวกนัก เธอจึงต้องใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการนอนบนตักแม่เธอ
แต่ถึงอย่างนั้น ประสบการณ์ที่เกิดขึ้นกับเธอส่วนใหญ่ ก็กลายเป็นแหล่งความคิดสำหรับงานเขียนของเธอ อีกทั้งตัวละครบางตัวที่เธอเลือกจากบัญชีรายชื่อ ก็มาจากครอบครัว เพื่อน และคนรู้จักที่เธอได้พบเจอหรือพบเห็นเพื่อเติมเต็มสัมคมในโลกเวทมนตร์ของเธอให้สมจริงมากขึ้น
โลกของ โรลลิ่ง
แต่ก่อนที่ Harry Potter เล่มแรก ( Harry Potter กับศิลาอาถรรพ์) จะได้รับการตีพิมพ์นั้น เธออยากจนมาก เธอจึงไม่สามารถจ่ายค่าพิมพ์สำเนา 90,000 คำได้ด้วยตนเอง เธอจึงต้องนั่งพิมพ์ ด้วยตัวเองเพื่อส่งไปยังสำนักพิมพ์ ต่าง ๆ ให้ทัน
แต่นวนิยายของเธอก็ถูกปฏิเสธหลายครั้ง จนกระทั่ง วันหนึ่ง หลังจากนั้นหกปีการปฏิเสธก็ได้สิ้นสุดลง เมื่อ Bloomsbury สำนักพิมพ์เล็ก ๆ ในลอนดอน ได้ให้โอกาสครั้งที่สองกับเธอ หลังจากที่ลูกสาววัยแปดขวบของ CEO Bloomsbury ตกหลุมรักเรื่องราวที่ โรลลิ่งได้เขียนไป
วงล้อชีวิตของเธอจึงเริ่มหมุนต่อไปอีกครั้ง ซึ่งหลังจากนั้นหนึ่งปี หนังสือของเธอก็ได้รับการตีพิมพ์ครั้งแรก โดย Bloomsbury Children's Books ในเดือนมิถุนายน 1997 ภายใต้ชื่อนักเขียน JK Rowling
อย่างไรก็ตามความหวังของเธอ ก็ต้องดับสลายลงอีกครั้ง เมื่อเจ้าของสำนักพิมพ์บอกกับเธอว่า ‘หนังสือแนวแฟนตาซีสำหรับเด็กไม่ใช่จุดแข็งของเธอ และเธอควรพิจารณาหางานทแบบจริง ๆ จัง ๆ ได้แล้ว” หลังจากที่ได้ฟังเช่นนั้น เธอจึงเริ่มพิสูจน์ตัวเองให้กับสำนักพิมพ์ได้เห็นว่า พวกเขานั้นคิดผิด!
ซึ่งหลังจากนั้นครึ่งปี สภาศิลปะแห่งสก็อตแลนด์ ก็ได้มอบเงินทุนให้กับ โรว์ลิ่ง เพื่อเขียนซีรีส์ Harry Potter ต่อไป เนื่องจากพวกเขาประทับใจในผลงานของเธอมาก และนับจากนั้นมาสิ่งดี ๆ มากมายก็ค่อย ๆ เกิดขึ้นตามมาเรื่อย ๆ
เรื่องราวแฟนตาซีที่เธอเขียนเกี่ยวกับการพจญภัยของ แฮร์รี่ พอตเตอร์ ,รอน วีสลีย์ และเฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์ ในฮอกวอตส์ ได้รับรางวัลมากมาย จากหน่วยงานที่ได้รับการรับรองและสถานที่ชื่อดังหลายแห่ง
ศึกชิงตัว
จนเป็นเหตุให้หนังสือของเธอได้รับการขนานนามว่า “เป็นหนังสือที่ขายดีที่สุด” อีกทั้งสำนักพิมพ์ต่าง ๆ จากทั่วทุกมุมโลกก็ต่างต่อสู้กันเพื่อคว้าโอกาสที่จะสร้างเรื่องราวของพวกเขาร่วมกับ โรว์ลิ่ง ให้ได้
และแม้ว่าในวันนี้ หนังสือ Harry Potter จะได้รับการจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในหนังสือขายดีของ New York Times และได้รับรางวัลมากมาย
จนทำให้เธอกลายเป็นหนึ่งในบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดและมีอิทธิพลมากที่สุดในโลกคนหนึ่ง แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็แทบที่จะไม่พูดถึงเรื่องราวในอดีตของเธอเลย อีกทั้งเธอยังไม่ได้จมอยู่กับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อนานมาแล้วด้วย
ชีวิตของเจ. เค. โรว์ลิ่ง เป็นเครื่องพิสูจน์ว่า ความอดทนและความพากเพียรทำงานตามความตั้งใจนั้นมีผลดีได้มากเพียงใด และถึงแม้ บางครั้งชีวิตจะทำให้คุณพบกับความล้มเหลว พบกับความผิดหวัง เกินกว่าที่คุณจะรับไหว ตลอดจนต้องแบกรับความท้าทายที่ถาโถมเขามาให้ได้
แต่เมื่อใดก็ตาม ที่คุณรู้สึกกดดันจากความล้มเหลวต่าง ๆ อยู่ โปรดจำเรื่องราว ของผู้หญิงนี้ ที่สิ้นเนื้อประดาตัวที่ต้องเลี้ยงลูกสาวของเธอเพียงลำพัง ด้วยเงินสวัสดิ์การจากรัฐบาลเพียงอย่างเดียวไว้ให้ดี
จงจำไว้ว่า สิ่งที่เราทำคือสิ่งที่เราทำได้ดีที่สุดแล้ว และจงเชื่อว่า วันหนึ่งโอกาสจะเปลี่ยนมาเข้าข้างเราสักครั้งอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะโดยการแทรกแซงของพระเจ้าหรือการพลิกผันของโชคชะตา ไม่ว่าทางใดทางหนึ่งความอดทนที่เราทำนั้นจะได้รับการตอบแทนมากมายเกินกว่าที่เราขอไว้อย่างแน่นอน
ดังที่ เจเค โรลลิ่ง กล่าวไว้ว่า “เป็นไปไม่ได้เลยที่คุณจะใช้ชีวิตโดยปราศจากซึ่งความล้มเหลว นอกเสียจากว่าคุณจะระมัดระวังมาก จนไม่ได้ใช้ชีวิต แต่นั้นก็ถือเป็นหนึ่งในความล้มเหลวของชีวิตเช่นกัน ฉะนั้นจงจำไว้ว่าอย่ามั่วแต่จมอยู่ในความฝันจนลืมที่จะใช้ชีวิตจริง”
อ่านบทความเรื่องเล่าจากดาวนี้เพิ่มเติมได้ที่
หากชื่นชอบก็อย่าลืมกด Like กด Share เพื่อเป็นกำลังใจให้กันด้วยนะคะ สามารถแชร์แนวคิด มุมมองดีๆได้ใน Comments นี้เลย 😄

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา