28 พ.ย. 2020 เวลา 03:36 • ประวัติศาสตร์
การประหารชีวิตราชวงศ์โรมานอฟ (Execution of the Romanov family)
หากใครได้เคยอ่านซีรีส์ชุดเครมลิน รวมทั้งบทความเรื่องการปฏิวัติรัสเซียของผม น่าจะรู้จัก “จักรพรรดินิโคลัสที่ 2 แห่งรัสเซีย (Nicholas II of Russia)” หรือ “พระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2”
1
พระองค์เป็นจักรพรรดิองค์สุดท้ายแห่งรัสเซีย และถูกปลงพระชนม์อย่างน่าสลด
แต่เรื่องราวในช่วงท้ายๆ ของพระองค์เป็นอย่างไร ลองมาดูกันครับ
ในปีค.ศ.1914 (พ.ศ.2457) รัสเซียได้ถูกดึงเข้ามาพัวพันในสงครามโลกครั้งที่ 1 โดยขณะที่ออสเตรียประกาศสงครามกับเซอร์เบีย รัสเซียก็ได้ก้าวเข้ามาสนับสนุนเซอร์เบีย ตามมาด้วยเยอรมนีที่สนับสนุนจักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการี
จักรพรรดินิโคลัสที่ 2 แห่งรัสเซีย (Nicholas II of Russia)
ถึงแม้ในช่วงแรก พระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2 จะได้รับการสนับสนุนจากชาวรัสเซียให้ทำสงคราม หากแต่เมื่อสงครามดำเนินต่อมาเรื่อยๆ เสียงสนับสนุนก็เริ่มจะแผ่วลงเรื่อยๆ เช่นกัน
กองทัพรัสเซียภายใต้การนำของพระองค์ไม่มีการบริหารจัดการที่ดีนัก อาวุธก็ไม่เพียงพอ ทำให้ประสบกับความลำบาก และตลอดระยะเวลาของสงคราม ก็ต้องสูญเสียกำลังไปเกือบสองล้านคน
2
ขณะที่ติดสงคราม พระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2 ก็ได้มอบหมายให้พระมเหสี นั่นคือ “จักรพรรดินีอเล็กซานดรา เฟโอโดรอฟนา แห่งรัสเซีย (Alexandra Feodorovna)” เป็นผู้บริหารงานต่างๆ หากแต่ชาวรัสเซียก็ไม่ไว้วางใจจักรพรรดินีอเล็กซานดรามากนัก เนื่องจากพระองค์เสด็จพระราชสมภพที่เยอรมนี และหลายคนก็สงสัยเรื่องความสัมพันธ์ของพระองค์กับ “เกรกอรี รัสปูติน (Grigori Rasputin)”
2
จักรพรรดินีอเล็กซานดรา เฟโอโดรอฟนา แห่งรัสเซีย (Alexandra Feodorovna)
เกรกอรี รัสปูติน (Grigori Rasputin)
รัสปูตินเป็นผู้ที่ใกล้ชิดกับสมาชิกราชวงศ์โรมานอฟ เหล่าทหารและขุนนางหลายคนก็ไม่ชอบเขาและคิดว่าเขาเป็นผู้ชักใยราชวงศ์อยู่หลังม่าน
2
กลุ่มขุนนางได้วางแผนสังหารรัสปูติน และลงมือในเดือนธันวาคม ค.ศ.1916 (พ.ศ.2459) โดยทำการวางยา ยิง ก่อนจะนำไปโยนทิ้งลงยังแม่น้ำ
3
สภาพศพของรัสปูติน
ในเวลานั้น ความโกลาหลได้แผ่ขยายไปทั่วรัสเซีย
เหล่าชนชั้นแรงงานนั้นประสบปัญหาปากท้อง ค่าแรงก็น้อย แทบไม่มีจะกิน ทำให้ผู้คนเริ่มออกมาชุมนุมประท้วง
คนที่ออกมาประท้วงนั้นเริ่มจะเยอะขึ้นเรื่อยๆ ทหารหลายนายที่ได้รับหน้าที่ให้มาสลายการชุมนุม กลับไปเข้ากับผู้ชุมนุม ทำให้ทหารที่มาปราบปรามนั้นเหลือจำนวนน้อย
ในที่สุด เหล่าผู้ชุมนุมก็สามารถเข้าควบคุมเมืองได้ ซึ่งเป็นเหตุการณ์ปฏิวัติรัสเซีย (Russian Revolution) ในปีค.ศ.1917 (พ.ศ.2460)
การปฏิวัติรัสเซีย (Russia Revolution) ในปีค.ศ.1917 (พ.ศ.2460)
เมื่อเมืองหลวงตกอยู่ในมือของกลุ่มคณะปฏิวัติ พระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2 จึงไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากยอมรับความจริงว่าพระองค์สิ้นอำนาจแล้ว
วันที่ 15 มีนาคม ค.ศ.1917 (พ.ศ.2460) พระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2 ทรงสละราชสมบัติ ทำให้ราชวงศ์โรมานอฟที่อยู่มานานกว่า 300 ปีถึงคราวจบสิ้น
ข่าวการสละราชสมบัติของพระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2
พระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2 และครอบครัวยังได้รับอนุญาตให้ประทับอยู่ในพระราชวัง ในขณะที่ทางการก็กำลังหารือว่าจะเอายังไงกับพระองค์และครอบครัวต่อดี
พระองค์และครอบครัวต้องพลิกชีวิต จากชีวิตที่หรูหรา มีกินมีใช้ไม่จำกัด ก็ต้องถูกจำกัดอาหาร คนรับใช้ก็เหลือเพียงไม่กี่คน
1
สมาชิกราชวงศ์ต่างหวังว่าจะได้ลี้ภัยไปอังกฤษ ซึ่งพระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2 และ “สมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 5 แห่งสหราชอาณาจักร (George V)” พระประมุขแห่งสหราชอาณาจักร ก็ทรงเป็นพระญาติกัน
1
พระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2 (ซ้าย) กับ สมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 5 แห่งสหราชอาณาจักร (ขวา)
ภายในฤดูร้อน ค.ศ.1917 (พ.ศ.2460) สถานการณ์การเมืองในกรุงเซ็นต์ปีเตอร์สเบิร์กยังไม่ดีนัก พระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2 และครอบครัว จึงทรงถูกย้ายไปประทับยังไซบีเรีย
1
ที่ประทับซึ่งเป็นสถานที่สุดท้ายของพระชนม์ชีพนั้นแตกต่างจากพระราชวังที่พระองค์เคยประทับลิบลับ แต่อย่างน้อยพระองค์ก็ไม่ต้องแยกจากครอบครัว
สิงหาคม ค.ศ.1917 (พ.ศ.2460) พรรคบอลเชวิกสามารถเข้าควบคุมรัฐบาลไว้ได้ ทำให้พระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2 และครอบครัวตกอยู่ใต้การควบคุมของบอลเชวิก โดยที่ประทับของพระองค์นั้น มีทหารคอยเฝ้าดูแลถึง 50 คน
พระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2 ขณะประทับอยู่ไซบีเรีย
ในช่วงเดือนมิถุนายน ค.ศ.1918 (พ.ศ.2461) ทหารได้ทูลพระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2 ว่าพระองค์และครอบครัวจะต้องเสด็จไปมอสโคว และให้พระองค์ทรงเตรียมองค์ไว้ให้พร้อม
หากแต่ก็ยังไม่มีการย้ายซะที มีการเลื่อนการย้ายออกไปอีกหลายวัน
ในขณะที่สมาชิกราชวงศ์กำลังรอคอยความช่วยเหลือ ก็ได้เกิดสงครามกลางเมืองขึ้นทั่วในรัสเซีย เป็นสงครามระหว่างคอมมิวนิสต์และกองกำลังต่อต้านคอมมิวนิสต์
ในขณะที่กองกำลังต่อต้านคอมมิวนิสต์ยึดพื้นที่และมุ่งมายังเมืองที่ประทับของพระราชวงศ์ บอลเชวิกก็คิดว่าถึงเวลาต้องทำอะไรบางอย่าง จะปล่อยให้พระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2 และครอบครัวได้รับการช่วยเหลือไม่ได้
สงครามกลางเมืองในรัสเซีย ค.ศ.1917 (พ.ศ.2460)
เวลา 2.00 น. ของวันที่ 17 กรกฎาคม ค.ศ.1918 (พ.ศ.2461) สมาชิกราชวงศ์ทุกพระองค์ถูกปลุกให้ตื่นบรรทม คนรับใช้จำนวนสี่คนก็ถูกปลุกเช่นกัน
3
ทุกพระองค์ถูกนำไปยังห้องเล็กๆ ใต้ดิน จากนั้น ก็ได้มีทหารเข้ามาในห้องนั้นจำนวน 11 คน
ทหารทั้ง 11 คนนั้นยิงปืนใส่สมาชิกพระราชวงศ์ โดยพระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2 และจักรพรรดินีอเล็กซานดราสวรรคตในทันที หากแต่เหล่าพระราชโอรส ธิดา ยังคงไม่สิ้นพระชนม์ในทันที น่าจะเป็นเพราะในฉลองพระองค์นั้นมีเครื่องเพชรที่ถูกซ่อนไว้อยู่ กระสุนจึงโดนเครื่องเพชร ทำให้ทหารต้องยิงซ้ำและแทงด้วยดาบปลายปืน
2
การสังหารนี้ใช้เวลาประมาณ 20 นาที
การสังหารสมาชิกราชวงศ์โรมานอฟ
ภายหลังการสังหาร ได้มีการนำร่างทั้งหมดออกจากห้อง นำไปยังบริเวณเหมืองเก่า
มือสังหารได้พยายามทำลายศพ มีการใช้ขวานมาหั่นร่างเป็นชิ้นๆ ก่อนจะราดด้วยน้ำกรดและน้ำมัน จากนั้นก็จุดไฟเผา
เวลาผ่านมานานกว่า 70 ปี ในปีค.ศ.1991 (พ.ศ.2534) จึงมีการพบเศษร่างของพระราชวงศ์ มีการขุดพบร่างจำนวนเก้าร่าง และผลการตรวจดีเอ็นเอก็พิสูจน์ชัดว่านี่คือร่างของพระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2 พระมเหสี พระราชธิดาจำนวนสามพระองค์ และคนรับใช้อีกสี่คน
ในปีค.ศ.2007 (พ.ศ.2550) ก็มีการพบหลุมศพที่สองที่เก็บร่างของพระราชโอรสและพระราชธิดาที่เหลือ
ปิดฉากราชวงศ์โรมานอฟที่อยู่มานานกว่า 300 ปี
โฆษณา