5 ธ.ค. 2020 เวลา 13:45 • ปรัชญา
# 99% ของเรื่องราวความล้มเหลว อับราฮัม ลินคอล์น
ผมไม่เคยมีนโยบายอะไรมากมายเลย ผมเพียงแค่พยายามทำให้ดีที่สุดในวันนี้และทุก ๆ วัน เพราะคนเราไม่สามารถเลี่ยงความรับผิดชอบของวันพรุ่งนี้ โดยการเลี่ยงมันวันนี้ได้ อ่านเรื่องราวต่อไปนี้แล้วคุณจะเข้าใจ
ชีวิตวัยแรกเกิด
อับราฮัม ลินคอล์น เขาเป็นประธานาธิบดีคนที่ 16 ของสหรัฐอเมริกา เขาได้พบอุปสรรคมากมายในการก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งประธานาธิบดี อีกทั้งวัยเด็กของเขาก็ไม่ได้มีความสุขมากนัก และเขายังได้รับการศึกษาน้อยกว่าที่ประธานาธิบดีของอเมริกันคาดหวังไว้
แต่วันเวลาของเขาในฐานะประธานาธิบดีก็ยังคงเป็นประวัติศาสตร์และมีความสำคัญเช่นเดียวกับชีวิตของเขา
Abraham Lincoln เกิดในปี 1809 ที่กระท่อมไม้ซุงเล็ก ๆ ในรัฐเคนตักกี้ พ่อแม่ของเขาคือ โทมัส และ แนนซีลินคอล์น ในช่วงแรกเกิด พ่อของอับราฮัม เป็นเจ้าของพื้นที่การเกษตรขนาดใหญ่ จนทำให้ อับราฮัม สามารถเข้าเรียนหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานได้
หลังจากความสุขจบลง
เมื่ออับราฮัมอายุได้ 7 ขวบ ครอบครัวของเขาก็ย้ายไปที่อินเดียนา ซึ่งที่นั้น ครอบครัวของเขาก็มีชีวิตที่ดีขึ้นมาก แต่อย่างไรก็ตาม อาการเจ็บป่วยจากน้ำนมที่กำลังแพร่กระจายไปทั้วพื้นที่ ก็เป็นจุดเริ่มต้นของชีวิตที่ยากลำบากของ อับราฮัม
ครอบครัวของเขาได้รับผลกระทบอย่างมากจากอาการเจ็บป่วยนี้ เนื่องจากพวกเขาต้องสูญเสียสมาชิกในครอบครัวหลายคนไป รวมถึงแม่ของ อับราฮัม ด้วย
งานบ้านทั้งหมดจึงถูกแจกจ่ายให้กับ อับราฮัม และ ซาราห์ น้องสาวของเขา มีบางคนบอกเล่าไว้ว่า ‘ในช่วงนั้นอับราฮัม ขี้เกียจและไม่ยอมทำงานบ้านเลย’ แต่ต่อมาเขาก็ได้เรียนรู้ถึงปัญหา และเริ่มมีส่วนช่วยอย่างมากในการทำงานบ้านและหารายได้เข้าสู่ครอบครัว
พัฒนาเท่าที่ทำได้
ด้วยเหตุนี้ อับราฮัม จึงต้องอยู่บ้าน เพื่อช่วยเหลือครอบครัวแทนที่จะไปโรงเรียน ซึ่งในตอนนั้นเขาเข้าเรียนได้เพียงแค่หนึ่งปีเท่านั้น แม้เขาจะยังคงปรารถนาที่จะเรียนรู้ แต่เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากช่วยที่บ้าน
ดังนั้นเขาจึงเริ่มศึกษาด้วยตัวเอง ซึ่งโดยพื้นฐานแล้วเขาศึกษามาด้วยตัวเองตลอดทั้งชีวิต แม้แต่ปริญญาด้านกฎหมายของเขา ก็เป็นผลมาจากการศึกษาด้วยตนเองเช่นกัน
หลังจากนั้นไม่นาน พ่อของ อับราฮัม ก็ได้แต่งงานใหม่กับหญิงม่าย ที่มีลูกติดสามคน และด้วยเหตุที่ อับราฮัม ขาดความอบอุ่นจากแม่แท้ ๆ ของเขาไปอย่างเนิ่นนาน จึงทำให้ อับราฮัม ผูกพันกับแม่เลี้ยงของเขาได้โดยง่าย
ต่อมาพวกเขาก็ได้ย้ายที่อยู่อีกหลายครั้ง จนกระทั่ง อับราฮัม โตพอที่จะใช้ชีวิตด้วยตัวเองได้ เขาจึงเลือกที่จะแยกตัวออกมาจากครอบครัว และเดินทางไปที่ New Salem, Illinois
เขาทำงานที่ร้านค้าแห่งหนึ่ง ซึ่งที่แห่งนี้ทำให้เขาได้พัฒนาทักษะในการพูดและการโน้มน้าวใจ เขาได้พบเจอผู้คน ได้เห็นบุคลิกของคนที่แตกต่างกันไปทุกวัน เขาได้รับแรงบันดาลใจให้เรียนรู้ทุกสิ่งที่สามารถทำได้ เกี่ยวกับการปฏิบัติตามกฎหมาย เขาจึงยืมหนังสือจากคนที่เขารู้จักอยู่เสมอ เนื่องจากเขาไม่สามารถซื้อหนังสือเป็นของตัวเองได้ เขาศึกษาอย่างเข้มงวดอยู่เสมอ จนต่อมา อับราฮัม ก็ได้ใช้ความรู้นี้เป็นหนทางสู่การรับราชการ
โดยเส้นทางสู่การเป็นประธานาธิบดีของอับราฮัมลินคอล์น เริ่มจากการดำรงตำแหน่งกัปตันกองทหารของกองทหารอาสาสมัครอิลลินอยส์ ในช่วงสงครามแบล็กฮอว์ก
สงครามที่เริ่มขึ้น
หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ลงสมัครเลือกตั้งในฐานะผู้สมัครสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งรัฐอิลลินอยส์ แต่ความพยายามครั้งแรกของเขาก็พบกับความล้มเหลว
ซึ่งหลังจากนั้นเขาก็ได้รับเลือกใหม่อีกครั้ง และได้ดำรงตำแหน่งจนครบสี่วาระ ซึ่งในช่วงเวลานั้น เขาก็ได้ความรู้ด้านกฎหมายมากมายหลายรูปแบบ
จึงทำให้เขาคิดที่จะเลื่อนตำแหน่งไปให้สูงกว่าจุดเดิมนี้ แต่ความพยายามนั้นของเขาก็ล้มเหลวอีกครั้ง เขาจึงใช้ความรู้ทางด้านกฏหมายของเขาสร้างสำนักงานเล็ก ๆ ขึ้นมา
ธุรกิจที่สร้างเอง
อับราฮัม ใช้เวลานานกว่า 15 ปี ในการทำธุรกิจและเป็นตัวแทนของทุกคนที่ต้องการทนายความ โดยคดีที่เขามีส่วนจัดการ มีตั้งแต่ปัญหาการขนส่งไปจนถึงข้อพิพาททางการเงิน หรือแม้แต่ข้อหาฆาตกรรม
โดยความท้าทายในชีวิตของ อับราฮัม ไม่ได้ จำกัด เฉพาะอาชีพทางการเมืองของเขาเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
1
ชีวิตรัก และครอบครัวของเขา ก็ต้องผ่านบทพิสูจน์ความพยายามมากมายด้วยเช่นกัน อับราฮัม หมั้นหมายที่จะแต่งงานกับ แอน รัทเลดจ์ ในปี 1835 แต่เธอก็เสียชีวิตลง ด้วยไข้ ไทฟอยด์ (Typhoid fever)
หลังจากการสูญเสีย
เขาจึงได้พบรักครั้งใหม่กับ แมรี่ ทอดด์ เธอเป็นลูกสาวจากครอบครัวที่มีชื่อเสียง ใน เล็กซิงตัน รัฐเคนตักกี้ โดยงานแต่งงานที่กำหนดไว้ในครั้งแรกของพวกเขาถูกทำลายลง หลังจากที่ทั้งสองตัดสินใจว่าพวกเขา ไม่ต้องการเข้าพิธีแต่งงานร่วมกัน แต่หลังจากนั้นอีกสองปีต่อมาทั้งคู่ก็แต่งงานกัน
อับราฮัม มีลูกชายสี่คน แต่ เอ็ดเวิร์ด ลูกคนแรกของเขาก็ต้องเสียชีวิต จากวัณโรคตอนอายุ 3 ขวบ ในขณะที่ลูกคนที่สอง วิลเลียม ก็เสียชีวิตไป เมื่อเขาอายุเพียง 11 ขวบ โธมัส ลูกชายคนที่สี่ เสียชีวิต เมื่อเขาอายุได้ 18 ปีเนื่องจากหัวใจล้มเหลว จึงเหลือเพียงแค่ โรเบิร์ต ทอดด์ลูกชายคนที่สามเท่านั้น ที่ยังคงชีวิตมีอยู่ เพื่อให้ อับราฮัม ได้เห็นเขาเติบโต (โรเบิร์ต มีชีวิตยาวนานถึง 82 ปี)
ด้วยเหตุนี้ แมรี่ จึงต้องต่อสู้กับโรคทางอารมณ์และจิตใจ จนต้องเข้ารับการรักษาในสถาบันทางจิต ส่วน อับราฮัม ก็ป่วยเป็นโรคซึมเศร้าขั้นรุนแรง ถึงขนาดที่เขาใช้เวลาร่วมหกเดือนกักขังตัวเองอยู่ในบ้าน
สภาวะแทรกซ้อน
แต่ทันทีที่ ประเด็นการเป็นทาสในสหรัฐอเมริกา ถูกแพร่กระจายอีกครั้ง จึงกระตุ้นให้ อับราฮัม พยายามกลับมาครองตำแหน่งในรัฐบาลให้ได้อีก
2
โดยความนิยมของเขาเพิ่มขึ้นอย่างมาก หลังจากที่เขาแสดงความไม่เห็นด้วยกับการครอบครองและการค้าทาสในประเทศอย่างเปิดเผย พรรครีพับลิจึงถูกสร้างขึ้นมา ด้วยเหตุนี้ อับราฮัม จึงมีโอกาสเข้าสู่ตำแหน่งวุฒิสภามากขึ้น เขาจินตนาการถึงโลกที่ทุกคนเท่าเทียมกันและรัฐบาลไม่นิยมเชื้อชาติใด
นโยบาย และแรงบันดาลใจของ อับราฮัม จับหัวใจของผู้คนได้มากมาย แม้ว่าเขาจะไม่ได้รับเลือกให้เป็นสมาชิกวุฒิสภา แต่เขาก็ได้รับความนิยมอย่างท่วมท้นจนทำให้ชื่อของเขาก็ถูกนำเสนอขึ้นมาทุกครั้งที่มีการเลือกตั้งประธานาธิบดี
Lincoln in his late 30s as a member of the U.S. House of Representatives. Photo taken by one of Lincoln's law students around 1846.
จนกระทั่ง อับราฮัม ได้รับหน้าที่เป็นประธานาธิบดีคนที่ 16 ของสหรัฐอเมริกา แต่ถึงอย่างไรก็ตามสถานการณ์เรื่องการเลิกทาสนั้นก็ยังคงทวีความรุนแรงมากขึ้น อีกทั้งยังมีหลายคนที่คัดค้านแนวคิดเสรีนิยมของเขาในการเลิกทาสอยู่ไม่น้อย
สงครามกลางเมืองจึงถือกำเนิดขึ้น จนกระทั่งเมื่อถึงจุดสูงสุดของสงคราม ทั้งเจ็ดรัฐจึงรวมตัวกันเพื่อต่อต้านผู้นำเผด็จการและดำเนินตามอุดมคติของ อับราฮัม
สถานการณ์ในชีวิตของ อับราฮัม ลินคอล์น นำไปสู่ความเป็นผู้นำที่ยิ่งใหญ่ในช่วงสงครามกลางเมือง เขาศึกษายุทธวิธีและการปฏิบัติการทางทหาร เพื่อนำกองทัพของเขาให้ผ่านพ้นมาได้ด้วยดี
ทักษะที่นำมาใช้
นอกจากนี้เขาก็ยังคงยืนกรานในแนวคิดเรื่องความเท่าเทียมกันระหว่างมนุษย์ทุกคน จนกระทั่งต่อมากฤษฎีกาให้ทาสทั้งหมดได้รับการปลดปล่อยก็ถูกจัดตั้งขึ้น
ด้วยทักษะในการปฏิบัติการทางทหารและความรู้ของเขาในการจัดการทางการเมือง จึงทำให้สหรัฐอเมริกาได้รับชัยชนะเหนือสัมพันธมิตร และการยุติสงครามกลางเมืองได้
อับราฮัม ลินคอล์น ยังได้รับตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยที่สอง เขากล่าวกับเพื่อนชาวอเมริกันว่า “นี้ถึงเวลาแล้วที่จะต้องสร้างชาติขึ้นมาในฐานะเสรีภาพอย่างใดอย่างหนึ่ง เพื่อมีชีวิตอยู่อย่างสุขสงบในวันต่อไป”
Lincoln in November 1863 Author Moses Parker Rice (1839-1925), possibly one of Gardner’s former assistants, copyrighted this portrait in the late nineteenth century, along with other photographs by Gardner.
อับราฮัม เคยผ่านความพ่ายแพ้มาแล้วหลายครั้ง เขาแพ้การเลือกตั้งสมาชิกสภาถึง 3 ครั้ง และแพ้การเลือกตั้งวุฒิสมาชิกอีก 2 ครั้ง ซึ่งทั้งหมดนี้ใช้เวลารวมกว่า 30 ปี จนในที่สุดเขาก็ได้มีโอกาสคว้าตำแหน่งประธานาธิบดีคนที่ 16 ของสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ
และหลังจากสิ้นสุดสงครามได้ไม่นาน อับราฮัม ก็ถูกลอบสังหารขณะดูละครเวทีกับภรรยาของเขา
แม้ว่าชีวิตของผู้นำทางการเมืองจะสิ้นสุดลงก่อนวัยอันควร แต่ผลของการต่อสู้ของเขาก็ทำให้ผู้คนมีชีวิตที่ดีขึ้นอย่างในทุกวันนี้ ตอนนี้อเมริกาเป็นดินแดนแห่งเสรีเพศและเชื้อชาติ ที่ไม่ได้วัดกันเพียงแค่สถานะทางสังคมอีกต่อไป
1
ดังที่ ABRAHAM LINCOLN กล่าวไว้ว่า “ในท้ายที่สุดไม่ใช่ว่าคุณมีอายุอยู่ได้ถึงกี่ปี แต่มันคือ คุณได้ใช้ชีวิตอย่างมีความหมายกี่ปี ในช่วงเวลาที่คุณมีชีวิตอยู่ ฉะนั้น ไม่ว่าคุณจะเป็นอะไร ก็จงเป็นสิ่งนั้นให้ดีที่สุด”
อ่านบทความเรื่องเล่าจากดาวนี้เพิ่มเติมได้ที่
หากชื่นชอบก็อย่าลืมกด Like กด Share เพื่อเป็นกำลังใจให้กันด้วยนะคะ สามารถแชร์แนวคิด มุมมองดีๆได้ใน Comments นี้เลย 😄

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา