13 ธ.ค. 2020 เวลา 13:45 • ปรัชญา
# Dr.Seuss
วันนี้เป็นวันของคุณ การผจญภัยรอคุณอยู่ข้างหน้า
เพราะฉะนั้น จงก้าวไปหามันซะ และถ้าหากอะไร ๆ มันกำลังจะเกิด จงอย่ากังวลหรือกลุ้มใจ เพียงแค่พยายามก้าวต่อไป และคุณก็จะได้เริ่มต้นเรื่องราวใหม่ ๆ ในชีวิต อ่านเรื่องราวต่อไปนี้แล้วคุณจะเข้าใจ
1
จุดเริ่มต้นของเส้นทางที่แสนสับสน
Theodor Seuss Geisel หรือที่รู้จักกันดีในนามปากกา ชื่อว่า Dr. Seuss เป็นนักเขียนและนักวาดการ์ตูนที่หนังสือของเขาถูกตีพิมพ์มาแล้วกว่า 60 เล่ม
โดยมี The Cat in the Hat และ Green Eggs and Ham เป็นบทกวีและตัวละครที่แฟน ๆ ต่างชื่นชอบมากที่สุด
Geisel เกิดเมื่อวันที่ 2 มีนาคม 1904 ใน สปริงฟิลด์แมสซาชูเซตส์ พ่อของเขาคือ Theodor Robert Geisel เป็นผู้ผลิตเบียร์ที่ประสบความสำเร็จ และแม่ของเขาคือ Henrietta Seuss Geisel
การเติบโต
Geisel ออกจากบ้านตอนอายุ 18 ปี แล้วเข้าไปเรียนที่ Dartmouth College จากนั้นเขากลายเป็นบรรณาธิการของนิตยสารอารมณ์ขันที่ Jack-O-Lantern
แต่แล้ว Geisel และเพื่อนของเขา ก็ถูกจับได้ว่าดื่มในห้องพัก ซึ่งถือเป็นการละเมิดกฎหมายข้อห้าม เขาจึงถูกไล่ออกจากงาน แต่ยังคงมีส่วนร่วมในงานอยู่บ้างโดยใช้นามแฝงว่า "Seuss"
หลังจากจบการศึกษาจาก Dartmouth เขาก็เข้าเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด ในอังกฤษ โดยมีแผนจะเป็นศาสตราจารย์ แต่แล้วในปี 1927 เขาก็ลาออกจากอ็อกซ์ฟอร์ด เพราะเขาคิดว่าฝันนี้ไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการจริง ๆ
เดินหน้าสู่ฝันครั้งใหม่
Geisel จึงกลับไปที่อเมริกา และตัดสินใจที่จะเป็นนักเขียนการ์ตูนเต็มเวลา ซึ่งบทความและภาพประกอบของเขาถูกตีพิมพ์ในนิตยสารจำนวนมาก รวมถึงเรื่อง Vanity Fair และชีวิตของเขาด้วย
การ์ตูนของ Geisel ตีพิมพ์ครั้งแรกในเดือน กรกฎาคม 1927 โดยใช้นามปากกาว่า "Seuss" ด้วยเหตุนี้ เขาจึงได้เข้าทำงานที่ New York weekly Judge
หลังจากนั้น Geisel ก็ทำงานให้กับ Standard Oil ในแผนกโฆษณาซึ่งเขาใช้เวลาถึง 15 ปี กับการทำงานนี้ อีกทั้งโฆษณาของ Geisel ที่สร้างขึ้นมาสำหรับ Flit ซึ่งเป็นสเปรย์กำจัดแมลงที่ผลิตโดย Standard Oil (“ Quick, Henry, the Flit!” ก็ยังกลายเป็นหนึ่งในบทกลอนที่น่าจดจำที่สุดในยุคนั้น)
จุดที่สร้างการเปลี่ยนแปลง
เขายังสร้างแคมเปญโฆษณาสำหรับลูกค้าอีกมากมายไม่ว่าจะเป็น Ford Motor Company, NBC และ Narragansett Brewing Company Seuss
แม้แต่ในงานด้านการค้า เขาก็ยังทำงานแบบบ้าระห่ำเช่น“ Moto-raspus” และ“ Karbo-nockus” ที่ปรากฏในโฆษณาน้ำมันเครื่อง Essolube
แต่แล้ววันหนึ่ง Viking Press ก็ได้เสนอขอสัญญากับ Geisel ทำหนังสือภายใต้คอลเลกชันที่มีชื่อว่า Boners ซึ่งเมื่อทำออกมาได้ กลับกลายเป็นว่าหนังสือของเขาขายไม่ดีเอาเสียเลย จึงทำให้ความสนใจในการเขียนวรรณกรรมสำหรับเด็กของ Geisel ลดต่ำลงอย่างเห็นได้ชัด
ความเครียดและการพบรัก
จากนั้น Geisel ก็ได้พบกับภรรยาคนแรกของเขาซึ่งเป็นนักเรียนชาวอเมริกันชื่อว่า Helen Palmer โดยเขามักจะเล่าถึงเธอว่า “เขาและเฮเลน พบกันครั้งแรกที่ มิสซิสพาล์มเมอร์ ในวันนั้นผมถามเธอครั้งแรกว่า “แม่ของคุณจะคิดยังไงกับผมในฐานะสามี” แม้ว่าในวันนั้นผมจะยังไม่รู้ชื่อเธอเลยด้วยซ้ำ!”
จากนั้นความสัมพันธ์ของ Geisel และ Helen ก็เริ่มดีขึ้นเรื่อย ๆ จนทั้งสองคนตัดสินใจแต่งงานกัน และย้ายไปอยู่ที่ นิวยอร์กซิตี้ ด้วยกัน Geisel เริ่มรับงานให้กับนิตยสาร
ซึ่งภาพประกอบที่เป็นเอกลักษณ์ของเขา ดูเหมือนว่าจะมีอำนาจในการขายแทบทุกอย่าง ณ ช่วงเวลานั้น จึงเป็นเหตุให้ หลังจากสงคราม Geisel และ Helen ก็ได้ซื้อหอสังเกตการณ์ที่เก่าแก่ใน La Jolla แคลิฟอร์เนีย
บ้านที่แสนสวยงาม
ที่นั้น เขาได้เขียนหนังสืออย่างน้อยแปดชั่วโมงต่อวันและหยุดพักเพื่อทำสวนบ้าง เขาจึงได้สร้างผลงานออกมามากมายและต่อเนื่องในรูปแบบคำศัพท์ที่เข้าใจง่าย รวมถึงการใช้เทคนิคที่ซับซ้อนมากขึ้น
แต่ในขณะเดียวกัน Helen Geisel ภรรยา เธอก็ต้องต่อสู้กับโรคอัมพาต (Guillain-Barré syndrome) และโรคมะเร็งมานานกว่าทศวรรษ และด้วยอาการที่แย่ลงเรื่อย ๆ
ประกอบกับความสงสัยระหว่างความสัมพันธ์ของสามีกับเพื่อนสนิท ที่จะมาเป็นภรรยาคนที่สอง Helen จึงตัดสินใจที่จะออกมาใช้ชีวิตด้วยตัวเอง “ ฉันแก่เกินไปแล้วแหล่ะ แต่ฉันก็หลงรักในทุกสิ่งที่คุณทำ
การจากลา
อีกทั้งในตอนนี้ฉันก็ไม่สามารถตั้งครรภ์ได้แล้ว” ข้อความจากจดหมายลาตายของเธอ “การจากไปของฉัน แม้จะทิ้งข่าวลือไว้ค่อนข้างมาก แต่คุณสามารถบอกกับทุกคนได้ว่าฉันทำงานหนักเกินไป ชื่อเสียงของคุณ เพื่อนและแฟน ๆ ที่รักคุณจะได้ไม่เสื่อมเสียมากนัก”
หลังจากนั้นหลายปีต่อมา Geisel ก็ได้แต่งงานใหม่ กับ Dimond ผู้ผลิตภาพยนตร์ ซึ่ง Dimond เป็นที่รู้จักกัน จากผลงานภาพยนตร์เรื่องThe Lorax (2012), Horton Hears a Who! (2008) และDaisy-Head Mayzie (1995).
ตลอดอาชีพของเขา Geisel เขาได้ตีพิมพ์หนังสือมามากกว่า 60 เล่ม โดยหนังสือเล่มแรกของเขาถูกปฏิเสธ มามากกว่า 27 ครั้งก่อนที่จะถูกตีพิมพ์โดย Vanguard Press ในปี 1937
Al Ravenna Title Children's author Ted Geisel, (Dr. Seuss), three-quarter length portrait, seated at desk, facing front] / World Telegram & Sun photo by Al Ravenna.
ซึ่งผลงานที่เป็นที่รู้จักบางส่วนของเขา ได้แก่ :Horton Hears a Who!' (1954) ,'The Cat in the Hat' (1957) ,How the Grinch Stole Christmas' (1957)
,Green Eggs and Ham' (1960) ,One Fish Two Fish Red Fish Blue Fish' (1960) ,Dr. Seuss’s ABC: An Amazing Alphabet Book!' (1963) และ The Lorax' (1971)
อีกทั้ง หนังสือหลายเล่มของ Geisel ก็ได้ถูกเปลี่ยนเป็นภาพยนตร์แอนิเมชั่นเรื่องยาว ทั้งในช่วงที่เขามีชีวิตและหลังจากมรณกรรม
This is the front cover art for the book The Lorax written by Dr. Seuss. The book cover art copyright is believed to belong to the publisher or the cover artist.
ในปี 1966 ด้วยความช่วยเหลือของ Chuck Jones นักเขียนการ์ตูนชื่อดัง The Grinch Who Stole Christmas ก็ได้ถูกดัดแปลงเป็นภาพยนตร์แอนิเมชั่น นอกจากนี้ หนังสือเล่มนี้ได้รับการดัดแปลงอีกครั้งในปี 2000 เป็นภาพยนตร์แอนิเมชั่นเรื่องยาวโดยผู้กำกับรอน โฮเวิร์ด และ จิมแคร์รี่ พากย์เสียงกรินช์ เจฟฟรีย์
นอกจากนี้ยังมี แทมบอร์ เป็นนายกเทศมนตรี ออกัสตัสเมย์โฮ และมอลลี่ แชนนอน เป็น เบ็ตตี ลูใคร
ในปี 2012 ภาพยนตร์แอนิเมชั่น The Lorax ก็ได้เข้าฉายในโรงภาพยนตร์โดยมี Danny DeVito เป็น Lorax, Zac Efron รับบทโดย Ted, Taylor Swift รับบทเป็น Audrey และ Betty White รับบทเป็น Grammy Norma
Ted Geisel, American writer and cartoonist, at work on a drawing of the grinch for "How the Grinch Stole Christmas"
Geisel ในฐานนะ Dr. Seuss จึงได้รับรางวัลมากมายจากผลงานของเขา รวมถึงรางวัล Pulitzer Prize ปี 1984 ซึ่งเขายังได้รับรางวัล ออสการ์ ,รางวัลEmmys อีกสามครั้ง และ Grammys อีกสามรางวัล เช่นกัน
Geisel เสียชีวิตในวันที่ 24 กันยายน 1991 ขณะอายุ 87 ปีในเมือง La Jolla รัฐแคลิฟอร์เนีย
ในปี 1997 คอลเลกชัน Art of Dr.Seuss ได้เปิดตัว ภาพพิมพ์และงานประติมากรรมของ Geisel จำนวน จำกัด โดยสามารถพบได้ที่แกลเลอรี Rembrandt , Pablo Picasso และ Joan Miró
Dr. Seuss with figurines from his children's books. Photo: John Bryson/The LIFE Images Collection/Getty Images
โดยยังมีหนังสืออีก 16 เล่มของเขาอยู่ในรายชื่อ "100 หนังสือเด็กปกแข็งที่ขายดีที่สุดตลอดกาล" ของสำนักพิมพ์รายสัปดาห์
ในปี 2015 Random House Children's Books ได้ตีพิมพ์หนังสือ Dr. Seuss เล่มใหม่ชื่อWhat Pet I Get หลังจากพบต้นฉบับและภาพร่างโดยภรรยาของเขาในบ้านของทั้งคู่
ดังที่ Dr.Seuss กล่าวไว้ว่า “ว่ากันว่า ปัญหานั้นเข้ามาหาเราได้หลายรูปแบบ บางปัญหารอเราอยู่ข้างหน้า
บางปัญหาก็ตามเรามาตลอดทาง แต่ผมก็มีไม้กระบองขนาดใหญ่ และพร้อมรับมือกับมันเช่นกัน เพราะฉะนั้น ปัญหาเหล่านั้นต่างหาก ที่จะต้องเป็นฝ่ายกลัวผม”
1
อ่านบทความเรื่องเล่าจากดาวนี้เพิ่มเติมได้ที่
หากชื่นชอบก็อย่าลืมกด Like กด Share เพื่อเป็นกำลังใจให้กันด้วยนะคะ สามารถแชร์แนวคิด มุมมองดีๆได้ใน Comments นี้เลย 😄

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา