23 ธ.ค. 2020 เวลา 12:06 • ประวัติศาสตร์
สงครามจีน–ญี่ปุ่นครั้งที่หนึ่ง (First Sino-Japanese War)
1
ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม ค.ศ.1894 (พ.ศ.2437)-17 เมษายน ค.ศ.1895 (พ.ศ.2438) จีนและญี่ปุ่นได้ขัดแย้ง พิพาทกันเรื่องที่ว่าใครควรจะมีอำนาจเหนือเกาหลี
การพิพาทนี้นำไปสู่สงคราม และจบลงด้วยชัยชนะของญี่ปุ่น และผลของสงคราม ทำให้ญี่ปุ่นได้มีอำนาจเหนือคาบสมุทรเกาหลี และยังได้ส่วนหนึ่งของไต้หวัน เกาะเผิงหู และคาบสมุทรเหลียวตงอีกด้วย
1
สำหรับความสูญเสียในสงครามนี้ ฝ่ายจีนนั้นสูญเสียทหารไปถึง 35,000 นาย ส่วนญี่ปุ่นเสียทหารเพียงแค่ 5,000 นาย และนี่ไม่ใช่สงครามระหว่างจีนกับญี่ปุ่นเพียงครั้งเดียว ต่อมาในปีค.ศ.1937 (พ.ศ.2480) ก็ได้เกิดสงครามจีน-ญี่ปุ่นครั้งที่สอง
ในช่วงครึ่งหลังของศตวรรษที่ 19 “แมทธิว ซี. เพอร์รี (Matthew C. Perry)” นายทหารแห่งกองทัพเรืออเมริกัน ได้บังคับให้ญี่ปุ่นเปิดประเทศ และทำให้อำนาจของโชกุนจบลง และทำให้ญี่ปุ่นเข้าสู่ยุค “การฟื้นฟูเมจิ (Meiji Restoration)” ในปีค.ศ.1868 (พ.ศ.2411) ทำให้ญี่ปุ่นก้าวสู่ยุคสมัยใหม่ และมีการพัฒนาในหลายๆ ด้าน
5
ในขณะเดียวกัน จีนซึ่งเป็นมหาอำนาจแห่งเอเชียตะวันออก ก็ไม่สามารถปรับปรุงระบบทหารและการบริหารประเทศที่คร่ำครึของตน ทำให้ต้องพ่ายแพ้ในสงครามฝิ่นทั้งสองครั้ง
5
ที่ผ่านมา จีนนั้นเป็นมหาอำนาจในแถบเอเชีย และมีอำนาจควบคุมดินแดนอื่นๆ เช่น เกาหลี เวียตนาม ดังนั้นการพ่ายแพ้ให้แก่อังกฤษและฝรั่งเศส ทำให้จีนกลายเป็นยักษ์ใหญ่ที่ง่อนแง่น และเมื่อใกล้สิ้นสุดศตวรรษที่ 19 ญี่ปุ่นก็คิดจะประกาศศักดาให้เป็นที่ประจักษ์
1
สงครามฝิ่น
เป้าหมายของญี่ปุ่นคือการยึดครองคาบสมุทรเกาหลี ซึ่งที่ผ่านมานั้น เกาหลีก็เป็นเป้าการโจมตีของจีนและญี่ปุ่นมาเป็นเวลานานนับร้อยปี
1
ญี่ปุ่นกับจีนได้ทำสงครามกันตั้งแต่ปีค.ศ.1894 (พ.ศ.2437) โดยญี่ปุ่นได้บุกเข้ากรุงโซลตั้งแต่วันที่ 23 กรกฎาคม ค.ศ.1894 (พ.ศ.2437) และได้บังคับให้กษัตริย์แห่งเกาหลีประกาศอิสรภาพจากจีน
4
ภายหลังจากเหตุการณ์นี้ วันที่ 28 กรกฎาคม ค.ศ.1894 (พ.ศ.2437) สงครามระหว่างจีนและญี่ปุ่นก็ได้เริ่มขึ้น
สงครามจีน–ญี่ปุ่นครั้งที่หนึ่งนี้เป็นการสู้รบทางทะเลเป็นส่วนมาก ซึ่งฝ่ายญี่ปุ่นนั้นได้เปรียบ ในขณะที่ฝ่ายจีนนั้น “พระนางซูสีไทเฮา (Empress Dowager Cixi)” ได้ตัดงบที่จะใช้ในการพัฒนากองทัพเรือ นำไปใช้ในการก่อสร้างพระราชวังฤดูร้อนในปักกิ่ง ทำให้เรือรบฝ่ายจีนนั้นด้อยกว่าญี่ปุ่นมาก
1
พระนางซูสีไทเฮา (Empress Dowager Cixi)
ญี่ปุ่นได้ทำการตัดทางส่งเสบียงของฝ่ายจีน และกองทัพของญี่ปุ่น ร่วมด้วยทัพเกาหลี ก็มีกำลังมากกว่าฝ่ายจีนมาก
1
ในวันที่ 28 กรกฎาคม ค.ศ.1894 (พ.ศ.2437) เพียงวันเดียว ทหารจีนเสียชีวิตกว่า 500 นาย ถูกจับอีกเป็นจำนวนมาก และทั้งสองฝ่ายก็ประกาศสงครามต่อกันในวันที่ 1 สิงหาคม ค.ศ.1894 (พ.ศ.2437)
1
ความพ่ายแพ้ของฝ่ายจีน ทำให้กองทัพจีนที่รอดชีวิต ต้องถอยทัพไปยังเปียงยาง ในขณะที่ราชสำนักชิงก็รีบส่งกำลังเสริมมาจากจีน โดยส่งทหารมาประมาณ 15,000 นาย
แต่ถึงอย่างนั้น กองทัพญี่ปุ่นก็ได้ทำการปิดล้อมเมือง และทำการจู่โจมจากทุกทิศในเช้าวันที่ 15 กันยายน ค.ศ.1894 (พ.ศ.2437) และภายหลังจากผ่านไป 24 ชั่วโมง ญี่ปุ่นก็ยึดเปียงยางไว้ได้ โดยมีทหารฝ่ายจีนเสียชีวิตกว่า 2,000 นาย ในขณะที่ญี่ปุ่นเสียทหารไปไม่ถึง 600 นาย
3
ความพ่ายแพ้นี้ ทำให้จีนต้องถอยทัพออกไปอีก และญี่ปุ่นก็ยึดดินแดนจำนวนมากได้ และบุกประชิดมาถึงเมืองเวยไห่ และจีนก็ต้องสูญเสียเมืองของตนหลายเมืองให้แก่ญี่ปุ่น
ความพ่ายแพ้อย่างต่อเนื่องนี้เอง ทำให้จีนตัดสินใจยอมแพ้และทำสัญญาสงบศึกกับญี่ปุ่น
17 เมษายน ค.ศ.1895 (พ.ศ.2438) จีนและญี่ปุ่นได้ลงนามในสนธิสัญญาชิโมโนเซกิ (Treaty of Shimonoseki) ซึ่งเป็นการสิ้นสุดสงครามระหว่างจีนและญี่ปุ่น
จีนต้องสูญเสียอำนาจทั้งหมดในเกาหลีให้แก่ญี่ปุ่น และญี่ปุ่นยังได้เข้าควบคุมไต้หวัน เกาะเผิงหู และคาบสมุทรเหลียวตง
การลงนามสนธิสัญญาชิโมโนเซกิ (Treaty of Shimonoseki)
นอกจากนั้น จีนยังต้องจ่ายค่าปฏิกรรมสงครามแก่ญี่ปุ่นเป็นเงินถึง 200 ล้านตำลึง และยังต้องให้สิทธิทางการค้าแก่ญี่ปุ่นหลายข้อ รวมทั้งการอนุญาตให้เรือของญี่ปุ่นแล่นในแม่น้ำแยงซี อนุญาตให้บริษัทญี่ปุ่นเปิดดำเนินการในบริเวณท่าเรือของจีน และเปิดท่าเรือสำหรับเรือสินค้าญี่ปุ่นอีกสี่แห่ง
2
ภายหลังจากการลงนามในสนธิสัญญาชิโมโนเซกิ มหาอำนาจตะวันตกก็อยากจะมีส่วนในผลประโยชน์ครั้งนี้
3
รัสเซีย เยอรมนี และฝรั่งเศสได้คัดค้านการที่ญี่ปุ่นเข้าครอบครองคาบสมุทรเหลียวตง ซึ่งคาบสมุทรนี้ รัสเซียต้องการมาก
3
มหาอำนาจตะวันตกทั้งสามชาติได้กดดันให้ญี่ปุ่นมอบคาบสมุทรเหลียวตงให้แก่รัสเซีย แลกกับเงิน 30 ล้านตำลึง
ญี่ปุ่นนั้นโกรธมาก และนี่คือประกายไฟที่ทำให้เกิด “สงครามรัสเซีย-ญี่ปุ่น (Russo-Japanese War)” ซึ่งผมจะเล่าในโอกาสต่อๆ ไปนะครับ
1
โฆษณา