ผมรู้ว่าเวลาของแม่เหลือน้อยลงเรื่อย ๆ ผมอยากใช้เวลาร่วมกันกับแม่ให้มากที่สุด กิจกรรมที่เราทำร่วมกันเป็นกิจวัตร เช่น ตอนเช้าไปเดินเร็วที่สนามกีฬา (แม่เดินเร็วมากกกส์ ขนาดนิวยอร์กเกอร์อย่างผมยังตะลึง!) ขากลับบ้านก็แวะกินปาท่องโก๋กับน้ำเต้าหู้ บางทีก็เย็นตาโฟ กลางวันนั่งอ่านหนังสือ ดูครัวคุณต๋อย ตอนเย็นวันไหนว่าง ๆ ผมจะทำกับข้าวให้แม่กิน อาหารที่ทำก็มักจะไม่เหมือนอาหารไทยทั่วไป แต่จะเป็นไทยประยุกต์ตามประสานักเรียนมหา’ลัยห้องครัว
“วันนี้ทำอะไรกินอ่ะ” แม่ถาม เพราะอยากรู้ว่าเย็นนี้มีอะไรกิน
“ต๊ก-ป็อก-กิ รู้จักอ๊ะแป่ว?” ผมบอกกวน ๆ
“อะไรนะ ต๊ก ๆ เอาดี ๆ” แม่ทำหน้างง
“อาหารเกาหลีครับ เป็น Rice cake ใส่กับซอสพริกเกาหลีสีแดงอ่ะ” ผมอธิบาย
“ทำอาหารเกาหลีเป็นด้วย ใครสอนให้ล่ะ” แม่ถาม
“สาวเกาหลีสอนให้” ผมยิ้ม ๆ
“แหน่ะ ร้ายนะ มีสาวต่างชาติด้วย”
“มีหมดทุกชาติแหละแม่ นี่คุยกับเสืออยู่ไม่รู้เร๊อะ! แฮ่ ๆ โบร๋ววว...” ผมกวนก่อนจะหอนเป็นหมาแทน เรียกเสียงหัวเราะเบา ๆ จากแม่ได้ คงเป็นเพราะนิวยอร์กมันเป็นเมืองที่มีอาหารแทบทุกชาติให้ลองลิ้มชิมรสเต็มไปหมด เกาหลี ญี่ปุ่น จีน รัสเซีย ยุโรป ผมเองก็เป็นพวกอยากลองไปทั่ว ใครชวนไปกินไหนก็ไป ก็เลยทำให้มีโอกาสได้ลองอาหารอะไรเต็มไปหมด หลายครั้งที่แม่ชมว่า
“เดี๋ยวนี้ ทำอาหารอร่อยนะ” แม่บอกตอนกินข้าว
“อร่อยอยู่แล้ว ชูรสทั้งน๊าน! เคล็ดลับที่อยู่คู่ครัวไทย มานานกว่าศตวรรษ!” ผมตอบ พอผมบอกว่าใส่ชูรสเท่านั้นแหละ เล่นเอาแกสะอึก เพราะแกเป็นพวกแอนตี้ผงชูรส
“โห่ ล้อเล่นน่ะแม่ ไม่มีอายิโนะโมโตะหรอก” ผมบอกหลังจากแม่หน้าบูด
“ใช้ตราชฎาต่างหากล่ะ” ผมยิงมุก ก่อนจะหลบไป เพราะเห็นแม่ง้างเตรียมขว้างหนังสือใส่