26 ธ.ค. 2020 เวลา 12:45 • สุขภาพ
น้ำตาลทำให้แก่เร็วจริงหรือ?
1
น้ำตาลสัมพันธ์กับความแก่อย่างไร?
2
น้ำตาลทำให้แก่เร็วจริงหรือ?
น้ำตาลเป็นส่วนผสมหนึ่งในอาหาร และเครื่องดื่มที่ทำให้อาหาร และเครื่องดื่มดังกล่าวถูกปากและถูกใจใครหลายคน เวลาที่เรากินหวานเข้าไปมันไม่ใช่แค่หวานอร่อย ณ ตอนนั้น แต่ความหวานจะทำให้เราติด ติด และติดหวานไปเรื่อย ๆ จนขาดไม่ได้ ซึ่งนอกจากจะทำให้เราอ้วนแล้ว มันยังทำให้เราแก่ลงได้ด้วยนะ!
#สาระจี๊ดจี๊ด
ตามคำแนะนำขององค์การอนามัยโลก ปริมาณน้ำตาลที่ควรบริโภคไม่ควรเกิน 6 ช้อนชาต่อวัน แต่ในความเป็นจริง รายงานจากกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข พบว่า... คนไทยบริโภคน้ำตาลสูงถึงวันละ 28.4 ช้อนชา ซึ่งสูงกว่าค่าแนะนำถึง 4.7 เท่า ส่วนใหญ่มาจากเครื่องดื่มนานาชนิด ไม่ว่าจะเป็น ชานมไข่มุก กาแฟเย็น ชาเย็น นมเย็น เป็นต้น
2
ความจริง! คือ... การบริโภคเครื่องดื่มหวานเพียง 1 แก้ว ก็ได้รับน้ำตาลมากกว่าที่ร่างกายควรได้รับต่อวันแล้ว นี้ยังไม่รวมน้ำตาลที่ปรุงอยู่ในอาหารที่เรารับประทานต่อวันอีกนะ!
2
น้ำตาลสัมพันธ์กับความแก่อย่างไร?
ผิวหนังของเรามีโปรตีนอีลาสติน และคอลลาเจน เป็นองค์ประกอบหลักอยู่รวมกันเป็นลักษณะโครงข่าย ช่วยให้ผิวของเรามีความแข็งแรง และยืดหยุ่น
ในกรณีที่เราบริโภคอาหาร หรือเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูง น้ำตาลเหล่านั้นถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดอย่างรวดเร็ว ซึ่งทำให้ระดับน้ำตาลที่บริเวณผิวหนังสูงขึ้นเช่นเดียวกัน
น้ำตาลบริเวณผิวหนังสามารถจับกับโปรตีนอีลาสติน และคอลลาเจน เกิดเป็นสารประกอบที่มีชื่อว่า Advanced glycation end products หรือ AGEs "ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดริ้วรอย และแก่ก่อนวัยนั่นเอง"
เมื่อ AGEs เกิดขึ้นในชั้นผิวหนังจะส่งผลให้โปรตีนอีลาสติน และคอลลาเจน เสื่อมสภาพและสะสมอยู่ที่บริเวณผิวหนัง ส่งผลให้ความยืดหยุ่นของผิวหนังลดลง เกิดการ 'หย่อนคล้อย'
3
โดยทั่วไปการสะสมของ AGEs บริเวณผิวหนังจะเพิ่มมากขึ้นตามอายุอยู่แล้ว
แต่! กระบวนการดังกล่าวสามารถกระตุ้นให้เกิดได้เร็ว และมากขึ้นเมื่อเราบริโภคอาหารที่มีปริมาณน้ำตาลสูง
1
โดยทั่วไปร่างกายของเรามีกลไกในการทำลายโปรตีนที่เสื่อมสภาพ
อย่างไรก็ตาม...
การศึกษาในระดับเซลล์ผิวหนังเพาะเลี้ยงพบว่า AGEs สามารถยับยั้งการทำงานกลไกในการทำลายโปรตีนที่เสื่อมสภาพ ทำให้เกิดการสะสมของโปรตีนอีลาสติน และคอลลาเจน ที่เสื่อมสภาพได้อย่างไม่จำกัด นอกจากนี้ AGEs ยังสามารถกระตุ้นการสร้างสารอนุมูลอิสระ และสารก่อการอักเสบซึ่งทำลายเซลล์ผิวหนัง และยับยั้งกระบวนการสร้างเซลล์ผิวใหม่
#สาระจี๊ดจี๊ด
การควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ปกติสามารถลดการเกิด AGEs ในโปรตีนคอลลาเจนได้ถึง 25% ภายในเวลา 4 สัปดาห์
จากการศึกษาพฤติกรรมการบริโภคอาหารในผู้หญิงช่วงอายุ 40 – 74 ปี จำนวน 4,025 คน พบว่า...
1
การบริโภคอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตที่มีสัดส่วนปริมาณน้ำตาลสูง มีความสัมพันธ์กับการเกิดรอยตีนกาบนใบหน้า รวมถึงทำให้ผิวหนังบาง ซึ่งเป็นลักษณะผิวหนังที่พบในผู้สูงอายุ
จากผลการศึกษาพบว่า...
- กลุ่มที่ดื่มน้ำอัดลมมีแนวโน้มที่จะมีขนาดของเทโลเมียร์หดสั้นลง
- ในขณะที่กลุ่มที่ดื่มน้ำผลไม้เข้มข้น 100% มีแนวโน้มของขนาดเทโลเมียร์ที่ยาวกว่า
- ส่วนการดื่มน้ำอัดลมที่ใช้วัตถุให้ความหวานแทนน้ำตาลไม่มีผลต่อความยาวของเทโลเมียร์
การวิเคราะห์ข้อมูลจากผลการศึกษาดังกล่าวสรุปได้ว่า...
"การดื่มอัดลมประมาณ 2 กระป๋อง (600 มิลลิลิตร) ต่อวัน อาจทำให้อายุไขของเราสั้นลงได้ถึง 4.6 ปีเลยทีเดียว"
แต่อย่างไรก็ตามปัจจุบันยังไม่มีรายงานการศึกษาที่สามารถอธิบายถึงกลไกของการบริโภคน้ำตาลสูงต่อการหดสั้นของเทโลเมียร์ได้อย่างแน่ชัด จึงจำเป็นต้องมีการศึกษาวิจัยเพิ่มเติมต่อไปในอนาคต
#สาระจี๊ดจี๊ด
เทโลเมียร์ อยู่ตรงปลายของโครโมโซม เทโลเมียร์หดสั้นลงจะส่งผลให้ยากต่อการเกิดเซลล์ใหม่ ซึ่งเป็นเหตุสำคัญหนึ่งของการแก่ชรา
#สาระจี๊ดจี๊ด
การหลีกเลี่ยงการบริโภคอาหาร และเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูง ช่วยชะลอการเกิดผิวหย่อนคล้อย ป้องกันการเกิด AGEs และชะลอการหดสั้นลงของเทโลเมียร์ ซึ่งเป็นสาเหตุการแก่ของเซลล์ ทำให้เราดูอ่อนเยาว์จากภายในสู่ภายนอก
ทำไมร่างกายของเราจึงแก่ชรา?
#Wasabi ขอเพียงมีส่วนเล็ก ๆ ที่ช่วยให้คุณ!
"เจริญเติบโต ก้าวหน้า สำเร็จ อย่างภาคภูมิใจ"
พิสูจน์อักษรโดย วาลีพ
#สาระจี๊ดจี๊ด #Wasabi #ความรู้ขึ้นสมอง

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา