30 ธ.ค. 2020 เวลา 11:15 • ไลฟ์สไตล์
ปีที่ผ่านมานี้ ถ้า "ไม่อยู่เป็น ก็อยู่ยาก😁"
คงเป็นธรรมเนียมไปแล้ว สำหรับการ "ถอดบทเรียน" รีวิวชีวิตการทำงานในทุกทุกสิ้นปี เเละในปี 2020 นี้ก็ไม่อยากพลาด ขอแชร์ #10สิ่งที่ได้เรียนรู้ ทั้งจากประสบการณ์ตนเองเเละบทเรียนจากครู(กัลยาณมิตร) มาเเลกเปลี่ยนเเละเเบ่งปันกันค่ะ
01
"ให้ทุกการพบเจอ คือห้องเรียน"
ตลอดวันเราพบเจอผู้คนมากมาย หลากหลายอารมณ์ บ่อยครั้งที่เริ่มต้นวันด้วยความสดใส เเต่มาขุ่นหมองตอนสายเพราะโดนเเซงคิวขึ้นรถไฟฟ้า ด้วยเรื่องเเค่นี้ ทำทั้งวันเราหม่นหมอง ก็เลยลองเปลี่ยนวิธีการมอง
บางครั้งที่เราโดนเอาเปรียบ โดนทำร้ายด้วยอารมณ์ลบ เราจะมองว่าอ๋อ เเบบนี้คือสิ่งที่เราต้องระวัง อย่าทำใส่คนรอบตัวเรานะ มันทำให้เขาเสียความรู้สึกได้ เเละบ่อยครั้งที่ได้รับน้ำใจ มิตรภาพดีดี เราก็จะยิ้มรับเเละขอบคุณในช่วงเวลาดีดีเเบบนี้ จดจำไว้ว่าเเบบนี้เเหละที่ทำให้คนรอบตัวมีรอยยิ้ม
หลายอย่างรอบตัวเรากำหนดไม่ได้ เเต่มุมมองของตัวเราเราควบคุมมันได้ ให้ทุกการพบเจอเป็นห้องเรียน ห้องเรียนที่เราได้ฝึกการจัดการอารมณ์ตน🙃
02
"ชี้เข้าให้มาก ชี้ออกให้น้อย"
ถือเป็นเรื่องปกติที่เราเองจะคิดว่าเราถูกเสมอ เพราะเราว่าเราทำเต็มที่เเล้ว ทุกครั้งที่เกิดความผิดพลาดก็มักโทษสิ่งรอบตัวมากกว่าโทษตัวเอง เเล้ว "ความผิดพลาด" นั้นก็ไม่ได้ทิ้งอะไรไว้ให้เลยนอกจากตัวมันเอง
น่าเสียดาย หากเปลี่ยนจากการชี้ออก โทษสิ่งรอบตัว เป็นชี้เข้า มองเข้ามาที่ตัวเรา ทบทวน ไตร่ตรองให้ดีว่าเราพลาดตรงไหนกันเเน่ เราน่าจะได้อะไรที่มากกว่าความผิดพลาด กระบวนการเรียนรู้เเละการพัฒนาตนเองคงเริ่มต้นจากจุดนี้ล่ะมั้ง
03
"Manage by Objective ไม่เสียเวลา"
เมื่อเป้าหมาย/ผลลัพธ์สุดท้ายที่อยากได้ "ชัดเจน" การเลือกปัจจัย(In put) เเละวิธีการ(Process) ที่ถูกต้องจะตามมา เเต่หากจุดหมายมีเเต่ไม่ชัด รู้เเค่ว่าจะไปเชียงใหม่ เเต่ไม่ระบุเวลา นั่งรถไฟ หรือ นั่งเครื่องบิน ก็ถึงเชียงใหม่ได้เหมือนกัน ต่างกันก็เเค่ เวลา เเต่ก็อย่าลืมว่าเวลาเป็นต้นทุนที่เเพงที่สุดด้วยเช่นกัน
04
ใช้ "กฎของผู้เดือดร้อน"
ปีนี้ใช้กฎข้อนี้ในการทำงานอยู่บ่อยครั้ง เพราะเเต่ละขั้นตอนการทำงานมีขอบเขตเวลาที่ต้องทำให้สำเร็จอยู่ "กฎของผู้เดือดร้อน" จึงถูกนำมาใช้บ่อยๆ เพราะถ้าเราไม่ติดตามให้ถึงที่สุด งานในความรับผิดชอบเราก็จะล่าช้า ถ้าเราไม่ทำเเทน ทำเกินไปบ้าง งานในความรับผิดชอบเราก็จะไม่สำเร็จ เพราะงานที่อาจจะไม่สำเร็จนี้ ทำให้เราเป็นผู้เดือดร้อน🙄
ดังนั้น เมื่อไหร่ก็ตามที่รู้สึกว่า ทำไมเราต้องตามทวงงานเขาขนาดนี้ ทำไมเราต้องทำแทนทั้งๆที่ไม่ใช่งานเราด้วยซ้ำ ให้ย้ำถามตัวเองว่า ถ้าปล่อยเลยไป สุดท้ายเเล้วใครเดือดร้อน ถ้าคำตอบคือเรา ก็คงต้องยอมใช้กฎนี้กันเเล้วล่ะ
05 เตือนตนเอง อย่าเป็น NATO
NATO ย่อมาจาก No Action Talk Only นักพูดมีกันเยอะ เเต่นักลงมือทำจริงๆนั้นกลับมีน้อยเหลือเกิน
Not NATO จึงเป็นอีกข้อที่เราใช้ย้ำเตือนตัวเองบ่อยๆ ว่าทำให้เยอะพูดให้น้อย เพราะถ้าเราอยากเก่งขึ้น มีทักษะเพิ่มขึ้น เป็นคนมีฝีมือจริงๆ การลงมือทำคือหนทางเดียว
06
"รอพร้อมก็คงไม่ได้เริ่ม"
เเต่ก่อนเรามักมี "ข้ออ้าง" กับความฝัน กับเป้าหมายตลอด อยากทำนู่นทำนี่ อยากเป็นเเบบนั้นเเบบนี้ เเต่ไม่ลงมือสักที วางเเผนกันอยู่นั่นล่ะ ใครถามก็บอกว่า ยังไม่พร้อม จนเวลาผ่านไป ก็ได้พบว่า...
"ความพร้อมไม่มีอยู่จริง" เเล้วเราก็มานั่งเสียดายเวลาที่ผ่านมา เเละตั้งเเต่นั้น เราก็ไม่รอให้ทุกอย่างพร้อมอีกเลย ขอเเค่พอจะลงมือทำอะไรสักเล็กน้อยเพื่อเป้าหมายได้บ้าง ก็ลุยไปเลย เพราะถ้ารอพร้อม คงไม่ได้ทำสักที
07
"ย่นระยะฝัน ด้วยการลงมือทำ"
ทันทีที่อยากจบมาราธอน 42.125 กม. ก็เริ่มวิ่ง 1 กม.เเรกตั้งเเต่วันนั้น ทันทีที่คิดว่าอยากสื่อสารภาษาจีนได้ ก็ลงคอร์สเรียนภาษาจีนออนไลน์ในวันถัดมา ทันทีที่คิดว่าอยากทำงานที่ได้ช่วยเหลือผู้คน ก็เปลี่ยนสายงานทันทีที่ได้รับโอกาส
เพราะมีเเต่การลงมือทำเท่านั้น ที่จะย่นระยะความฝัน เเปรเปลี่ยนจากเเค่ฝัน เป็นความจริงได้ สู้จร้า
08
"เเม้จะ Productive เเต่ก็ต้องมีเวลาว่าง"
ย้อนเเย้ง เเต่คือ ความเป็นเหตุเป็นผล
เพราะมีเวลาว่าง เราจึงได้ทบทวนตนเอง ทบทวนปัญหา ทบทวนเนื้องาน เมื่อทบทวน จะเกิดการเรียนรู้ การตกผลึก เมื่อตกผลึก เข้าใจเเก่นเเท้ หลักการ ก็สามารถทำงานได้เอย่างมีคุณภาพ แก้ปัญหาได้อย่างตรงจุด เเละเมื่อมีคุณภาพ ทั้งวันก็จะ Productive นั่นเอง
09
"การออกกำลังกายเเละการนอน คือเคล็ดลับ"
ก่อนหน้านี้รู้สึกว่า การนอนเเละการออกกำลังกาย ช่างกินเวลาทำงานเสียจริง เเต่เมื่อสิ้นปีที่เเล้วดันป่วยเป็นภูมิเเพ้หนัก ที่ว่าหนักเพราะตั้งเเต่เล็กจนโตไม่เคยเป็นภูมิเเพ้เลย เรารู้สึกว่าพื้นฐานร่างกายเราเเข็งเเรงมาก เลยใช้งานหนักเเบบไม่กลัวพังกันเลยทีเดียว ตั้งเเต่เรียนมหาวิทยาลัย นอนไม่กี่ชม. ดื่มหนัก ไม่ออกกำลังกาย บุฟเฟ่ก็บ่อย จนร่างกายเริ่มมีอาการ ส่งสัญญาณมาว่า ดูเเลร่างเราหน่อยนะ เราจะไม่ไหวเเล้ว
ถือเป็นความโชคดีที่ป่วย เพราะหลังจากทรมานกับอาการภูมิเเพ้เเละหงุดหงิดกับการที่ต้องพ่นยา ล้างจมูกบ่อยๆ เลยเริ่มออกกำลังกายจริงจัง เริ่มวิ่ง เเละให้ความสำคัญกับการนอน ผลลัพธ์คือ อาการภูมิแพ้ดีขึ้นมาก เกือบจะหายเป็นปกติ ปีนี้มีอาการน้อยมากเพียงเเค่คัดจมูกนิดหน่อย
พอป่วยจึงคิดได้ว่า ที่เราทุ่มกำลังทำงานตลอดวันโดยไม่สนใจร่างกายเลย มันช่างย้อนเเย้งสวนทางกับความ Productive เสียจริง เพราะถ้าสุขภาพเราเเย่ การทำงานก็คุณภาพลดลง ทำได้ไม่เต็มที่ เเบบนี้ผลลัพธ์ออกมาก็ไม่ดีเท่าไหร่ สุขภาพที่เเข็งเเรง จึงเป็นเคล็ดลับสำคัญ ในการสร้างสรรงานคุณภาพ
ว่าไปนี่ก็เริ่มง่วงละ😅
10
"จะดีหรือร้าย ก็ยังไม่รู้"
ปี 2020 เเทบทุกคนบอกว่าเป็นปีที่เเย่ หนักหน่วง ทั้งสุขภาพจิต สุขภาพกาย โดยเฉพาะสุขภาพเงิน เเต่ว่า "จะดีหรือร้าย ก็ยังไม่รู้" ต้องรอดูกันต่อไป ขอแค่สู้ต่อ ท้อได้ แต่อย่าถอย ไม่เเน่ว่าที่คิดว่าเเย่ อาจจะเป็นผลดีกับเราในปี 2021 นี้ก็ได้
สุดท้ายเเล้ว ขอสวัสดีปีใหม่ เพื่อน พี่ น้อง ทุกคนนะคะ
พรปีใหม่ปีนี้ ไม่ขออะไรมากขอเเค่ "ให้เป็นปีที่ดีกว่า 2020😁" เเละเป็นปีที่เต็มไปด้วย #สติเเละปัญญา เช่นเคยค่ะ
❤HAPPY NEW YEAR 2021❤
Happy New Year 2021

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา