26 ม.ค. 2021 เวลา 07:00 • ประวัติศาสตร์
NBA 104 - ประวัติย่อของทีม NBA ตอนที่ 9 - Detroit Pistons
ประวัติทีม Detroit Pistons
ฝั่งที่สังกัด - ฝั่งตะวันออก Central Division
ปีที่ก่อตั้ง - 1941
ชื่อเดิม -
Fort Wayne Zoliner Pistons (1941-1948)
Fort Wayne Pistons (1948-1957)
Detroit Pistons (1957-ปัจจุบัน)
สถานที่ตั้ง - เมือง Detroit รัฐ Michigan
ชื่อสนามเหย้า - Little Caesars Arena
เจ้าของทีม - Tom Gores
CEO - Tom Gores
GM (General Manager) - Troy Weaver
HC (Head Coach) - Dwane Casey
ทีมสังกัดใน G-League - Grand Rapids Drive
จำนวนครั้งที่ได้แชมป์ลีก - 3 (1989, 1990, 2004)
จำนวนครั้งที่ได้แชมป์ฝั่งทวีป - 5 (1988-1990, 2004, 2005)
จำนวนครั้งที่ได้แชมป์ Division - 11 (1955, 1956, 1988-1990, 2002, 2003, 2005-2008)
จำนวนเบอร์เสื้อที่ทำการ Retired - 11 (1, 2, 3, 4, 10, 11, 15, 16, 21, 32, 40)
ประวัติทีมโดยสังเขป
ทีมได้ถูกก่อตั้งขึ้นในปี 1941 ภายใต้สังกัดของ National Basketball League (NBL) ภายใต้ชื่อว่า Fort Wayne Zoliner Pistons ที่ตั้งอยู่ในเมือง Fort Wayne รัฐ Indiana ในขณะนั้น เนื่องจากก่อตั้งโดยเจ้าของกลุ่มบริษัท Zoliner จึงได้มีการตั้งชื่อทีมเพื่อเป็นเกียรติแก่ผู้ก่อตั้งนั่นเอง
ซึ่งผลงานในช่วงแรกก็๋ถือว่าค่อนข้างยอดเยี่ยม สามารถคว้าแชมป์ NBL ไปได้สองสมัยในปี 1944 และ 1945 อีกด้วย
Fort Wayne Zoliner Pistons 1941 Logo
เวลาผ่านไปจนมาถึงปี 1948 ทีมได้มีการตัดชื่อให้สั้นลง เหลือแค่ Fort Wayne Pistons และได้ย้ายลีกไปเข้าร่วมในการแข่งของ Basketball Association of America (BAA)
แต่หลังจากที่ย้ายลีกได้ฤดูกาลเดียว ก็เกิดการรวมตัวกันระหว่าง 2 สมาคม กลายเป็นลีก NBA ในปัจจุบัน ทำให้มีหลายทีมได้ทำการย้ายสังกัดเข้าสู่ลีกนี้ด้วย ซึ่ง Pistons ก็เป็นหนึ่งในนั้น
ในช่วงแรกผลงานของทีมก็ยังถือว่าอยู่ในระดับที่ดี สามารถไปได้ถึงรอบชิงแชมป์ลีกได้ถึง 2 ครั้งในปี 1954 และ 1955 แต่ก็แพ้ให้กับคู่แข่ง คว้าได้แค่รองแชมป์ทั้งสองสมัยไปอย่างเจ็บช้ำ
การย้ายเมือง และผลงานที่ย่ำแย่
ภายหลังจากฤดูกาล 1956/57 ได้จบลง เจ้าของทีมอย่างตระกูล Zoliner ได้เห็นว่าเมือง Fort Wayne นั้นไม่สามารถที่จะสร้างกำไรระยะยาวให้กับทีมได้อีกต่อไป เนื่องจากเป็นเมืองที่มีขนาดเล็ก ทำให้ไม่เป็นที่ดึงดูดของแฟนกีฬามากนัก
สุดท้ายทีมจึงตัดสินใจมองหาเมืองใหม่ในการวางรากฐานของทีม และหลังจากที่เสาะหามาระยะหนึ่ง ทีมจึงได้ตัดสินใจย้ายไปที่เมือง Detroit พร้อมกับเปลีี่ยนชื่อทีมเป็น Detroit Pistons มานับแต่นั้น
Detroit Pistons 1957 Logo
เพียงแต่ว่าพอย้ายเมืองแล้ว ทีมกลับไม่ได้นำผลงานที่เคยรุ่งเรืองในอดีตติดมือมาด้วย ส่งผลให้ทีมมีผลงานที่ตกต่ำอย่างยาวนานมาตลอดหลายฤดูกาลติดต่อกัน จนกระทั่งในปี 1974 ที่ตระกูล Zoliner ได้ตัดสินใจขายทีมออกไปให้กับเจ้าของคนใหม่อย่าง Bill Davidson ที่กลายเป็นเจ้าของทีมมาอย่างยาวนานจนกระทั่งเสียชีวิตลงในปี 2009 นั่นเอง
Bill Davidson
เหมือนโชคชะตาเล่นตลกกับเจ้าของเดิม เพราะหลังจากที่มีการขายสิทธิ์บริหารทีม ทีมกลับมีผลงานที่ดีจนสามารถเข้ารอบ Playoffs ได้ถึง 4 ฤดูกาลติดต่อกัน แต่กระนั้นก็ยังไม่มีความสำเร็จแบบจับต้องได้เป็นชิ้นเป็นอันนักเช่นกัน
ยุคสมัยของ Bad Boys
หลังจากที่ทีมสามารถเข้ารอบ Playoffs ได้ 4 ฤดูกาลติดต่อกัน ทีมกลับต้องมาประสบกับความล้มเหลวอย่างต่อเนื่องนับจากนั้น ตั้งแต่สถิติ 16-66 ในฤดูกาล 1979/80 ตามมาด้วยสถิติ 21-61 ในฤดูกาล 1980/81
ในที่สุดแสงสว่างของการมองหาแกนหลักให้กับทีมก็เริ่มมีทิศทางที่ดีขึ้นในปี 1981 เมื่อทีมได้ตัดสินใจ Draft ดาวรุ่งอย่าง Isiah Thomas เข้าสู่ทีม ตามมาด้วยผู้เล่นแววดีที่ทีมตัดสินใจ Trade เข้ามาอย่าง Vinnie Johnson และ Bill Laimbeer ที่มาในฤดูกาล 1981 และ 1982 ตามลำดับ
Isiah Thomas
นอกจากนั้นยังมีอีกหนึ่งองค์ประกอบสำคัญอย่าง HC ผู้มากประสบการณ์อย่าง Chuck Daly ที่ย้ายมาจาก Cavaliers ในปี 1983 อีกด้วย เรียกได้ว่าแกนหลักชุดใหม่ของ Pistons จะเริ่มต้นจากบุคคลกลุ่มนี้เลยก็ว่าได้
Chuck Daly และ Thomas
ทีมสามารถทำผลงานได้ดีขึ้นจนสามารถกลับเข้าสู่ Playoffs ได้อีกครั้งในฤดูกาล 1983/84 แต่ก็ยังไม่สามารถผ่านรอบแรกไปได้ โดยแพ้ให้กับ Knicks ไปในเกมตัดสินหรือเกมที่ 5 ในตอนนั้น ก่อนที่จะมาแก้ตัวได้สำเร็จในฤดูกาลถัดมา แต่ก็โดนแชมป์ในปีนั้นอย่าง Celtics เขี่ยตกรอบไปในรอบที่สองอยู่ดี
แต่ก็ถือเป็นความโชคดีของทีม ที่ในการ Draft ปี 1985 ทีมได้ดาวรุ่งว่าที่สุดยอดผู้เล่นอย่าง Joe Dumars เข้าสู่ทีม และได้ตัว Rick Mahom มาจากการ Trade กับ Bullets (Wizards ในปัจจุบัน) ทำให้ขุมกำลังของทีมดูดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
Joe Dumars (Cr. gettyimages)
ถึงแม้ว่าทั้งสองคนจะทำผลงานได้ดี แต่ผลงานของทีมกลับตกลงมาเล็กน้อย ทีมกลับไปตกรอบแรก Playoffs อีกครั้ง โดยพ่ายให้กับ Hawks ที่กำลังมาแรงในขณะนั้น อย่างไรก็ดี สิ่งนี้ถือเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้ทีมตัดสินใจเน้นเกมรับให้ดีมากยิ่งขึ้น
ในฤดูกาล 1986/87 ทีมได้ดาวรุ่งที่จะกลายเป็นแกนหลักสำคัญให้กับทีมมาอีกสองคน นั่นคือ John Salley และ Dennis Rodman และเนื่องจากขุมกำลังของ Pistons ในตอนนั้นเต็มไปด้วยผู้เล่นที่อายุยังไม่เยอะมาก มีลุคแบบดูเถื่อนๆ รวมไปถึงนิสัยที่ชอบเล่นตุกติกนอกเกมเป็นระยะเพื่อหวังผลเกมรับที่ดีขึ้น ขุมกำลังชุดนี้จึงถูกเรียกว่ายุคแห่ง Bad Boys ในเวลาต่อมา
Dennis Rodman
ทางด้านผลงานในสนาม ฤดูกาล 1986/87 ทีมสามารถทะลุไปได้ถึงรอบชิงสายเป็นครั้งแรก ก่อนที่จะไปแพ้ให้กับ Celtics ในเกมที่ 7 ท่ามกลางการแข่งขันที่สูสีและดุเดือดตลอด Series เลยก็ว่าได้
ผลงานของทีมยังดีอย่างต่อเนื่อง ในฤดูกาล 1987/88 ทีมจบด้วยสถิติ 54-28 พร้อมกับการคว้าแชมป์ Division ได้เป็นหนแรกในประวัติศาสตร์ของทีม และสามารถล้างแค้น Celtics ได้ในรอบชิงแชมป์สายฝั่งตะวันออก ทำให้ทีมทะลุเข้าไปชิงแชมป์ลีกกับ Lakers ได้เป็นหนแรกในประวัติศาสตร์ของทีม แต่น่าเสียดายที่ไม่สามารถคว้าแชมป์ลีกมาครองได้สำเร็จ ทีมได้แพ้ให้กับ Lakers ไปในเกมที่ 7 ไปอย่างน่าเสียดายสุดๆ
สุดท้ายทีมก็ได้จิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญมาในฤดูกาล 1988/89 ด้วยการ Trade Adrian Dantley เพื่อแลกกับ Mark Aguirre มาจาก Mavericks ทำให้ทีมมีศักยภาพที่จะเป็นหนึ่งในตัวเต็งแชมป์ลีกไปโดยปริยาย
ซึ่งที่สุดแล้วทีมก็สมหวังจนได้ ทีมจบฤดูกาลด้วยสถิติ 63-19 และคว้าแชมป์ลีกไปครองด้วยการล้างแค้น Lakers ในรอบชิงแชมป์ได้สำเร็จ ได้แชมป์ไปอย่างยิ่งใหญ่
เท่านั้นยังไม่พอ ในฤดูกาลถัดมาทีมยังสามารถป้องกันแชมป์ลีกได้ หลังจากจบฤดูกาลด้วยสถิติ 59-23 และได้แชมป์ Division สามสมัยติดต่อกัน และสามารถเอาชนะ Blazers ไปได้ในรอบชิงแชมป์ ถือเป็นความสำเร็จสูงสุดของยุค Bad Boys นี้เลยทีเดียว
คว้าแชมป์ลีกไปอย่างยิ่งใหญ่ได้ถึง 2 สมัยติดต่อกัน
น่าเสียดายที่ในฤดูกาล 1990/91 ผู้เล่นคนสำคัญอย่าง Thomas กลับได้รับบาดเจ็บที่บริเวณข้อมือก่อนที่จะเริ่มเล่นในรอบ Playoffs อย่างเป็นทางการ ทำให้ทีมขาดตัวหลักจนไม่สามารถป้องกันแชมป์ลีกเป็นสมัยที่ 3 ได้ พ่ายให้กับ Bulls ในรอบชิงแชมป์สายฝั่งตะวันออกไปอย่างเจ็บปวด
การสิ้นสุดของยุค Bad Boys
หลังจากจบฤดูกาล 1990/91 ในปีถัดมาทีมก็ยังสามารถทำผลงานได้ดีในฤดูกาลปกติ แต่ผลงานใน Playoffs กลับตกลงอย่างน่าใจหาย ทีมจอดป้ายแค่รอบแรกด้วยการแพ้ให้กับ Knicks ไปในเกมที่ 5 เท่านั้น
จากผลงานดังกล่าว ส่งผลให้ HC อย่าง Daly ตัดสินใจรับผิดชอบด้วยการลาออกหลังจบฤดูกาล และสิ่งนี้ถือเป็นจุดเปลี่ยนทำให้ผลงานของทีมตกต่ำลงหลายฤดูกาลติดต่อกัน ผู้เล่นที่เป็นแกนหลักในยุค Bad Boys ต่างก็ทยอยต้องออกจากทีมไปทีละคนเรื่อยๆ
ถึงแม้ว่าทีมจะได้ทำการ Draft ดาวรุ่งฝีมือฉกาจอย่าง Grant Hill มาได้ในปี 1993 แต่เขาเองก็ไม่สามารถพาทีมไปถึงจุดสูงสุดที่ทีมเคยทำได้เลย อย่างมากก็ไปได้แค่การเข้ารอบ Playoffs เพียงเท่านั้น
Grant Hill
การสร้างทีมเพื่อไล่ล่าความสำเร็จอีกครั้ง
หลังจากที่จบฤดูกาล 1999/00 ด้วยการตก Playoffs รอบแรกอย่างที่เคยเป็น สุดท้ายแล้ว Hill ก็ได้ย้ายไปอยู่กับ Magic และทีมก็ได้ Dumars อดีตผู้เล่นในยุค Bad Boys ที่เพิ่งประกาศเลิกเล่นไปได้ไม่นานกลับมาอีกครั้ง แต่มาในฐานะของประธานฝ่ายปฎิบัติการของทีม และได้สร้างผลงานการนำผู้เล่นคนสำคัญอย่าง Ben Wallace และ Chutky Atkins มาจาก Magic เพื่อมาเป็นขุมกำลังหลักชุดใหม่ให้กับทีมในอนาคตในทันที
Ben Wallace
จากนั้นเมื่อทีมมีผลงานแค่เพียง 32-50 ในฤดูกาล 2000/01 ทีมก็ตัดสินใจเปลี่ยน HC เป็น Rick Carlisle ที่ทำงานเป็นผู้ช่วยโค้ชในขณะนั้นเข้ามาแทนที่ George Irvine ที่ถูกปลดออกไป และเจ้าตัวก็สามารถพาทีมชนะมากกว่า 50 เกมได้อีกครั้งในฤดูกาลถัดมา รวมไปถึงสามารถผ่านเข้ารอบ Playoffs เข้าไปได้ถึงรอบสองอีกด้วย
จากนั้นทีมจึงเริ่มเดินหน้าสร้างทีมเพื่อไล่ล่าแชมป์ลีกอีกครั้งให้จงได้ ในช่วง Offseason ของปี 2002 ทีมได้เซ็นสัญญาผู้เล่นเข้ามาหลายคน นำโดย Chauncey Billups, Richard Hamilton และทำการ Draft ดาวรุ่งอย่าง Tayshaun Prince เข้ามาสู่ทีม
ทั้งสามคนถือเป็นกำลังสำคัญให้กับทีมในฤดูกาล 2002/03 ที่ทีมสามารถเข้ารอบไปได้ถึงรอบชิงแชมป์สายได้อีกครั้งในรอบหลายฤดูกาล ก่อนที่จะไปโดน Nets กวาดตกรอบไปอย่างเจ็บปวด และนั่นทำให้ Carlisle ถูกปลดออกหลังจากจบฤดูกาล
อย่างไรก็ดี ทีมได้ HC คนใหม่ที่มากฝีมือเช่นกันอย่าง Larry Brown รวมไปถึงการที่ได้ตัวสำคัญอย่าง Rasheed Wallace เพิ่มเข้ามา ทำให้ทีมกลับมาเป็นเต็งแชมป์ได้ในฤดูกาล 2003/04 ด้วยขุมกำลังที่เพียบพร้อมแล้วในทุกตำแหน่ง
Rasheed Wallace
ในที่สุดทีมก็สามารถทำตามเป้าหมายได้สำเร็จ สามารถคว้าแชมป์ลีกไปได้เป็นสมัยที่ 3 อย่างยิ่งใหญ่ในฤดูกาลนี้นั่นเอง เริ่มจากการจบฤดูกาลด้วยสถิติ 54-28 และสามารถเอาชนะได้ทั้ง Bucks, Nets และ Pacers ในรอบชิงแชมป์สาย ก่อนที่จะไปเอาชนะ Lakers ที่เป็นเต็งแชมป์เช่นกันลงได้ในเกมที่ 5 คว้าแชมป์ได้อย่างยิ่งใหญ่
แชมป์ลีกฤดูกาล 2003/04
แต่จุดเปลี่ยนสำคัญก็เกิดขึ้นจนได้ เมื่อในฤดูกาล 2004/05 ทีมได้ไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ปะทะกันกับคนดูระหว่างการแข่งขันกับทีม Pacers ซึ่งถือเป็นหนึ่งในเหตุการณ์ที่ร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ของลีก ส่งผลให้นอกจากผู้เล่นหลายคนจะโดนแบนไม่ให้ลงสนามแล้ว (Pistons โดนไม่เยอะเท่า Pacers ที่เป็นฝ่ายเริ่ม) Brown ที่มีปัญหาด้านสุขภาพมาก่อนหน้านี้แล้วจึงตัดสินใจลาออกในที่สุด
ทำให้สุดท้ายแล้วน่าเสียดายที่ทีมไม่สามารถป้องกันแชมป์ลีกได้ ถึงแม้ว่าทีมจะสามารถกลับเข้าสู่รอบชิงแชมป์ลีกได้อีกครั้ง แต่ก็ต้องพ่ายให้กับ Spurs ไปแบบชนิดที่เรียกว่าต้องตัดสินกันในเกมที่ 7 เลยทีเดียว
ในฤดูกาลถัดมาทีมยังได้สร้างสถิติใหม่ขึ้นอีก ทีมจบฤดูกาลด้วยสถิติ 64-18 ซึ่งนับว่าดีที่สุดในประวัติศาสตร์ทีม และปีนี้ก็มีผู้เล่นที่ติด All-Star ถึง 4 คนด้วยกัน (Billups, Hamilton และทั้ง 2 Wallace) น่าเสียดายที่ทีมไม่สามารถผ่านเข้ารอบชิงแชมป์ลีกได้เป็นหนที่ 3 ติดต่อกัน หลังจากที่ไปแพ้ให้กับ Heat ในรอบชิงแชมป์สายฝั่งตะวันออกในเกมที่ 6
และจากการที่ทีมเสีย Wallace ที่ตัดสินใจไปเซ็นสัญญากับ Bulls ทีมเลยต้องหาตัวแทนโดยด่วนที่สุด ซึ่งสุดท้ายก็ลงตัวในช่วงกลางฤดูกาล 2006/07 ที่ทีมได้ Chris Webber ที่เพิ่งหมดสัญญากับ Sixers ทำให้ทีมแก้ปัญหาในจุดนี้ได้อย่างทันท่วงที สามารถเร่งทำผลงานจนกลับมาเข้ารอบ Playoffs ได้ แต่ก็ต้องน้ำตาตกเพียงแค่รอบชิงแชมป์สายไปอีกครั้ง หลังจากที่แพ้ให้กับ Cavaliers ไปแค่ในเกมที่ 6 อีกเช่นเดิม
ในที่สุดยุคนี้ก็สิ้นสุดลงหลังจบฤดูกาล 2007/08 หลังจากที่ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมมาหลายฤดูกาล และทำทีมเข้ารอบชิงแชมป์สายได้ถึง 6 ฤดูกาลติดต่อกัน แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถทะลุไปได้ถึงรอบชิงแชมป์ลีกอีกเลย ทำให้ทีมตัดสินใจเข้าสู่โหมดการสร้างทีมใหม่ เริ่มจากการที่ HC ที่อยู่กับทีมมาอย่างยาวนานอย่าง Flip Saunders ไม่ได้รับการต่อสัญญาอีกต่อไปนั่นเอง
เข้าสู่การสร้างทีมใหม่
ในฤดูกาล 2008/09 ทีมได้เสียผู้เล่นแกนหลักอย่าง Billups ไปให้กับ Nuggets และจากอาการบาดเจ็บที่คอยเล่นงานทีมเป็นระยะ ส่งผลให้ทีมจบสถิติเพียงแค่ 39-43 และโดน Cavaliers เขี่ยตกรอบ Playoffs เพียงแค่รอบแรกเท่านั้น
หลังจากนั้นมา บรรดาผู้เล่นที่เคยเป็นแกนหลักในยุคไล่ล่าแชมป์ต่างก็ทยอยออกจากทีมไปเรื่อยๆ เริ่มจาก Rasheed Wallace และตามด้วย Antonio McDyess ถึงแม้ว่าทีมจะเซ็นสัญญา Ben Wallace กลับมาอีกครั้ง แต่ผลงานของทีมโดยรวมก็ไม่ดีขึ้น
ทำให้จากจุดสูงสุดในไม่กี่ฤดูกาลก่อนหน้านี้ กลายเป็นจุดต่ำสุดของทีมที่แพ้มากกว่า 50 เกมทั้งในฤดูกาล 2009/10 และ 2010/11 เพียงเท่านั้น ในที่สุดเจ้าของทีมจึงตัดสินใจขายสิทธิ์ในการบริหารทีมให้กับ Tom Gores ที่ถือสิทธิ์การเป็นเจ้าของมาจนถึงปัจจุบัน
Tom Gores
ถึงแม้ว่าทีมจะเปลี่ยนเจ้าของแล้ว แต่ผลงานของทีมก็ยังไม่ดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญมากนัก มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของทีมหลายตำแหน่งทั้งผู้เล่นและบรรดาผู้บริหาร จนกระทั่งทีมได้มาอยู่ภายใต้การคุมทีมของ Stan Van Gundy ที่ดำรงตำแหน่งควบทั้ง HC และประธานปฎิบัติการของทีมในปี 2014 และทำให้ผลงานของทีมเริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ ตามลำดับ
Van Gundy เริ่มได้ทำการปรับเปลี่ยนขุมกำลังของทีมอย่างจริงจังในช่วง Offseason ของปี 2015 ขุมกำลังใหม่ที่นำโดย Andre Drummond, Marcus Morris, Aron Baynes และ Reggie Jackson ต่างก็ทำผลงานได้ดีจนทำให้ทีมจบฤดูกาล 2015/16 ด้วยสถิติ 42-40 และเข้ารอบ Playoffs ได้อีกครั้งในรอบหลายปี ก่อนที่จะตกรอบแรกไปตามระเบียบ
เข้าสู่ยุคปัจจุบัน
ในช่วงกลางฤดูกาล 2016/17 ทีมได้ประกาศที่จะย้ายสนามเหย้าไปเป็น Little Caesras Arena ในฤดูกาลถัดไป ถือเป็นอันสิ้นสุดของสนามเหย้าเดิมที่ Oakland หลังผ่านการใช้งานมาเกือบ 40 ปี พร้อมกับประกาศว่าทีมจะเริ่มเข้าสู่ยุคใหม่ ด้วยการเปลี่ยน Logo ของทีมให้เป็นแบบที่เห็นกันในปัจจุบัน
จากนั้นในช่วงต้นปี 2018 ทีมได้เซ็นสัญญาผู้เล่นระดับสูงอย่าง Blake Griffin เข้าสู่ทีม โดยเป็นการ Trade กับทีม Clippers นั่นเอง แต่การมาของเจ้าตัวถือว่าสร้างความผิดหวังให้กับทีมค่อนข้างมาก เนื่องจากยังไม่สามารถพาทีมให้ไปยังจุดที่เคยรุ่งเรืองเหมือนในอดีตได้ แถมมีอาการบาดเจ็บคอยเล่นงานอยู่เป็นระยะอีกต่างหาก
และจากผลงานดังกล่าว ทำให้สุดท้ายแล้ว Van Gundy ก็ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับทีมอีกต่อไปหลังฤดูกาล 2017/18 ได้จบลง ทีมได้จ้าง Dwayne Casey ให้เป็น HC คนใหม่ของทีมจนกระทั่งปัจจุบัน
ถึงผลงานของทีมในตอนนี้จะยังดูลุ่มๆ ดอนๆ แต่แฟนของทีมนี้ก็คงได้แต่หวังว่าทีมจะสามารถกลับไปสู่ยุครุ่งเรืองที่เคยเกิดขึ้นมาก่อนหน้านี้ได้อีกครั้งในเร็ววัน
ถ้าชอบก็ฝาก Share และกดติดตามด้วยนะครับ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านครับ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา