7 ม.ค. 2021 เวลา 05:16 • ประวัติศาสตร์
“โรคไข้เหงื่อออก (Sweating Sickness”) โรคร้ายที่ถูกลืมในประวัติศาสตร์ยุโรป
ในเวลานี้ โควิด-19 คือปัญหาใหญ่ที่ลุกลามไปทั่วโลก ทำให้วิถีชีวิตของผู้คนเปลี่ยนไป เศรษฐกิจต่างก็ได้รับผลกระทบ
ในอดีตนั้น การแพร่ระบาดของโรคร้ายก็เคยเกิดขึ้นหลายครั้ง โดยเฉพาะในยุคกลาง
ในยุคกลางนั้น โรคระบาดคือภัยร้ายที่ทุกคนหวาดกลัว เนื่องจากการแพทย์ยังไม่ก้าวหน้า โดยหลายๆ โรคนั้น ในปัจจุบันก็ไม่น่ากลัวและแพทย์สมัยใหม่ก็สามารถหาสาเหตุและวิธีการรักษาได้แล้ว
แต่โรคหนึ่งที่ยังสร้างความพิศวงให้แพทย์สมัยใหม่ และยังไม่สามารถหาคำตอบที่แน่ชัดได้จนทุกวันนี้ นั่นก็คือ
“โรคไข้เหงื่อออก (Sweating Sickness”)
ในสมัยศตวรรษที่ 15-16 ได้เกิดโรคระบาดปริศนาลามไปทั่วยุโรป โดยผู้ป่วยนั้นจะมีอาการที่เริ่มจากมีไข้ หนาวสั่น ปวดหัว ปวดตามร่างกาย
ระยะสุดท้ายของโรคจะมาในราวครึ่งชั่วโมงถึงสามชั่วโมงหลังออกอาการ โดยมีเหงื่อออกมากและกระหายน้ำ ไม่ได้สติ ชีพจรเต้นแรง ก่อนจะหมดสติและเสียชีวิต
ที่น่ากลัวที่สุดก็คือโรคนี้สามารถคร่าชีวิตคนได้อย่างรวดเร็ว โดยผู้ป่วยส่วนใหญ่จะเสียชีวิตภายใน 18 ชั่วโมงหลังจากเริ่มแสดงอาการ มีเพียงคนที่รอดผ่าน 24 ชั่วโมงแรกมาได้ถึงสามารถฟื้นตัว
มีการระบาดครั้งใหญ่ของโรคไข้เหงื่อออกถึงห้าครั้ง ตั้งแต่ปีค.ศ.1485 (พ.ศ.2028) และมีบันทึกของโรคนี้ครั้งสุดท้ายในปีค.ศ.1551 (พ.ศ.2094)
1
โรคไข้เหงื่อออกระบาดครั้งแรกในรัชสมัยของ “พระเจ้าเฮนรีที่ 7 แห่งอังกฤษ (Henry VII of England)” ในปีค.ศ.1485 (พ.ศ.2028) และคร่าชีวิตคนไปกว่าหนึ่งหมื่นคนภายในระยะเวลาเพียงหนึ่งเดือน
โรคนี้กลับมาระบาดอีกครั้งในปีค.ศ.1507 (พ.ศ.2050) ตามมาด้วยการระบาดครั้งที่สามและเป็นการระบาดครั้งใหญ่ในปีต่อมา ซึ่งระบาดไปถึงฝรั่งเศสด้วย
1
พระเจ้าเฮนรีที่ 7 แห่งอังกฤษ (Henry VII of England)
การระบาดครั้งที่สามนั้นรุนแรงและคร่าชีวิตคนถึงครึ่งหนึ่งในบางพื้นที่ และครั้งที่สี่ก็ระบาดในลอนดอนในปีค.ศ.1528 (พ.ศ.2071) ก่อนจะลามไปทั่วอังกฤษ
แม้แต่ “พระเจ้าเฮนรีที่ 8 แห่งอังกฤษ (Henry VIII)” ก็ยังต้องเสด็จออกจากลอนดอนเพื่อหนีการระบาดของโรค
พระเจ้าเฮนรีที่ 8 แห่งอังกฤษ (Henry VIII)
โรคร้ายได้ระบาดต่อไปยังเยอรมนีและคร่าชีวิตคนไปนับพันในสัปดาห์แรก ก่อนจะลามไปทั่วยุโรป ทั้งสวิตเซอร์แลนด์ เดนมาร์ก สวีเดน นอร์เวย์ โปแลนด์ และลามไปไกลถึงรัสเซีย
โรคร้ายได้ปรากฎบันทึกครั้งสุดท้ายในปีค.ศ.1551 (พ.ศ.2094)
2
ที่น่าแปลกอีกเรื่องก็คือ ผู้ติดเชื้อส่วนมากจะเป็นบุคคลในวงสังคมชั้นสูง ขุนนาง นักบวช แม้แต่เชื้อพระวงศ์หลายๆ องค์ก็มีบันทึกว่าติดโรคนี้เช่นกัน
นักวิทยาศาสตร์ในปัจจุบัน คาดการณ์ว่าโรคนี้เกิดจากไวรัสที่มาจากสัตว์จำพวกหนูหรือยุง บางคนก็คาดเดาว่ามาจากอาหารเป็นพิษ แต่ก็ยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัดว่าเกิดจากอะไรกันแน่
โรคไข้เหงื่อออกนี้หายไปอย่างปริศนา เข่นเดียวกับโรคร้ายอื่นๆ ที่ผ่านมา และอยู่ๆ ก็หายไปอย่างไม่ทราบสาเหตุ
เราก็คงต้องมารอดูว่าโควิด-19 ที่โลกกำลังเผชิญอยู่ในปัจจุบัน จะจบลงอย่างไร
มีเพียงอนาคตที่ตอบได้ และเป็นที่แน่นอนว่าจะได้รับการบันทึกลงในหน้าประวัติศาสตร์อย่างแน่นอน
โฆษณา