7 ม.ค. 2021 เวลา 09:38 • นิยาย เรื่องสั้น
อาเต๊า เล่าเสี้ยน ตัวละครผู้โง่เขลาแต่ไม่โง่
สวัสดีครับทุกท่าน วันนี้ผมขอพูดถึงตัวละครอีกท่านหนึ่ง ที่มีบทบาทที่น่าจำจดกันอีก อาจจะไม่ถูกใจใครบ้างก็ขออภัยนะครับ กับตัวละครที่แสนอ่อนแอแต่เป็นที่จดจำ
เล่าเสี้ยน หรือ อาเต๊า ในอีกแง่มุมกันนะครับ
อาเต๊า – ไม่ใช่คนโง่?
"ไม่มีศักดิ์ศรี แต่อยู่สบาย ไม่ต้องตาย แถมยังได้ปกครองเสฉวนต่อจนอายุถึง60ปี"
หากทุกท่านได้อ่านพงศาวดารสามก๊กกันแล้ว ทุกท่านจะเห็นถึงตัวละคร อาเต๊า เจ้าเด็กน้อยที่เกือบให้ท่านเล่าปี่ เสีย 1 ใน 5 ทหารเอก จูล่ง ไปเสียแล้ว จากการอพยพหนีทัพโจโฉที่ตามหมายจะขยี้เล่าปี่ให้สิ้นซาก จนถึงกับท่านเล่าปี่ บุรุษผู้ที่มีความนอบน้อม สุภาพ ดูเป็นวีรชน ฟิวส์ขาดถึงกับโยนลูกน้อย ลูกชายคนโตคนนี้ทิ้งกับพื้นเลยทีเดียยว
โดยมักจะมีคนแซวว่า
"ที่อาเต๊าไม่เอาไหน ก็เพราะท่านเล่าปี่ โยนอาเต๊าลงพื้นนั่นแหละ"
เมื่อหลายปีผ่านไปจนกระทั่งพระเจ้าเล่าปี่ตรอมใจสิ้นพระชนม์ไปแล้ว อาเต๊า ก็เหมือนหนูตกถึงข้าวสารอยู่แล้ว กลับได้ขึ้นครองเป็นจ้าวเมืองเสฉวนต่อจากพระบิดา รวมทั้งมีกุนซือที่แสนจงรักภักดีอย่างขงเบ้ง คอยหนุนชูค้ำบัลลังก์ให้อีก นับว่าเป็นผู้ที่มีบุญบารมี วาสนาดีโดยแท้มาตั้งแต่เล็กจนโต แต่โลกนี้ก็มักจะมีอะไรไม่แน่นอน ได้แบ๊คอัพดีขนาดนี้แล้ว แต่อาเต๊ากับไม่มีความสามารถเสียนี่ แถมยังทำตัวให้น่าผิดหวัง เมื่อวันที่ทัพของ จิ้นก๊ก ที่สุมาเจียว สุมาเอี๋ยน ส่งเต็งงาย และจงโพย มายึดเมืองได้สำเร็จ โดยเมื่อครั้ง เต็งงายมาถึงหน้าประตูเมืองเสฉวน อาเต๊า กลับยอมแพ้แต่โดยดีทั้งๆที่ยังมีนักรบมากมายพร้อมสู้รบ แต่อาเต๊า ไม่มีแม้กระทั่งศักดิ์ศรีใดๆ ยอมแพ้ดีกว่าจะได้จบๆไป จนกลายเป็นตัวละครที่คนมักดูถูกว่า อาเต๊า ช่างอ่อนแอเสียเหลือเกิน
เมื่อผมอ่านเรื่องราวสามก๊กถึงอาเต๊านี้ ผมเองก็มักจะรู้สึกว่าทำไม ท่านเล่าปี่ช่างอาภัพ มีฮ่องเต้เพียง 2 สมัย ก็โดนจิ้นก๊ก ล้มลงเสียแล้ว แต่หากเรามองอีกอย่างถึงลึกๆของตัวอาเต๊า ผมกลับรู้สึกได้ว่า อาเต๊า ไม่ใช่คนโง่ แต่เรียกว่า อยู่เป็น ก็ว่าได้ หากจะพูดอีกอย่างก็คือ อาเต๊า ใช้ชีวิตอยู่แบบ Slow Life อาเต๊าเป็นคนคิดง่าย คิดอะไรง่ายๆ ไม่ได้หวังอะไรเลยในชีวิต อาเต๊าหวังเพียงแค่ว่า ตนเองจะใช้ชีวิตอยู่อย่างไรให้สบายไปวันๆเท่านั้นเอง เมื่อตัวเองคิดง่ายๆเช่นนี้ คนที่อยู่ใต้การปกครองอย่างขุนนางที่มีเจตนารมณ์สืบต่อการรวบรวมแผ่นดินอย่าง ขงเบ้ง เกียงอุย คงไม่ชอบเป็นแน่ แต่สำหรับชาวนา ชาวบ้านแล้ว การไม่มีสงครามนั้นคือสิ่งประเสริฐสุด สำหรับพวกเขาต่างหาก
4
ในขณะที่พระเจ้าโจฮองต้องสละราชสมบัติให้สุมาเอี๋ยน และถูกเนรเทศไปอยู๋ที่กันดาร
ในขณะที่พระเจ้าซุนโฮ ไปเป็นตัวประกันไม่ปล่อยกลับเมือง
อาเต๊า กลับได้กลับบ้านอย่างชิวๆ และอยู่อย่างสำราญจนตายโดยไม่คิดอะไรเมื่ออายุ 60 ปี
จริงๆแล้วอาเต๊า ไม่ใช่คนโง่เลย แต่อาเต๊า เป็นคนที่ไม่คิดมากอะไรเลยในชีวิต ขอเพียงอยู่สุขสำราญก็พอใจ แพ้ชนะ ไม่ใช่สิ่งสำคัญสำหรับอาเต๊าเลย และนั่นก็เป็นข้อดีขออาเต๊า ที่ทำให้ตนอยู่รอดปลอดภัยมาได้อีกหลายปี และยังรักษาฐานะตำแหน่งตนไว้ได้ หากจะมาเปรียบเทียบกับชีวิตคนในบางครั้งนั้น
“การยอมรับความพ่ายแพ้ และไม่ผูกมัดกับความผิดหวัง ขอเพียงให้ตัวเองใช้ชีวิตได้อย่างสบายใจเท่านั้น มันก็พอแล้ว”
ผมเองก็รู้สึกได้ว่า บางครั้งชีวิตมันเครียดและกดดัน เพราะเรามีความหวังมาก ใส่ใจมาก กังวลมาก จนลืมไปว่าพื้นฐานของชีวิตเรา อาจจะมีแค่กินอิ่มนอนหลับก็ได้ บางครั้งเราเอาอย่างอาเต๊าบ้าง(แต่อย่าเอาอย่างไปซะทุกเรื่องนะจ๊ะ) เป็นอาเต๊าซัก 1 วัน ชีวิต ไม่ต้องคิดอะไรเลยมันก็ดีเหมือนกัน ขอเพียงตัวเองมีความสุขไปวันๆก็พอ นี่สิ หนทางแห่งการ Slow Life ของอาเต๊า
ขอบคุณครับ
โฆษณา