7 ม.ค. 2021 เวลา 11:49 • นิยาย เรื่องสั้น
ความซื่อสัตย์ในวัยเด็ก
.....เมื่อครั้นตอนเป็นเด็กตัวน้อย ครูเคยสอนให้ซื่อสัตย์ วันนั้นครูไม่อยู่ไปประชุม ครูบอกให้นักเรียนเงียบ ใครคุยใครเล่นจะโดนตี กลับมาจะโดนตี หลังจากครูไปได้ไม่นาน เด็กน้อยทั้งหลายก็วิ่งเล่น คุยกันรวมทั้งตัวเราด้วย จนกระทั่งครูกลับมา ครูก็ถาม
"ใครคุยกัน ออกมาหน้าห้องเดี๋ยวนี้"
มีเด็กที่กล้าออกไปหน้าห้องอยู่ไม่กี่คน แน่นอน เราไม่ออกไปหรอก จะไปทำไมให้โดนตี ต่อมาครูก็พูดว่า
"ครูรู้ว่าคุย เล่นกันทุกคน แต่คนที่มายืนหน้าห้อง แสดงให้เห็นว่าเป็นคนซื่อสัตย์ ฉะนั้นครูจะไม่ตี ส่วนคนที่ไม่ยอมรับผิด ไม่มายืนหน้าห้อง จงออกมาให้ครูตีทั้งหมดเดี๋ยวนี้" ตัวเรานี่ รู้สึกทันที รู้สึกได้เลยว่าเราควรมีความ ซื่อสัตย์ เราทำผิด แต่เราไม่ยอมรับผิด ก็สมควรแล้วที่เราจะโดนครูตี ว่าแล้วก็ออกไปรับโทษทันที
หลังจากวันนั้น เราก็ประทับใจเรื่องนี้มาก และไม่เคยไม่กล้ารับผิดอีกเลย...
ต่อมาอีกหลายปี เราย้ายจากโรงเรียนเดิม มาโรงเรียนใหม่ ครูก็ไปประชุมเช่นกัน และสั่งเหมือนเดิม เด็กก็เหมือนเดิม แต่พอดีเราไปห้องน้ำ แล้วเราก็กลับมาที่ห้องเรียน เราเห็นครูกำลังตีเพื่อนๆในห้อง แต่ไม่ตีเรา เพราะเห็นว่าเราไปห้องน้ำ ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ แต่ด้วยความที่เราก็คุย เราก็เลยไปบอกครูว่า "ครูครับ ผมก็คุย เล่นกับเพื่อนครับ" ครูก็มอง แล้วก็จับเราตีทันทีแต่มันไม่เจ็บเท่าไหร่ ไม่พูดอะไรเลยแล้วก็กลับไปเรียนตามเดิม
เห็นอะไรแตกต่างในมุมมองนี้ไหม
ฟังดูอาจรู้สึกเหมือนทำไมครู คนแรกใจดี คนที่สองใจร้ายจัง
คนหนึ่ง
"เขาเลือกตีเด็กที่โกหก เพราะเขาสอนให้เรารู้จักความซื่อสัตย์ และผลตอบแทนของความซื่อสัตย์"
อีกคนหนึ่ง
"เขาเลือกตีเด็กทุกคน แม้กระทั่งเด็กที่สารภาพผิดก็ตี แต่เขาไม่ใช่ไม่สอน เขาสอนให้รู้ว่า ถ้าเราทำผิด ไม่ว่าจะสารภาพ หรือ ปกปิด เราก็สมควรได้รับการลงโทษเช่นกัน"
มันเหมือนจะขัดแย้ง แต่มันกลับเป็นผลต่อเราทั้งคู่ แต่ถ้าเราตีความหมาย และเจตนาเขาด้วยอคติ เราจะไม่มีวันรับรู้น้ำใจเขาเลย ฉะนั้นเอาคำติ เอาคำสอน ของคนเหล่านั้น มาคิดและไตร่ตรองดูเถิด ว่าเขาหวังดีกับเรา หรือหวังทำลายเรามากน้อยเพียงใด แล้วค่อยตัดสินเขา โดยก้าวข้ามอคติเหล่านั้นไปก็พอ...
โฆษณา